ช่วงนี้ตูบูรณะโบราณสถานแห่งหนึ่ง
ปกติไม่เคยคิดจะไปทำอะไรแบบนี้หรอก แค่หยอดบริจาคใส่ตู้เท่านั้น
แต่คราวนี้มันไม่ใช่ ... ครั้งแรกที่ไปเยือนซะด้วย (แล้ว...แล้วทำไมต้องเป็นตูด้วยย
)
อาจารย์ศิลปากรแกพาไป แกก็เล่าว่าครุฑหน้าบันถูกขโมยไป ... ตูคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้
ขาเจ้ากรรมเดินออกจากอุโบสถ ไปตามหาเจ้าอาวาสแล้วแจ้งว่าตูขอจะบูรณะ และจะทำเรื่องเองหาปัจจัยเอง
ในใจตูนี่ด่าตัวเองเลยนะ... ไอ้ห่า กูพูดอะไรออกไป ..บูรณะใช้เงินเท่าไหร่ มึงรู้จักใครรึไง แสรดดด
ออกมาเจออาจารย์ แกบอกว่าถ้าฉันทำเอกสารผ่าน อาจารย์จะดึงศิลปินแห่งชาติที่สนิทกันมาเซ็นรับรอง พร้อมหาช่างฝีมือดีมาให้
พร้อมด้วยทีมงานที่บูรณะหน้าพระลาน และเอกสารก็เร็วจนน่าตกใจ .. ฉันได้เอกสารจากกรมศิลป์ รอยื่นกับอธิบดีก็จบละ สร้างได้
.......................................
ที่แห่งนี้ ตูไม่เคยรู้ประวัติอะไรมาก่อน ..เพราะไปครั้งแรกก็ขอบูรณะกันซะอย่างนั้น โดยไร้สาเหตุ
พอกลับมาบ้าน กูรีบเซิร์สเลยว่าที่นี่มันอะไรยังไง ทำไมอยู่ๆกูต้องมาบูรณะด้วย ..... ขึ้นเลยจ้า "1 ใน 10 ที่เฮี้ยนที่สุดในประเทศไทย "
หลังจากนั้น ฉันได้นัดเจ้าอาวาสเพื่อมารับเอกสารพร้อมรูปถ่าย .... มันเป็นวันธรรมดา นัดท่านช่วงบ่าย 2 ฉันก็เดินเตร็ดเตร่
แถวในอุโบสถ ... แล้วบอกตัวเองว่าไม่นะ ไม่เอา ไม่เข้าไป
.... ได้เรื่องเลยทีนี้ บรรยากาศมันบีบคั้นหัวใจมาก
แล้วดันอยู่คนเดียวในอุโบสถมหาอุด มันมืดๆ สลัวๆ ตูก็ได้แต่สวดมนต์ขอขมาพระประธาน พอตอนยกถวายโครงการเท่านั้นแหละ
ข้างในอุโบสถครึ้มหนักกว่าเดิม เหมือนมีคนเยอะๆมาร่วมบุญถวายด้วย ... ตูอยากจะวิ่งกรี๊ดออกไปจากอุโบสถเดี๋ยวนั้น
แต่..เอาวะบทสวดจะจบละ กัดฟันท่องไปจนจบ แล้วเดินออกมาไปรับเอกสารกับเจ้าอาวาส ท่านบอกว่าที่นี่ไม่มีอะไรนะโย๊มมมม
อาตมาก็ไม่เคยเห็น มีแต่คนอื่นเค้าเห็นกันแล้วเล่าต่อกันมา ... หากโยมจะบูรณะธรรมาศโบราณ ภาพฝาผนัง 400 ปี ด้วยก็ได้นะจ๊ะ
ฉันเลยบอกหลวงพ่อว่า ขอให้บูรณะสร้างครุฑเสร็จแล้วอย่างอื่นน่าจะตามมาเองค่ะ .... ฉันรับเอกสารกลับบ้าน
เมื่อคืนนี้เอง ... เป็นวันพระ ฉันสวดมนต์นั่งสมาธิปกติ และก็ปกติอีกนั่นแหละที่มักจะมีเสียงก๊อกๆแก๊กๆหน้าประตูเวลานั่งสมาธิเสมอ
บางครั้งถึงขนาดมีเสียงเปิดประตู ทั้งๆที่ประตูล็อคและไม่มีคนขึ้นมาชั้น 3 เลย
แต่วันนี้ ... เงียบกริ๊บ รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ในความอุ่นใจนั้นแหละ ขณะนั่งพิมพ์งานอยู่ ....เหยดดดแม่ง
ภาพผุดขึ้นมาเลย ชัดมาก จนต้องหันไปหน้าประตูห้องที่ปิดอยู่ ... มีคนนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตู เป็นผู้ชายโบราณดุมาก มีดาบลงอักขระที่โคตรน่ากลัว
ตูข่มบอกตัวเองเลยว่า ไม่ ไม่ ไม่ !!! กูไม่เห็น กูมโนไปเอง ต่อให้กูไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ก็เถอะ ... ยังงี้มันต้องเช็ค
ตูมีเพื่อน กับรุ่นพี่อีกคนนึง ที่ค่อนข้างมีเซ้นต์ (ความเชื่อส่วนบุคคล ช่วงนี้กูพบเจออะไรพวกนี้บ่อย ต้องมีที่ปรึกษา
)
เจ้าสองคนนี่คุยกับตูผ่านเมสเสสในเฟส ตูบอกว่าตูไปทำอะไรและรู้สึกเหมือนมี "อะไร" อยู่หน้าประตู ....
แม่งเสือกพูดเหมือนกับสิ่งที่ตูรู้สึกเลยว่าอะไรมาอยู่หน้าประตู อีเพื่อนกูนี่แล้วใหญ่เสือกบรรยายรูปพรรณสันฐาน การแต่งกายได้อีก
ไม่ ไม่ ไม่ !!! กูยังไม่เชื่อ ... ขอถามคำถามสุดท้าย ทรงผมเค้าทรงอะไร .... พอเพื่อนตูบอกมาเท่านั้นแหละ ทุกอย่างโป๊ะ
ออกไปนอกห้องพี่แกก็เดินตามประกบตลอดเบยเห็นในหางตา ถึงจะไม่รู้สึกกลัวแต่กูก็ไม่ชินปะว๊า ... รู้ได้เลยเค้าตามมาจากที่วัด
คิดว่าตามกันจนกว่าจะจบงานกันไปนี่แหละ
///
ไว้ค่อยมาเล่าเรื่องเจเจ๊นางตะเคียน 1000 ปี ยาว 39 เมตร กรมศิลป์บอกว่านางเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยขุดพบแล้วล่ะ