หน้า: 1 ... 62 63 64 65 66 67 68 [69] 70 71 72 73 74 75 76 ... 84
 
ผู้เขียน หัวข้อ: FWD: งามๆ แบ่งกันอ่าน  (อ่าน 295865 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
คิดว่าน่าจะละโว้เคยเห็นใน aromdee ละ
แต่รอบนี้ไปเจอใน digg ครับ โห
ขุดกันกระจายด้วย

 Thai Dog Rescue
http://flickr.com/photos/astanhope/sets/72157604856471152/



 กรี๊ดดดดด โหยน้อง
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
Digg กรี๊ดดดดด
http://digg.com/pets_animals/Thai_Dog_Rescue_2
บันทึกการเข้า
คิดว่าน่าจะละโว้เคยเห็นใน aromdee ละ
แต่รอบนี้ไปเจอใน digg ครับ โห
ขุดกันกระจายด้วย

 Thai Dog Rescue
http://flickr.com/photos/astanhope/sets/72157604856471152/



 กรี๊ดดดดด โหยน้อง

พี่โก้เคยโพสท์แล้วนะ มาเป็นเซทเท่มากเลย
บันทึกการเข้า
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6555508/X6555508.html#25

เอาไปโพสต์ที่pantip ... ดูความเห็ฯที่ 25 เป็นต้นไป  กร๊าก
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
คนเอาไปดัดแปลงนี่ก็ช่างคิดนะ  กร๊าก
บันทึกการเข้า

 กร๊าก กร๊าก กร๊าก

อารมณ์ดีจริงๆคนคิด
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
อาจจะละโว้นะครับ เพราะผมก็ได้รับ fwd มานานแล้วเหมือนกัน เพิ่งขุดมาให้อ่านกัน
เป็นแง่คิดที่ดีสำหรับคนที่ทำงานบริษัทเหมือนกัน





ลองอ่านดูนะ  ได้แง่คิดเหมือนกัน  สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา 

Subject: FW: อายุ 28 ทำงานมา 3 ปี ย้ายงานมา 6 บริษัท อ่านแล้ว อึ้ง ทึ่ง เสียว
 
 
 
จบวิศวะ เครื่องกล พระจอมเกล้า พระนครเหนือ ตอนนี้อายุ 28 ทำงานมา 3 ปี ย้ายงานมา ทั้งหมดก็ 6 บริษัท เสต็ปเงินเดือนนะครับ
- 8,000 โรงงานคนไทย ( Design Engineer) สิบเดือน
- 15,500 บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ( Design Engineer) สี่เดือน เลื่อนตำแหน่งไปหนึ่งครั้ง
- 30,000 บริษัทฝรั่ง A (Design Engineer) หนึ่งปีเงินเดือนขึ้นสองรอบ
- 35,000 โรงงานฝรั่ง B ( Design Engineer) สามเดือน
- 40,000 บริษัทฝรั่ง B (Project Engineer) สี่เดือน เลื่อนตำแหน่งไปหนึ่งครั้ง
- 6x,xxx บริษัทฝรั่ง C (Project Engineer) สามเดือน
- 1xx,xxx บริษัทฝรั่ง C (Project Manager) เพิ่งเลื่อนตำแหน่งเมื่อวาน

อยากจะบอกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาที่ทำงาน จะต้องคอยสังเกตและศึกษาอยู่ตลอดว่า งานที่เรารับมาทำนั้น มันมาจากไหน มาจากใคร และ ไปไหนต่อ ไปยังไง ใครตรวจสอบ
เพื่อดูว่าตำแหน่งที่สูงกว่าเรานั้น เค้ารับผิดชอบเรื่องอะไร พยายามเรียนรู้ให้ได้ว่าเรายังขาดอะไรอีกในการเลื่อนตำแหน่ง มันไม่ยากอย่างที่หลายๆคนเข้าใจนะครับ

เหมือนคนจีนว่า อย่าถามว่าเมื่อไรจึงจะได้เลื่อนตำแหน่ง
แต่ให้ถามว่า หากได้เลื่อนตำแหน่งวันนี้ เรามีความสามารถพร้อมกับตำแหน่งนั้นๆหรือยัง

ผมเองก็ทำตามที่กล่าวมาข้างต้น พอมีโอกาสให้รีบเสนอตัวทันทีไม่ต้องรอ ถ้าคิดว่าพร้อม โดยส่วนมากจะได้ตามที่เสนอ แต่ต้องย้ำว่าพร้อมจริงๆนะครับ

คิดว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ สำหรับคนจบใหม่ หรือ กำลังทำงานอยู่

อธิบายเพิ่มเติมให้แล้วกันนะครับ เผื่อเป็นแนวทาง

- 8,000 โรงงานคนไทย ( Design Engineer) สิบเดือน
อันนี้ไม่มีอะไร ปรกติ เพิ่งจบ กำลังเรียนรู้ระบบ ลาออกเพราะเงินเดือนน้อย

- 15,500 บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ( Design Engineer) สี่เดือน เลื่อนตำแหน่งไปหนึ่งครั้ง
เดินเข้าไปคุยกับญี่ปุ่น ว่าผมทำงานตำแหน่ง senior design engineer ได้ เพราะว่าพร้อม และอธิบายเค้าว่า พร้อมยังไง เค้าก็โอเค ลาออกเพราะได้ที่ใหม่ เงินเดือนเยอะกว่า ที่สำคัญ เป็นบริษัทฝรั่ง

- 30,000 บริษัทฝรั่ง A (Design Engineer) หนึ่งปีเงินเดือนขึ้นสองรอบ
ขึ้นรอบแรกตอนผ่านโปรสามเดือน หลังจากนั้นอีกหกเดือนเงินเดือนขึ้นอีกรอบ เพราะว่า เดินเข้าไปคุยกับหัวหน้า เสนอตัวเองรับหน้าที่เพิ่มเติมจาก job description และอธิบายอีกครั้งว่าพร้อมยังไง เค้าก็โอเค ลาออกเพราะหัวหน้างานเริ่มงี่เง่ามาก ทนไม่ไหว

- 35,000 โรงงานฝรั่ง ( Design Engineer) สามเดือน
อันนี้ปรกติ ออกเพราะว่ามันไกลบ้านมาก เดินทางไม่ไหว

- 40,000 บริษัทฝรั่ง B (Project Engineer) สี่เดือน เลื่อนตำแหน่งไปหนึ่งครั้ง
อันนี้เข้ามาเป็นตำแหน่งใหม่เป็นครั้งแรก หลังจากทำงานในตำแหน่ง design engineer มาหลายที่แล้ว เลยสมัครเป็น project engineer เพื่อดูภาพรวมของ project หลังจากนั้น บังเอิญที่บริษัทมี project นึง ที่ติดค้างส่งมอบให้ลูกค้ามานานมาก และไม่มีใครอยากรับไปทำต่อ ลูกค้าโกรธมากๆ ผมก็เลยเสนอตัวเองรับงานนี้ไปดู พร้อมกับข้อเสนอ (ตำแหน่งใหม่ เป็น Project manager แต่เงินเดือนเท่าเดิม เพราะว่าต้องการ referent ในตำแหน่ง project manager ไว้หางานใหม่)

ลาออกเพราะว่าหัวหน้าเป็นฝรั่ง ลูกค้าเป็นคนไทย ลูกน้องก็เป็นคนไทย น่าเบื่อมาก

- 6x,xxx บริษัทฝรั่ง C (Project Engineer) สามเดือน
งานที่นี่มันส์มาก ลุยกันสุดๆ ลูกค้าส่วนากอยู่ที่ต่างประเทศ ต้องเดินทางไปประกอบและติดตั้ง setup โรงงานตามไซด์งานต่างๆ

- 1xx,xxx บริษัทฝรั่ง C (Project Manager) เพิ่งเลื่อนตำแหน่งเมื่อวาน
และเช่นเคย มีงานใหม่เข้ามา priject ใหญ่พอสมควร แต่ว่างานล้นมือกันทุกคน PM ที่มีอยู่ก็ติดงานอื่น เลยคุยกับเจ้าของบริษัท บอกว่าเราทำได้ ขอทำ เค้าก็คุยกับ PM ที่เหลือ ทุกคน OK ก็เลยเพิ่งเลื่อนนี่แหละครับ

คนไม่เชื่อ ทำยังไงก็ไม่เชื่อ
ลองมองดูรอบๆที่ทำงานสิครับ เห็นคนอายุน้อยตำแหน่งสูงบ้างมั้ย
ลองไปถามดูสิครับว่าเค้าทำยังไง ดีกว่าคอยนั่งนินทา แล้วก็อิจฉาเค้าไปวันๆ

ที่ผมอยู่ที่แรก เงินเดือน 8,000 ได้ตั้งปี เพราะว่าผมได้ทำงานอยู่ในห้องเดียวกับผู้จัดการโรงงาน เห็นเค้าว่างเมื่อไรผมถามแหลก ว่าแกขึ้นตำแหน่งนี้มาได้ยังไง ต้องรู้อะไรบ้าง บุคลิคจำเป็นมั้ย บลา บลา บลา
แล้วสุดท้ายผมก็ได้แกเป็นต้นแบบ ทำตามที่แกแนะนำทุกอย่าง ทุกวันนี้ยังโทรคุยกับแกอยู่แลยครับ

ที่บริษัทญี่ปุ่นนั้น เสต็ปมันจะไม่เหมือนกันครับ
ผมทำได้สองเดือนแรก ผมยื่นใบลาออก ทนไม่ไหว กลับดึกเงินเดือนน้อย ตามสไตล์ญี่ปุ่น
หัวหน้าคนไทยกับคนญี่ปุ่นเรียกมาคุยบอกว่าไม่อยากให้ออก ยูทำงานเร็วมาก ผมบอกไอ้คนที่เข้ามาพร้อมกัน มันทำช้า ไม่เห็นใครว่าไร เงินเดือนเท่ากัน ไม่แฟร์
เค้าบอกทนๆไปก่อนเดี๋ยวสิ้นปีจะเลื่อนให้เป็น senoir เค้าจะ support ให้
ผมบอกไม่ไหว นานไป ก็เลยถามเค้า senior เงินเดือนเท่าไร เค้าบอกมา ผมก็ว่าใช้ได้ 2x,xxx ก็เลยถามเค้าว่า senior ต้องทำอะไรได้บ้าง เขียนมาเลยเป็นข้อๆ แล้วผมจะรีบศึกษา ถ้าทำได้ตามนี้เมื่อไร ยูต้องปรับไอขึ้นนะ
เค้าโอเค

หลังจากนั้น หัวหน้าญี่ปุ่นเค้าก็เริมโยนงานของ senior มาให้ทำมากขึ้นเรื่อยๆ ครบสองเดือนก็เลื่อนครับ
แต่พอดีที่ใหม่เค้ายื่นมา 30,000 เลยออกทันทีเลยครับ
ผมถือว่าทำงานเพื่อเงิน เวลาของผมมีค่าที่สุด
เรื่องความภักดีต่อองค์กรมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมเลือกเงินไว้ก่อน เป็นฐานเงินเดือนดีกว่า

วิศวกร หลายๆคน คงรู้ว่า เวลาหางานใหม่ ขอเงินเดือนเยอะไม่ได้ มันติดฐานเงินเดือนเก่า ใช่มั้ยครับ
นั่นแหละครับ เหตุผลที่ผมเปลี่ยนงานบ่อยๆ

งานที่สุดท้ายเป็นลักษณะงานแบบเป็น project ๆ ไป แล้วแต่ลูกค้า
ส่วนมากจะอยู่ที่ต่างประเทศ ระยะเวลาก็แตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 1 ปี
คนที่คุมงานโดยรวม Project Manager ท่านอื่นๆ ก็จะรับงานไปดูแลส่วนมากไม่เกิน 3 งาน ในเวลาเดียวกัน
ทีนี้ โดยนิสัยฝรั่ง ถ้าเรากล้าขอ มันก็กล้าให้ (ถ้าไม่เสี่ยงมาก) ถ้าทำได้ก็ทำต่อไป ถ้าขอแล้วทำไม่ได้ อันนี้ลาออกสถานเดียวนะครับ

พอดีจังหวะงานใหม่ที่เข้ามา ผมเป็นคนไปประชุมพร้อมกับเจ้าของมาแล้วหลายๆครั้ง รู้ที่มา ที่ไปเกือบทั้งหมด

งานในส่วนที่ผมรับผิดชอบมันเริ่มล้าช้า ผมเลยถามว่าทำไมช้อมูลมันมาช้า ผมทำงานต่อไม่ได้ เจ้าของก็บอกว่าคนอื่นๆเค้างานยุ่งกันหมด ไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพงานนี้เลย ผมเลยกลับมาคิด ดูรอบๆด้สนแล้วน่าจะเอาอยู่
เลยเข้าไปคุยกับเจ้าของ อธิบายว่า ถ้าให้เราคุม เราจะทำอย่างไร ขั้นตอน แผนงาน เป็นยังไง เค้าขอเวลาคุยกับ Project Manager ท่านอื่นๆก่อน (มีอีก 2 คน) ระหว่างนั้นผมก็รีบโทรหาทั้งสองท่านทันที บอกเค้าว่าเราทำได้ อยากให้ช่วยสนับสนุนหน่อย ทั้งสองท่านก็บอกว่ามันเหนื่อยนะ แต่ถ้ายูอยากลอง ไอคิดว่ายูพอได้

แล้วเจ้าของเค้าก็บอกว่าโอเค ลุยได้เลย แล้วก็ยื่นเงินเดือนใหม่มาให้ เท่านี้อ่ะครับ

ตอนนี้ก็เหนื่อยเหมือนกัน.

ใครทำงานกับฝรั่ง ลองดูก็ได้ครับ

มีอยู่คนนึง ผมนั่งสัมภาษณ์เค้าเข้าทำงาน นั่งกับ PM อีกคน คุยไปคุยมา
พอถามเรื่องเงินเดือน พี่แกหันมาพูดไทยกับผมเฉยเลย ถามว่าผมได้เท่าไร
ประมาณว่า กะว่าฝรั่งมันคงฟังไทยไม่รู้เรื่องมั้ง
ผมก็บอก คุณอยากได้เท่าไรล่ะครับ ว่ามาเลย
เค้าก็ย้ำอีก ถามว่าผมได้เท่าไรล่ะ กะว่าจะได้เรียกให้ใกล้เคียงกันมั้ง

เลยบอกเค้าว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมให้คุณ 1 ล้าน คุณเอามั้ย
เค้าบอกเอาครับ พี่ล้อเล่นรึเปล่า
ผมบอกเปล่า พูดจริงๆ แต่ต้องตอบคำถามพี่ข้อนึงนะ
เค้าบอก ถามมาเลยครับ
ผมถาม ' ไหนลองอธิบายให้ฟังหน่อย ว่าคุณจะทำเงินให้บริษัท มากกว่าเดือนละ 1 ล้าน ได้ยังไง '
เค้าบอก งั้นผมขอเงินเดือน 17,000 พอคับ ผมเข้าใจแล้ว


ผมทำ EPCM ครับ แนว ปรึกษา , ออกแบบ , วางระบบ , สร้าง , Setup ระบบ เกี่ยวกับ Gas ทุกชนิด เพื่อปั่นไฟฟ้า ตามไซด์งานลูกค้าครับ

แถมให้หน่อย
เจ้าของบริษัทเค้าเคยบอกผมว่า
คุณรู้มั้ย มืออาชีพ ต่างกับมือสมัครเล่นตรงไหน ? ผมบอกไม่รู้ครับ
เค้าบอกว่า

มือสมัครเล่น จะทำงานไม่สำเร็จ แม้ว่าเค้าอยากจะทำงานนั้นมากแค่ไหนก็ตาม และมีเหตุผลร้อยพัน ว่าทำไมมันถึงไม่สำเร็จ

ส่วน

มืออาชีพนั้น จะทำงานสำเร็จเสมอ แม้ว่าเค้าจะไม่อยากทำงานนั้นๆเลยก็ตาม ไม่ว่าจะเบื่อหน่าย เหนื่อย ใดๆก็ตามแต่ งานจะเสร็จเสมอ แม้ว่าบางครั้งเค้าก็บอกเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน

น่าจะมีประโยชน์ครับ เอามาแชร์

ตอนทำงานที่แรก ( 8,000)
จริงๆแล้วเป็นบริษัทคนไทยร่วมทุนกับญี่ปุ่น เพื่อผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ส่งให้กับโรงประกอบรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ มีตั้งแต่ อีซูซุ ไปถึง เบนซ์ เยอะแยะไปหมด
แต่ว่าที่โรงงานนี้เค้าเน้นการสร้างเครื่องจักรใช้เองมากกว่าซื้อมาจากต่างประเทศ เพราะมันแพงมาก
ผมเองเข้ามารับหน้าที่ตรงนี้ครับ แต่น แตน แต้น

' ออกแบบเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต '

ว่าแล้วทั่นหัวหน้าก็โยนชิ้นงานมาให้ดู เป็นตัวอย่างจากลูกค้า เราต้องผลิต xx,xxx ชิ้นต่อเดือน ออกแบบเครื่องให้หน่อย ให้เวลา 1 เดือน
เอาล่ะสิครับทั่น ความระทึกมาเยือน เพราะต้องทำคนเดียว วิศวกรท่านอื่นๆก็ออกแบบเครื่องของแต่ละคน แยกจากกัน ไม่ได้ทำงานกันเป็นทีม ประมาณว่า All in one เหมือนรีจอยส์ น่ะครับ ฮา

ก่อนอื่น ก็ไปนั่งอ่านแคทตาลอกอุปกรณ์ไฟฟ้า เซ็นเซอร์ นิวเมติกส์ และอื่นๆ 2 วันเต็มๆ ในห้องเก็บเอกสาร เพื่อดูว่าโลกนี้เค้าใช้อะไรกันมั่ง ตอนนั้นรู้น้อยมากครับ อาศัยอ่านแคทตาลอกเอา รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง อ่านๆไปก่อน ฮา

หลังจากนั้น ก็มานั่งบ้าอยู่คนเดียวในห้องประชุม เขียนไวท์บอร์ดไปเรื่อยๆ
ว่าเครื่องมันหน้าตาควรจะเป็นยังไง จนได้ข้อสรุปที่คิดว่า นี่แหละ คำตอบสุดท้าย ( Conceptual Design ) เพื่อสรุปให้หัวหน้าเค้าฟังก่อนเริ่มลงมือทำ

ต่อมาก็คือขั้นตอนการออกแบบรายละเอียดของตัวเครื่องในแต่ละชิ้น
ขั้นตอนนี้หินที่สุด ปวดหัวมาก เพราะโจทย์มันครอบจักรวาล
เครื่องนี้จะต้อง
- ราคาไม่แพง
- ทำงานได้ดี
- ทนทาน
- ปลอดภัย
- ดูแลรักษาง่าย
- ประกอบง่าย
- มีความรวดเร้วในการทำงานสูง
- ประหยัดเนื้อที่ (ขนาดเล็ก) เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ในไลน์การผลิต
- และ อื่นๆ อีกมากมาย
เอาล่ะสิครับ หัวฟูเลย คิดแล้วคิดอีก เพราะว่ามันต้องตอบโจทย์ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน คิดอยู่สองวัน งานไม่เดิน จนทนไม่ไหว ขอลาช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อกลับสถาบัน เตรง เตร่ง เตร๊ง (ลิเกไปมั้ยวะเนี่ย)

พอเจอทั่นอาจารย์ที่เคารพ (อ.ที่ปรึกษา) ก็เค้าไปคุยเพื่อขอคำชี้แนะ
ผมก็เล่าให้ท่านฟังว่าเราไปไม่ถูก ตัวแปรมันเยอะเกิน คิดพร้อมกันมันปวดหัว ไปไม่เป็นเลยครับทั่น
อาจารย์ท่านก็หัวเราะ แล้วก็ส่ายหัว (เราก็นึกในใจ สงสัยเราจะโง่มากเลยใช่มั้ยครับ ) แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ช้าๆ ว่า

' คุณรู้มั้ย ว่า textbook ที่คุณเรียนน่ะ ไอ้ที่มันหนาๆเป็นร้อยๆหน้าอ่ะนะ เวลาเค้าเขียนขึ้นมา เค้าเขียนยังไง '
ผมตอบทันควันด้วยความมั่นใจ ' ไม่ทราบครับ '
ท่านกล่าวต่อ (ประโยคอมตะสำหรับผมเลยครับ จะจำจนวันตาย)

' เวลาเค้าเขียนน่ะ เค้าเขียนทีละตัวอักษร ทีละตัว ทีละตัว จนเป็นคำ '
' จากคำ เป็นประโยค เป็นย่อหน้า เป็นหน้า หลายๆหน้า ก็เป็นเล่ม '
' คุณกำลังทำอะไรอยู่ เขียนทีละคำ หรือเขียนทีละเล่ม ?'


วาบ วาบ แปล๊บ แปล๊บ (เอ็ฟเฟ็กส์)
เหมือนมีแสงวาบๆ ในหัวทันที มันโล่งบอกไม่ถูก พูดแล้วน้ำตาซึม เรามีอาจารย์ดีอย่างนี้ เป็นบุญจริงๆ แล้วท่านก็กล่าวต่อว่า
' เราเป็นวิศวกรแล้วนะ วิศวกรที่ดี จะต้องไม่ทำอะไรที่ดูแล้ว ไม่ฉลาด เข้าใจมั้ย '
หลังจากนั้นมา ก็ลื่นเลยคับ คิดทีละเรื่อง อย่างอื่นช่างมัน ดูน็อตทีละตัว ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ แก้ไขปรับแต่งไปเรื่อยๆ ไม่เครียดแล้วคราวนี้รู้สึกสนุกมาก เครื่องเสร็จเรียบร้อย ทำงานได้ดี ไม่มีปัญหา

คิดว่าคำสอนของท่านอาจารย์ผมน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคน

เล่าสู่กันฟังครับ

กระผมเองมีจุดประสงค์ที่จะแบ่งปันประสบการณ์ผ่านพบมากับตัวเอง
แน่นอนว่า พื้นฐานของแต่ละคน เติบโตมาไม่เหมือนกัน
ผมเองนั้น ทำงานที่บริษัทใหญ่ๆมาแค่สองที่แรกเท่านั้นเองครับ ที่เหลือเป็นบริษัทขนาดกลาง ถึง เล็ก ด้วยซ้ำ
เพราะผมรู้ว่า บริษัทใหญ่ มันเงินเดือนน้อย โตยาก (จากที่กล่าวไปข้างบนแล้ว) ผมรู้สึกว่ามันช้าไม่ทันใจ เลยออกมาเข้าบริษัทเล็กๆดีกว่า

เริ่มตั้งแต่บริษัทที่สาม ที่ทำงานมา ถึงรู้ว่า บริษัทเล็กๆนั้น ส่วนมาก ไม่ค่อยมี HR หรอกครับ คนที่สัมภาษณ์เรา เป็นหัวหน้าเราโดยตรง ไม่ก็เจ้าของบริษัทเลย
ดังนั้น คนเหล่านี้จะไม่เหมือน HR ที่มานั่งดูว่าคุณเคยทำอะไรมา
แต่คนเหล่านี้จะถามซ้ำไป-ซ้ำมา ว่าคุณทำอะไรได้บ้างนับจากนี้เป็นต้นไป

ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้ พร้อมกับสร้างความมั่นใจในเชิงบวกได้แล้ว
เงินเดือนที่เราเรียกร้อง ย่อมเป็นไปได้ ตรบเท่าที่ยังอยู่ในจุดคุ้มของบริษัท
ผมย้ำไว้ข้างบนสุด ละ หลายๆที ว่า ต้องพร้อมจริงๆ ถึงจะทำได้

ความพร้อมที่ว่านี้ หมายถึงความพร้อมที่จะรับทั้งผิด และ ชอบ
ต้องยอมรับงานที่หนัก กดดัน เหมือนขึ้นที่สูง และพร้อมยอมรับ ถ้าถูกไล่ออกเมื่อทำไม่ได้ ( แน่นอนว่า บริษัทใหญ่ๆ จะใช้ระบบเป็นตัวรับผิดชอบแทน คุณไม่ต้องมารับความเสี่ยงตรงนี้ ดังนั้น การอยู่บริษัทใหญ่ๆจะมั่นคงกว่า )

ใครก็ตามที่คิดจะเลียนแบบวิธีการของผม
ผมกลับคิดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่เค้า/เธอ ทำงานอยู่ ณ. ปัจจุบันนี้ซะอีก
เพราะนั่นหมายความว่า
เขา/เธอ เหล่านั้น จะไม่ทำงานแบบซังกะตายอีกต่อไป
หากแต่จะรีบทำงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้มีเวลาเหลือสำหรับการของานที่นอกเหนือหน้าที่ตนเองมาทำ เพื่อศึกษา
มันย่อมส่งผลให้ ประสิทธิถาพการทำงานของเขา/เธอ สูงขึ้น

ขณะเดียวกัน หลังเลิกงาน กลับไปที่บ้าน

แทนที่จะไปนั่งดูละคร หรืออะไรก็ตาม ที่มันไร้สาระ
กลับใช้เวลาที่ยังพอมี ก่อนนอน มานั่งศึกษา หาหาความรู้ใส่ตัว
เพื่อทำให้ตัวเองพร้อมมากที่สุด สำหรับตำแหน่ง - เงินเดือน ที่ต้องการ

ในที่ทำงาน

เมื่อเจอเจ้านาย/หัวหน้า/ลูกค้า/เพื่อนร่วมงาน งี่เง่า
เขา/เธอ จะไม่บ่น หรือ อารมย์เสียอีกต่อไป
หากแต่จะคิดทันทีว่า เมื่อใดที่เธอได้ทำงานใน ตำแหน่ง-เงินเดือน (ที่วางเป้าหมายไว้)
เขา/เธอ จะแก้ปัญหาเหล่านั้น ได้อย่างไร

เสต็ปถัดไป
เขา/เธอ เริ่มศึกษาหาโอกาสทันที โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสั่ง
เริ่มมาดูโครงสร้างบริษัท
รายได้ รายจ่าย
รายชื่อลูกค้า
กำไรต่อปี
นโยบาย ภาพรวมตลาด

เมื่อ เขา/เธอ พร้อมแล้วที่จะท้าลองก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น ความมั่นใจตรงนี้มาจากการทำการบ้านมาดี

ว่าแล้วก็เริ่มคิดแผนการณ์ อัพตัวเองทันที
บ้างก็วางแผนจะเสนอตัวเป็นหัวหน้าแผนกใหม่
บ้างก็เสนอให้บริษัทเจาะตลาดใหม่ๆ โดยให้ เขา/เธอ เป็นหัวหน้าทีมบุกเบิก
บ้างก็รอจังหวะงานเข้ามากๆ แล้วรีบเข้าไปเสนอตัว
บ้างก็เสนอตัวเข้าแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานานขององค์กร

เมื่อโอกาสมาถึง + ดวงสักเล็กน้อย ย่อมเป็นไปได้ครับ

ผมไม่เห็นมันจะเสียหายตรงไหน ที่จะเสี่ยง
ถึงแม้มันไม่ได้ตามที่ เขา/เธอ คาดหวัง
แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้ เขา/เธอ พร้อมมากขึ้นในการยื่นข้อเสนอครั้งต่อไป

ในเมื่อคนเรามีเวลาจำกัด ทำงานไม่กี่ปีก็แก่
ผมเห็นว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ เลยมาแบ่งปัน

หลายๆคนที่เข้ามาอ่าน อาจจะพร้อมมากกว่าผมก็ได้ แต่ไม่มีเส้นสาย หรือไม่กล้าเข้าไปคุย ผมก็แนะนำ
หรือบางคนทำงานไปแกนๆ งั้นๆ สิ้นปีก็มานั่งบ่น เงินเดือนน้อย โบนัสน้อย
ผมก็แนะนำ ให้แก้ปัญหาให้ตรงจุด




ถ้าละโว้ต้องขออภัยด้วยครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

ต๊กต๋าเปิ้นเป๋นดีไค่หัว ต๊กต๋าตัวเป๋นดีไค่ไห้
อ่านแล้วจี๊ดใจดีจรัง  หน้ามึน
บันทึกการเข้า

perfectionist
สามปีเงินเดือนแสนนึง ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
พี่อ๋าห์ เคยทำรูป เอาหมาไปปล่อยลงน้ำ แต่หาไม่เจอ
ไม่รู้แกโพสท์ไว้ไหน โคตรขำเลย กร๊าก
บันทึกการเข้า
เก่ง + ขยัน + ฉลาด  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6555508/X6555508.html#25

เอาไปโพสต์ที่pantip ... ดูความเห็ฯที่ 25 เป็นต้นไป  กร๊าก


ฮาหมาสไลด์เดอร์  คห.42    กร๊าก
บันทึกการเข้า
ฝนเทียมในหลวงป้องกันภัยพายุไซโคลนนาร์กีสให้แก่ไทย ไหว้
   
ฝนเทียมในหลวงป้องกันภัยพายุไซโคลนนาร์กีสให้แก่ไทย

ขออนุญาตนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเล่าสู่กันฟัง

เมื่อวันศุกร์ผมได้มีโอกาสได้เข้าค่ายที่ศูนย์ฝึกทหารของค่ายนเรศวร วันแรกที่เข้าไปกะบรรยากาศครึ้ม ๆ
ผมก็ว่า เอ... แปลกๆนะ ทำไมอากาศอบอ้าวเหมือนจะมีฝน แต่ก็คิดว่าคงเป็นไปตามสภาพอากาศ
พอไปถึงก็ทำกิจกรรมจนได้เข้าหอประชุมตอนดึกใกล้เวลานอนมากแล้ว

อาจารย์เอกราช ท่านได้มาพูดถึงเรื่องของฝนที่ตกนี้ว่า
'ก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงให้คณะทำงานเกี่ยวกับฝนเทียม รีบทำฝนเทียม
เพื่อเป็นแนวกันลมพายุดีเปรสชั่น ซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่พระองค์ทรงเหมือนกับเทวดาองค์นึงที่ทราบเรื่องนี้ก่อน

ถามว่าตอนนั้นกรมอุตุรู้เรื่องนี้ไม๊ ... ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดพายุที่ประเทศพม่าด้วยซ้ำ
พอคณะทำงานด้านฝนเทียมทำงานเสร็จ ด้วยความสำเร็จ... ผลงานที่พระองค์ได้ทำ ก็ก่อให้เกิดผล

เมื่อเกิดพายุอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ที่พม่า และพายุนี้ก็ได้สร้างความเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศพม่า
จนทำให้เกิดความสูญเสียอันมหาศาลกับประเทศ ...

แต่สำหรับประเทศไทย แนวกำแพงฝนเทียมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงสร้างไว้ก็ทำให้เกิดฝนตกเพียงเล็กน้อย
ถ้าเทียบกับพายุที่จริงๆแล้วสามารถสร้างความเดือดร้อนกับประเทศได้มาก '
พอผมได้ทราบผมถึงกับอึ้งขนลูกซู่ กับ สิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้ให้กับประเทศของเรา

ถึงแม้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่ทราบเรื่องนี้ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ผมสะเทือนใจกับสิ่งที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้

วันที่ 2 ที่เข้าค่าย ครูฝึกได้เปิดวีซีดีเกี่ยวกับพระองค์ให้ดู ผมก็ดูไปเรื่อยๆจนถึงตอนนึงที่เค้าตัดเอาตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนิน
เพื่อไปส่งเหล่ากษัตริย์จากต่างประเทศ คณะทูตที่มาเข้าเฝ้าในงานฉลองศิริราชสมบัติครบ 60 พรรษา

ภาพที่ทำให้ผมปวดจี๊ดขึ้นมาในหัวใจก็คือ ตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินลงบันได (ขอโทษครับพอดีไม่ทราบว่าเขียนยังไง)
พระองค์เกือบหกล้มดีที่ทหารรักษาพระองค์ที่เดินนำหน้าคอยประคองพระองค์ไว้
พอพระองค์ทรงยืนได้ ก็ปัดมืออก

ผมไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสตรงนั้นทันทีไม๊ หรือตรัสกับคนสนิทในภายหลัง ว่า

' ไม่ต้องมาพยุงเรา เราจะเดินให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า เราเดินได้
ให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าเราสามารถปกครองคน 64ล้านคนด้วยตัวของเราเองได้ '

ถึงตอนนี้แล้ว ...น้ำตาผมคลอเบ้า คนที่ดูกันก็สะอึ้นกันไปหลายคน ทุกๆคนในที่นั้นเงียบหมดกับคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไว้
ผมได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนข้าง ๆ ว่า สงสารพระองค์ที่ต้องมาทรงงานอย่างหนัก ถึงแม้นจะอายุเยอะแล้ว
แต่พระองค์ก็ยังทรงรักและเป็นห่วงลูก ๆ หลานของพระองค์ ลูก ๆ หลาน ๆ ที่อยู่ใน
ประเทศนี้ ท่านทรงงานทุกอย่างเพื่อให้คนในประเทศได้สบาย เพื่อคนในประเทศได้อยู่ดีกินดี

อาจารย์ได้บอกกับพวกเราเมื่อวีซีดีจบว่า พระองค์เหมือนฝนที่ทำให้ประเทศร่มเย็น
เหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนที่นั่นจะชุ่มฉ่ำ ที่ ๆ พระองค์
เสด็จพระราชดำเนินไปจะพบแต่ความสงบสุข มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร

ท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกพระองค์หากแม้นมีใครผ่านมาอ่าน ถึงจะเป็นคำพูดที่อาจจะได้ยินมาบ่อย ๆ
แต่ผมก็ไม่สามารถจะคัดกรองคำพูดใดๆมาพูดได้อีกนอกจาก

'ขอพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชา เป็นร่มโพธิทองของเหล่าปวงชนชาวไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านาน '

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ไหว้

บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
 คริคริ คริคริ คริคริ คริคริ คริคริ
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
 ฮือๆ~ เห็นแล้ว
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
หน้า: 1 ... 62 63 64 65 66 67 68 [69] 70 71 72 73 74 75 76 ... 84
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!