หน้า: 1 ... 11 12 13 14 15 16 17 [18] 19 20 21 22 23 24 25 ... 84
 
ผู้เขียน หัวข้อ: FWD: งามๆ แบ่งกันอ่าน  (อ่าน 295763 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
คนอ่านก็คนไทย
คนเขียยนแม่งก็คนไทย

เฮ้ย โวย
บันทึกการเข้า

เกะกะ ระราน พาลไม่เลือกสถานที่
อันไหนก็โดนละโว้ทุกอันเลย ...

เดี๋ยวแต่งเองแล้วแอ๊ปว่าเป็น FW MAIL มาลงละกัน ..

 อ้วก
บันทึกการเข้า

เริ่มต้นที่คนสองคนเจอกัน...
 
หากวิธีบอกรักมีเป็นร้อยพัน
การแสดงความรักคงมีนับล้าน
 
คือ คำว่า รัก เปิดเผย
คือ ดอกไม้ในวันพิเศษ ของขวัญในวันเกิด
และยี่สิบเจ็ดมิสคอลในสามสิบนาที
 
แถมบางครั้ง รัก ยังมาแบบอำพราง
คือ การผงกหัวยามเดินสวน
คือ เงาะที่คว้านเมล็ด
และน้ำเย็นที่เสิร์ฟโดยไม่ต้องร้องขอ
 
ซ้ำร้ายบางครั้ง รัก ยังบังตัว
คือ รอยยิ้มที่คนรับไม่เคยรู้
คือ สายตาที่มองตามโดยไม่ให้เห็น
และ 'สวัสดี' ที่หลุดจากปาก...เมื่อสาย
 
แต่ต่อให้รักนั้นจะ 'ลับ' หรือจะ 'หลบ' มากแค่ไหน
เมื่อไหร่ที่รักเกิด
ชีวิตใครบางคนก็เปลี่ยน
เหมือนห่างกันไกลกว่าสองแสนไมล์
ดวงจันทร์ยังเคลื่อนทะเล
 
มีหลายร้อยวิธีหากอยากบอกรัก
มีหลายพันหลายแสนให้แสดงให้เห็น
รักนั้นจะดีจะร้ายยังไง
ทุกเรื่องเริ่ม...
เมื่อคนสองคนได้เจอกัน
 
ขอบคุณ 'ชีวิต'
ที่เปิดโอกาสให้ได้พบ (และได้) รัก
เพราะกระทั่งเลวร้ายที่สุด
แม้รักไม่ไหว แต่ก็ทำใจเกลียดไม่ลง

(จาก เริ่มต้นที่คนสองคนเจอกัน : ญาณิน)
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
 กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

สู่ความโดดเดี่ยว อันไกลโพ้น
มาตราประมวลกฎหมายนี้ใช้กับชายหนุ่มทั่วราชอาณาจักร
อยากให้ประกาศใช้เร็วๆจัง> >>

มาตรา 1 ประมวลกฎหมายนี้บังคับใช้กับชายหนุ่มทั่วราชอาณาจักร

มาตรา 2 ชายใดกระทำการอันเป็นการไม่ทะนุถนอมความรักของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าได้มอบให้ชายคนนั้น
ต้องระวางโทษหอมแก้มไม่เกิน 3ทีและจูบไม่เกิน 2ที หรือทั้งหอมทั้งจูบ

มาตรา 3 ชายใดมีข้าพเจ้าเป็นแฟนแล้วยังไปลักลอบมีกิ๊กต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5พันบาท

มาตรา 4 ชายใดทำให้ข้าพเจ้าอกหักต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 9 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 5 หากมีกฎหมายใหม่ออกมาแล้วขัดต่อกฎหมายเก่าให้ถือเอากฎหมายใหม่เป็นหลัก

มาตรา 6 ชายใดที่ข้าพเจ้าได้ไปขอเบอร์แล้วชายคนนั้นไม่ยอมบอกเบอร์โทร ต้องระวางโทษหอมแก้ม 5ที

มาตรา 7 ชายใดน่ารักมากๆ อันเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าหวั่นไหวหรือตกหลุมรัก ต้องระวางโทษเป็นแฟนกับข้าพเจ้าอย่างน้อย 3 วัน

มาตรา 8 ชายใดอ่านประมวลกฎหมายนี้แล้วหัวเราะหรือแอบขำ ต้องระวางโทษโดยมอบหัวใจมาให้ ข้าพเจ้าดูแล หากไม่มอบหัวใจให้ข้าพเจ้าจะต้องระวางโทษถูกยิงศรรักปักหัวใจชายนั้น

มาตรา 9 หากชายใดอ่านประมวลกฎหมายนี้แล้วไม่ขำหรือไม่หัวเราะต้องระวางโทษเหมือนกับมาตรา 8



-จบค่ะ- หมีโหดดดด



พะโล้มั้ย..ไม่สน ชิ
บันทึกการเข้า
ยังไม่เคยอ่านนะเนี่ย  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

หมู หมา กา ไก่
ขี้หมู ขี้หมา ขี้กา ขึ้ไก่
คลิกแล้วมันส์สสส
ไม่เคยเหมือนกัน  กรี๊ดดดดด

(มัวแต่ลบ FW mail อย่างไม่แลดู  ฮิ้ววว)
บันทึกการเข้า

<3.
ซวยแล้ว ตูไม่หัวเราะ  (เหงื่อแตกพลั่ก)
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ขอย้ำว่าเคยอ่านเจอมาเมื่อชาติครึ่งที่แล้ว พยายามหาต้นฉบับแทบตาย ไม่เจอซักที วันนี้เพื่อนผม FWD มาให้พอดี นั่งอ่านซ้ำ น้ำตาไหลเลย

ละโว้ครับ ไม่ต้องย้ำ

“แนนๆ ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ....” จอย เพื่อนร่วมงานของแนนหันมาคุย
ขณะแนนกำลังง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวเอง

“อืม...วาเลนไทน์อีกแล้วสินะ” แนนเงยหน้าขึ้นสบตาจอยพลางยิ้มพูดเบาๆ

วาเลนไทน์...14 กุมภาพันธ์ วันที่กุหลาบทั่วโลกบานพร้อมกัน
วันที่ความรักงอกงามได้เร็วกว่าทุกวัน และเป็นวันที่กามเทพแผงศร
ให้หลายๆคู่ได้สมหวัง แต่คงไม่ใช่แนน...เธอคนนี้แน่นอน



ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย
ความแออัดและตึกสูงในเมืองหลวง...มีหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้น
ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความรัก ความรักของเขาและเธอ

“เธอๆ มาเล่นก่อกองทรายด้วยกันมั้ย”
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตามอมแมมกำลังนั่งเล่นบนกองทรายสูงท่วมหัว

“เธอชื่ออะไร เราชื่อเอ” เด็กผู้ชายแนะนำตัวเองก่อน พลางกระโดดลงมาจากกองทราย

“ฉันชื่อแนน” เด็กผู้หญิงแนะนำตัวเองบ้างพลางค่อยๆนั่งลง
ทั้งคู่ค่อยๆก่อกองทราย เด็กผู้หญิงวิ่งไปเอาน้ำมารดให้ทรายเปียกชุ่ม
เด็กผู้ชายค่อยๆเอาเศษไม้เกลี่ยให้ดินทรายที่เปียกค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
จนได้เค้าโครงของปราสาททรายที่ต้องการ

“เอ เดี๋ยวแนนประดับปราสาททรายเองนะ”
เด็กผู้หญิงวิ่งมาพร้อมกับก้อนหินสีสวยในกำมือ
วางลงข้างๆปราสาททรายที่กำลังจะอวดโฉมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

“แนนๆ ตรงนี้เป็นห้องของแนนนะ ห้องของเจ้าหญิงงัย
ส่วนตรงนี้เป็นห้องของเอ......อันนี้เป็นห้องประชุมนะ”
เอพูดพลางชี้ไปเรื่อยๆบนปราสาททราย.....กองทรายแห่งความฝัน

“เอๆ ต้องทำสวนดอกไม้ตรงนี้ด้วย เจ้าหญิงต้องมีสวนดอกไม้นะ”
แนนพูดแย้งขึ้นพลางชี้ไปตรงด้านหน้าปราสาททราย

“แนนอยากได้สวนอะไร....อยากได้ดอกไม้อะไร” เอพูด
เงยหน้าขึ้นมองหน้าแนนอย่างใจจดใจจ่อ

“เอาดอกอะไรดี...เอ ช่วยแนนคิดหน่อยสิ” แนนมองหน้าเอด้วยแววตาใสซื่อ
เด็กตัวเล็กๆสองคนกำลังสวมบทเจ้าหญิงและเจ้าชายกันอยู่

“อืม...เจ้าหญิงต้องเหมาะกับดอกกุหลาบนะ” เอพูดพลางทำท่าคิด

“ตกลงๆ สวนดอกกุหลาบนะ เราจะทำสวนดอกกุหลาบที่ลานหน้าปราสาทของเรา”
แนนพูดพลางยิ้ม
ค่อยๆเกลี่ยทรายให้เรียบเพื่อทำเป็นลาน....ทั้งคู่สร้างปราสาททรายแห่งความฝันของพวกเขาอยู่นาน....นานจนกระทั่ง

“เอ ไปได้แล้ว พ่อเสร็จงานแล้วลูก”
เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเดินมาสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆ

“พ่อๆ ให้เอเล่นกันแนนอีกแป๊บนะ” ลูกชายออดอ้อนพ่อของตัวเอง

“หน่า ไปได้แล้ว เดี๋ยววันหลังมาเล่นใหม่ก็ได้นี่” พ่อของเขานั่งยองลง
อธิบายให้ลูกชายฟังพลางลูบหัวเบาๆ

“ตกลงครับ เดี๋ยวให้เอบอกแนนก่อนนะ”
เด็กผู้ชายตัวมอมแมมพูดพลางวิ่งกลับหลังไปหาเพื่อนของเขา

“แนน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอมาหานะ พรุ่งนี้เอจะเอาดอกกุหลาบมา
มาทำสวนกุหลาบให้แนนนะ” เอพูดพลางชี้นิ้วลงตรงลานหน้าปราสาททราย

“ตกลงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ” แนนยิ้มพูดพลางพยักหน้า
เด็กสองคนเล่นกันช่างดูน่ารักเสียนี่กระไร

ทุกวัน เอและแนนจะมานั่งก่อปราสาททรายด้วยกัน
ก่อสร้างความหวังบนมิตรภาพและความรัก
ระหว่างลูกชายเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรและลูกสาวนายช่างใหญ่



“แนนๆ เมื่อวานแม่เราสอนให้เราเขียนหนังสือด้วยแหละ”
เด็กผู้ชายเสื้อผ้ามอมแมมคลุกฝุ่นและทรายเปียกเงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่วิ่งเข้ามา

“ไหนๆ แม่ของเอสอนเขียนคำว่าอะไร” แนนถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“แม่เอสอนเขียนหลายคำ แต่เอจำได้คำเดียว” เอพูดพลางทำเสียงเศร้าๆ
เอคงอยากจำทุกคำมาเขียนให้แนนดู

“เอจำคำไหนได้ เขียนให้แนนดูหน่อยสิ” แนนพูด เอค่อยๆก้มลงข้างๆกองทราย
หยิบเศษไม้เล็กๆปักลงบนผืนทรายที่เพิ่งผ่านฝนเมื่อคืนแล้วตวัดเป็นจังหวะเพียงชั่วครู่
ปรากฎเป็นตัวอักขระลายเส้นบิดพลิ้ว คำว่า รัก
ปรากฎบนผืนทรายราบเรียบที่เกาะตัวเหนียวด้วยหยดน้ำ
เด็กตัวเล็กๆสองคนยืนมองด้วยความตื่นเต้น

“อ่านว่าอะไร เอ” แนนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นและแปลกใจ

“อ่านว่า รัก” เอพูดกระซิบข้างหูแนนเบาๆ

“เหรอ อ่านว่ารักเหรอ....สอนแนนเขียนหน่อยสิ นะๆๆๆ” แนนพูดพลางเกาะแขนออดอ้อนเอ

“มานี่ๆ เอจะสอน” เอพูดพลางหยิบเศษไม้เล็กๆให้แนนจับไว้
มือเอและมือแนนจับประสานกัน ตวัดบนกองทรายให้เกิดเป็นอักขระบิดพริ้ว

“นี่ไง แนนเขียนได้แล้ว ดีใจจังเลย” แนนพูดพลางหันหลังกลับไปกอดเอด้วยความดีใจ

“มันแปลว่าอะไรเหรอ เอ” แนนยังคงสงสัยไม่หายในความหมายของมัน

“เอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่บอกว่ามันมีความหมายมากนะ มากจนอธิบายไม่ได้”
ใช่สิ...ความหมายมันคงมากมายเกินกว่าเด็กห้าขวบจะรู้
หรือแม้แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่อาจรู้ว่าคำว่ารักคืออะไร....

“สักวัน เราจะรู้ความหมายมัน แม่เอบอก” เอพูดพลางหันไปมองแนน
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆตน

“อืม สักวันนะ” แนนพูดพลางหันมายิ้มให้กับเอ ใช่
สักวันแนนและเอคงรู้ความหมายของมัน......



“โอ๊ย...เจ็บ” เด็กผู้หญิงผมเปียพูดขึ้นพลางจับผมเปียของตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งๆ
เธอโดนเพื่อนแกล้งดึงเปียผมของเธอประจำ

“ใครดึงผมเปียแนน”
เด็กผู้ชายนั่งข้างๆเธอหันขวับกลับไปมองแทบจะพร้อมกันกับเจ้าของผมเปีย
เห็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสามคนนั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะกันคิกคักพลางชี้นิ้วมาที่แนน

“ทำไมๆ ข้าดึงเอง จะทำไม” หนึ่งในเด็กสามคนพูดพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“แกล้งผู้หญิง หน้าตัวเมีย” เอยืนขึ้นชี้หน้าด่า

“แล้วจะทำไม” เด็กทั้งสามกรูกันมายืนหน้าเอ
ถีบโต๊ะเรียนกระจัดกระจายคนละทิศคนละทาง

“ไม่เอาเอ อย่าไปยุ่งกับพวกนั้น” แนนพูดพลางเกาะแขนเอไว้แน่น
เอเอามือจับแขนแนนออกจากตัวทันที...

ปั้ง...หนึ่งหมัดปล่อยออกไป คล้ายเป็นการประกาศสงครามของคนสองกลุ่ม
ทั้งสามคนกรูเข้ามารุมเอคล้ายหมาป่ากำลังรุมขยุ้มเหยื่อ
โต๊ะเรียนที่กระจัดกระจาย
ข้าวของทั้งของเอและแนนตกกระจายเกลื่อนกลาดคนละทิศคนละทาง

“หยุด!!”
เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง...มีอำนาจมากพอจะทำให้ทั้งสี่คนหยุดการตะลุมบอนกัน

“พวกเธอทำอะไรกัน อันธพาลกันใหญ่แล้วนะ”
ครูประจำชั้นเข้ามาห้ามทัพหมาป่าขยุ้มเหยื่อ แม้จะห้ามทัพได้
แต่ก็ได้ปรากฎเลือดไหลซิบๆที่คิ้วและโหนกแก้มของเอ

“เอ เจ็บมั้ย” แนนวิ่งเข้ามาทันทีที่ครูประจำชั้นเดินออกไป

“ไม่เจ็บหรอก” เอพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาแนน

“ไม่เจ็บอะไร เลือดไหลใหญ่แล้ว ไปห้องพยาบาลนะ แนนจะทำแผลให้”
แนนพูดพลางดึงตัวเอออกจากห้องเรียนไป
เลือดไหลเป็นทางลงมาจากคิ้วและโหนกแก้มเปรอะเปื้อนเสื้อนักเรียนสีขาวของเอ

“โอ๊ย...เจ็บ อย่าจับสิ”
เอพูดโพล่งขึ้นขณะที่แนนกำลังกดดูความลึกของบาดแผล...แต่แนนกลับยิ้มออก

“โอ๊ย แสบ”
เอโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อแนนค่อยๆกดสำลีชุบแอลกอฮอลงบนแผลของเอ

“แสบก็ทนสิ อยากหาเรื่องเค้านี่นา” แนนพูดพลางยิ้ม
ค่อยๆเช็ดแผลบนใบหน้าของเอช้าๆอย่างระมัดระวัง

ทุกครั้งที่มีคนแกล้งแนน เอจะยืดอกปกป้องแนนเสมอ
แม้จะต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในภาวะเป็นรองก็ตามที....



“แนนๆ แฮปวาเลนไทน์นะ”
ชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวภูมิฐานพูดห้วนๆพลางยืนกุหลาบแดงให้กับมือหญิงสาว

“อีตาบ๊อง อย่ามาทำหวานใส่ฉันหน่า” แนนพูดกวนๆพลางยิ้ม
เอได้แต่ยืนม้วนด้วยความอาย

“อ้าว ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ ทำหวานให้เจ้าหญิงของตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป”
เอพูดพลางยิ้ม ทำไมหนุ่มวัยรุ่นเวลาอายนี่ดูตลกดีแท้
ทั้งมือทั้งแขนแทบจะไม่มีที่เก็บ สงสัยถ้าแทรกแผ่นดินหนีได้คงหนีหายไปแล้ว

“หวานกับเค้าก็เป็นเหรอ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ”
แนนพูดพลางยื่นมือไปหยิกจมูกเอด้วยความเขิน เอยังคงพยายามสำรวมอาการเขินอยู่

“เอรักแนนนะ” เอพูดพลางจับมือแนนขึ้นมาเขียนรูปหัวใจไว้ที่ฝ่ามือ
ตอนนี้แนนเริ่มหน้าแดงขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตัวเอง

“เหรอ....เขียนคำว่ารักตรงนี้ ดูไม่ซึ้งเลย” แนนพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่เลิกแหย่เอ

“เดี๋ยวสักวัน เอจะเขียนไว้ตรงหัวใจแนนเลยนะ” เอพูดประหม่า
มองหน้าแนนพลางเอื้อมมือดึงตัวแนนเข้ามาโอบกอดไว้แน่น....สักวัน
เอจะเขียนคำว่ารักไว้ในหัวใจแนนเลย.....



ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีโต๊ะหินอ่อนวางเรียงรายเป็นแนว
มีนักศึกษาจับกลุ่ม บ้างคุยกัน บ้างอ่านหนังสือ บ้างหยอกล้อกินขนมกัน...

“เอ เย็นนี้แนนไปทำวิทยานิพนธ์กับเพื่อนนะ” แนนพูดพลางเก็บหนังสือ

“ไปทำวิทยานิพนธ์กับใคร” เอเงยหน้าขึ้นมองแนนทันที

“ไปกับกิ๊ฟกับฝนหนะ นะๆๆๆ” แนนพูดพลางเดินไปนั่งข้างๆเอ
เขย่าแขนเหมือนเด็กอ้อนวอนผู้ใหญ่

“ให้เอไปส่งมั้ย เอว่างนะ” เอพูดพลางยิ้ม ลูบผมแนนเบาๆ

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฝนเอารถมา” แนนพูดพลางซบหน้าลงบนบ่าของเอ

“นี่ แล้วกินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาล่ะ เข้าใจมั้ย
กลับถึงบ้านก็อย่าลืมโทรมาบอกด้วย” เอพูดพลางจ้องหน้าแนนด้วยสีหน้าจริงจัง

“ค่ะ หัวหน้า สั่งจริงๆเลย” แนนพูดพลางยิ้ม เอามือหยิกจมูกเอด้วยความเขิน



“กิ๊ฟๆ แฟนแกเป็นงัยบ้าง” ฝนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ
ขณะที่ตนอยู่หลังพวงมาลัย

“ปวดหัวสุดๆ เจ้าชู้เป็นบ้าเลย” กิ๊ฟพูดปัดๆคล้ายกับไม่ค่อยพอใจในแฟนตัวเองนัก

“ทำไมไม่เลิกๆไปสิ จะได้ไม่กลุ้ม” ฝนเสนอความเห็น มองหน้ากิ๊ฟผ่านกระจกมองหลัง

“หน่า....ให้โอกาสสักครั้ง”
กิ๊ฟพูดพลางซบหน้าลงที่กระจกหันหน้ามองออกนอกรถด้วยอาการเอือมระอา

“โอกาสสักครั้ง รอบที่ล้าน” เสียงหัวเราะดังขึ้นเกือบพร้อมกันทั้งรถ

“แล้วแนนล่ะ แหม...เจ้าชายเธอเอาใจเธอดีนะ”
ฝนพูดขึ้นพลางหันไปมองแนนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

“โอ๊ย รายนั้นไม่รู้กี่ปีแล้ว ยังจับไม่ได้สักทีว่ามีกิ๊กเก็บไว้ที่ไหน”
แนนพูดยิ้มพลางหันไปมองหน้าฝน

“แปลได้สองอย่าง...ถ้าแฟนเธอไม่รักเธอคนเดียว
เค้าก็เก่งมากที่หลอกเธอมานานหลายปี” เสียงหัวเราะดังขึ้นแทบจะพร้อมกันทั่วรถ

“เอี๊ยยดดด.....” เสียงเบรกลากล้อดังยาวจากด้านข้างตัวรถ
คนทั้งรถหันไปมองแทบจะพร้อมกัน รถบรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนรถเก๋งของฝนอย่างจัง
แรงอัดทำให้กระจกทุกบานแตกละเอียด
ห้องโดยสารด้านหน้าฝั่งคนนั่งยุบเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด....ร่างไร้สติของแนนยังคงสงบนิ่งติดอยู่ในรถเก๋งขนาดสองตอน
มัจจุราชอาจฉุดวิญญาณเธอออกจากร่างได้ทุกเมื่อ



“แนนๆ” เสียงกระซิบเบาๆดังข้างหู ทำให้แนนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมา

“อยู่ไหน....โอ๊ย เจ็บ” แนนค่อยๆอ้าปากพูด แต่ไม่ชัดนัก
เฝือกขาวถูกแต่งแต้มถามร่างกายของแนนคล้ายกับเป็นเครื่องประดับ

“ใจเย็นๆ แนน เธอสลบไปสองเดือน” .....สองเดือน สองเดือน
แนนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง.
...ฝนค่อยๆอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แนนฟัง.....

“แล้ว สรุปว่าฉันเจ็บคนเดียวใช่มั้ย” แนนพยายามพูด
เสียงพูดของแนนแทบจะไม่ได้ยิน

“อืม...” ฝนพยักหน้าเบาๆ กำมือแนนไว้นิ่งๆ

“เอ ล่ะ เออยู่ไหน” แนนเพิ่งนึกขึ้นได้ แฟนเธออยู่ไหน

“เอมาหาเธอครั้งเดียว วันแรกที่ชน แล้วหายไปเลย” ฝนพูดพลางลูบหัวแนนเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะ ไม่มีเอ เราก็อยู่กันได้ จริงมั้ยเพื่อน” ฝนพยายามพูดปลอบใจแนน

“อืม...” น้ำตาค่อยๆกลั่นตัวหยดลงมาจากนัยน์ตาของแนน
คำพูดของฝนตอนคุยกันในรถคงจะเป็นความจริง....เขาเก่งมากจริงๆ
เก่งมากที่หลอกแนนมาหลายปี
เก่งมากที่หลอกว่ามีแนนคนเดียว.....ทำไมผู้ชายทั้งโลกถึงนิสัยเหมือนกันหมดเลย
เสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกัน เสียดายความรักที่มอบให้.....เสียดาย เสียดาย
เสียดาย



“คุณแนน ค่อยๆก้าวนะครับ ช้าๆ” บุรุษพยาบาลพยายามพยุงแนนขึ้นเดิน
แนนยังคงไม่หายเจ็บดี ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก

“ระวังล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ”
บุรุษพยาบาลเดินช้าๆเพื่อให้แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่ใช่เอนะ....ทำไม
ทำไม ทำไม

“คุณบุรุษพยาบาลค่ะ นี่ฉันสลบไปนานถึงขั้นต้องกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ”
แนนถามด้วยความสงสัย

“โห คุณไม่ได้เดินสามเดือนนี่ มันนานนะครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยความสุภาพ

“จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าจะถามชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล
เกรงว่ามันจะยาวไป” แนนพูดพลางยิ้ม

“ผมชื่อ กอล์ฟ ครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆ

นับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟเริ่มสนิทกัน ทุกเย็นกอล์ฟจะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด
ไม่นานแนนก็สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด....



“คุณแนนค่ะ น้ำดื่มค่ะ” พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างๆเธอ
ขณะเธอนั่งรอกอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ด้วยไมตรี

“กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกัน” แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออกมา
มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็กน้อย

“ไปสิครับ” กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทางโรงพยาบาล
ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ
ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก
แนนและกอล์ฟสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ....จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟมาแทนที่เอ



บ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ เอก็ไม่โทรมา

บ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ เอก็ไม่ติดต่อมา

บ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่ปรากฎตัว

เอ....เอ....เอ เอหายไปไหน

ไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะให้แนน

ไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนน

มันคงหายไปแล้ว....หายไปพร้อมกับเอ

หายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายเจ้าชู้

ทำไมผู้ชายเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไม



ใกล้วาเลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ ไม่มีเอคอยให้ดอกกุหลาบแดง
ไม่มีอีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้ดู

“แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ” เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์

“ว่างค่ะ ทำไมค่ะ” แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“พอดีผมมีของจะให้แนนนะครับ เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ”
กอล์ฟเสนอความเห็น

“ตกลงค่ะ” แนนพูดพลางกดวางสาย
สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง....หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้เสียที



วันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลก
แม้ในลานที่สยามหรือที่วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆว่า “เซนเตอร์พอยต์”
ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดง...นักเรียน
นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่วลาน

“ขอโทษค่ะ มาสาย” แนนพูดพลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมานั่ง

“ไม่เป็นอะไรครับ” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม

“อืม...ว่าแต่มีอะไรจะให้แนนเหรอ” แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ
แนนจะจับได้ทันที

“อันนี้ของแนนนะครับ” ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออกมาจากถุงอย่างช้าๆ
วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล

“หมายความว่ายังไงค่ะ จะขอหัวใจแนนเหรอ” แนนพูดติดตลกพลางยิ้ม
เธอคิดว่าเธออ่านเกมส์ออกหมด

“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอก” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำให้แนนงง

“อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่...” ไม่ทันแนนจะพูดจบ กอล์ฟต่อคำพูดของเขาทันที

“ผมไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอกครับ เพราะหัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน”
ปั้ง...เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตทุบลงกลางศีรษะ
แนนเริ่มงงกับความหมายขึ้นไปทุกที...มันแปลว่าอะไร???

“หัวใจของคุณ คือเจ้าของกุหลาบดอกนี้”
กอล์ฟพูดต่อ....แนนทำหน้างงๆไม่เข้าใจความหมายแม้แต่นิดเดียว

“ตอนคุณประสบอุบัติเหตุเข้ามาที่โรงพยาบาล
คุณเสียเลือดมาก...หัวใจคุณเต้นอ่อนจนแทบจะล้มเหลว
พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึงที่สุด”
กอล์ฟเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่แนนไม่เคยรู้

“มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วยคุณให้ได้
เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้น ไม่ว่าทางเราจะขออะไร
เขาจะจัดหาให้หมด.....คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจมาก”
กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่...แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟหมายถึงเอ

“ผมยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับชีวิตคุณ”
กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างงอยู่

“เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้คุณ
เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล
แต่กลับไม่พบว่ามีเลือดถุงไหนที่ตรงกับเลือดคุณ” กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
สายตามองไร้จุดหมาย

“สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดี เขาบอกให้ทางเราเอาไป
เอาไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ”
กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้นน้ำตา....แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำใสๆ

“ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ
จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ.....ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ”
กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำ

“เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร.....” ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการอะไร

“เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้มเหลว
เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ”
หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที

“ตกลง ผมหาให้ – เขาตอบสั้นๆโดยไม่ลังเลเลย” ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจให้แนน
ทั้งๆที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อจะทำให้เธอ

“คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและหมออึ้งกันไปหมด
โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้ เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาหัวใจให้คุณได้”
กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาแนน....ตอนนี้กอล์ฟเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว


“เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ได้โอนเงินมาซื้อหัวใจเทียมให้คุณ
แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการกุศลให้โรงพยาบาล
มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม “นานา” คุณดูดีๆ คำว่า แนน และ เอ
ถ้าเขียนติดกัน มันคือ “นานา” นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเขา –
เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขารัก...เพราะไม่มีหัวใจเทียมสำรอง”
เปี๊ยง....แนนโดนสะกิดต่อมความจำเข้าเต็มเปา...เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้นหราที่โรงพยาบาล
แต่เธอไม่เคยเฉลียวใจสักนิด...มิน่า
ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธอดีเสียจนน่าแปลกใจ
ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนได้เสียกับโรงพยาบาลแม้แต่บาทเดียว

“ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล
เขาก็ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลครับ ทิ้งโน้ตไว้ว่า มอบหัวใจให้เธอ -
เขามอบหัวใจของเขาให้คุณ” ทันทีที่กอล์ฟพูดจบ
แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ
โต๊ะรอบข้างหันมามองแนนเป็นตาเดียว....เอคือเจ้าของหัวใจ
หัวใจที่อยู่ในร่างของแนน

“เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ”
กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้กับแนน
มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย.....

“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขาเป็นของคุณ” ใช่
หัวใจเอเป็นของแนน เป็นของแนนจริงๆ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไปเรียบร้อยแล้ว
ตายไปพร้อมกับเอ ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทุกอย่างเพื่อเธอ

“กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลนไทน์ที่จะถึง
รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก
ขอแค่ดอกเดียวก็พอ...เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา” กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา
นั่งนิ่งๆสักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป....ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง

“เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” คำพูดซ้ำๆดังมาจากเครื่องเล่นเทป
เป็นคำพูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำโดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120
นาทีโดยมีเพลงประกอบเบาๆ
แนนค่อยๆคลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียงบรรทัดเดียว

“หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนคนเดียว”

บันทึกการเข้า

โอ๊ยย ชอบเรื่องแบบนี้มากเลย  (แจ๋ว แจ๋ว)

อ่านแล้วขนลุก

ซึ้งดี เคยอ่านแนวนี้แต่เป็นพ่อกับลูกชายมั้ง

อันนั้นน้ำตาไหลเลย

แต่ยาวจริงเรื่องนี้
บันทึกการเข้า

♪ หากไม่ดูเป็นการรบกวน ~ ก็จะชวนเธอมารักกัน ♪
 นี่แหละ.........ความรัก

นานมาแล้ว.......มีเรื่องเล่าระหว่างหญิงสาวและชายหนุ่มผู้ซึ่งรักกันมากและสาบานว่า แม้ความตายก็มิอาจจะพรากรักอันแสนจะมั่นคงนี้ลงได้ และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งไม่เชื่อว่าความรักของทั้งสองจะมั่นคง จึงคิดหาทางพิสูจน์ขึ้นมา นางกล่าวว่า........

"หากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่าย ซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพราก ข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร.. ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้ เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า และตรงกันข้ามกับเจ้าเจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้ เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไปไม่แก่ไม่เฒ่าไม่มีวันตายจะอยู่อย่างนี้นิรันดร....เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขา เคยเป็นที่รักและต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล...... วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารักเจ้า ทำให้เขาจำเจ้าได้ วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง เจ้าจะแก่และตายตามสภาพของอายุขัยที่ควรเป็น.....และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทน...เขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง......."

หลังจากนั้นมาปีแล้วปีเล่าเวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่งที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย....เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้ แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า....

หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้ง เขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ ความทุกข์ทรมานของหญิงสาวถูกเฝ้าดูอย่างเยาะเย้ย โดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลาที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากนั้นไม่มีจริง...แล้วนางแม่มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าในช่วงหลังๆ มาหญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตน ไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตน...แต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เขามีความสุข และทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน

แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงปรากฎตัวเพื่อเอ่ยถามกับหญิงสาว
"เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วหรือ...ความพยายามที่จะพิสูจน์ให้ข้าได้เห็นอำนาจและพลังของรักแท้ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆแม้กระทั่งคำสาปของข้า"
"จริงๆแล้วข้ามีเหตุผลของข้า" หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป "ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายามเพียงแต่ ข้ากลัวว่า...หากความพยายามของข้าสัมฤทธิ์ผล....แล้ว...."
"แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย เจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า เฮอะ นี่หรือรักแท้ของเจ้า"
หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น
"อาจใช่ มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่า หากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ ข้าจะต้องตายจากเขาไป"
"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่า เขาจะทำให้เจ้าจำเขาได้เช่นนั้นหรือ?"
หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่ง ก่อนจะตอบออกไป
"สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น ท่านรู้อะไรไหม....ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขา เฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่า รอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขา มันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด.... และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัส คือ การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รัก โดยที่เราไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้.........หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัว พอที่จะพยายามทำให้เขารัก ทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้ง เพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้ แตทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมัน.......ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับเนื่องจากการรอคอยที่ไม่มีวันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้ ว่า....ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือ ข้าจะทำให้เวลาของเขามีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้ ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริง แต่ข้าก็ยังอยากเห็น รอยยิ้มของเขา...ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่าน อย่างไรก็ตาม นี่ก็คือความรักของข้า คือสิ่งที่ข้าเป็น...
แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาล แต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า คนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์...."

นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ เพราะอยากให้คนที่อ่านจินตนาการถึงตอนจบเอาเอง

ในชีวิตของคนเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่เราคิดว่า เรารักใครสักคนมากมายเหมือเกิน และหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราต้องการความรักตอบกลับมา หลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รับรักตอบคือ การสูญเวลาเปล่า แต่ก็มีหลายต่อหลายคนที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้งสามารถรักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ ทุกอย่างในชีวิตมีทางเลือก.....ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกหรือไม่ และถ้าเลือกเราจะเลือกเดินทางไหนเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญก็คือ เมื่อเลือกแล้วอย่าคิดเสียใจในสิ่งที่ตัวเองเลือก .......ทางเลือกเป็นของคุณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 เม.ย. 2006, 20:29 น. โดย 藿月 (lán yuè) » บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
เรื่องของพระจันทร์

นานมาแล้ว..สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง
มีดวงจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิง
..กับอีกดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย
และดวงจันทร์ทั้งสองดวงนี้ ต่างก็รักกันมาก
ดวงจันทร์ทั้งสองไม่เคยแยกห่างจากกัน…
...ทุกๆ คืนเมื่อมองไปบนฟ้า
จะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่ อยู่เคียงข้างกันเสมอ..

แต่แล้ววันหนึ่ง ………………………………………………
ดวงจันทร์ผู้หญิงได้ไปพบกับดวงอาทิตย์
ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงหลงใหลในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์
จนเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไปทีละน้อย ทีละน้อย ..........
....และก็แยกมาจากดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งในที่สุด...

เมื่อค่ำคืนมาถึง..
จึงมีดวงจันทร์ผู้ชายเหลืออยู่ เพียงดวงเดียว ...
ส่วนดวงจันทร์ผู้ชายก็ได้แต่ตามหา ดวงจันทร์ผู้หญิงไปทุกหนทุกแห่ง ....
คืนแล้วคืนเล่า วันเวลาล่วงผ่านไป
แต่ดวงจันทร์ผู้ชายก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์ผู้หญิงได้พบ.. .....
ด้วยความคิดถึง และอยากพบดวงจันทร์ผู้หญิงให้เร็วที่สุด
ทำให้ดวงจันทร์ผู้ชายคิดว่า
"หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้ คงไม่ได้เจอแน่ๆ"
จึงตัดสินใจ.. ระเบิดตัวเอง เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้น ออกตามหาดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งนั้น...


..... เมื่อเวลาผ่านไป
ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิง ได้เห็นถึงความจริงว่า..
แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า สวยงามสักปานใด
แต่ดวงอาทิตย์ก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้า แต่เพียงเธอเท่านั้น
ยังส่องแสงไปยังดาวดวงอื่นๆ อีกมากมาย
ดวงจันทร์ผู้หญิงจึงกลับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง...


.... แต่หาเท่าไรก็หาดวงจันทร์ผู้ชายไม่พบ
ต่อมาจึงได้รู้ว่า ดวงจันทร์ผู้ชายยอมระเบิดตัวเอง เพียงเพื่อตามหาตน
จนกระจัดกระจายเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ
ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงรู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เจอ กับดวงจันทร์ผู้ชายอีกต่อไปแล้ว
จึงได้แต่โศกเศร้า และเสียใจ ....
แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ที่ดวงจันทร์ผู้ชาย มีต่อดวงจันทร์ผู้หญิง
ทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสง
ที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตน ส่งให้ถึงดวงจันทร์ผู้หญิง
เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้า เคียงข้างดวงจันทร์
จนเกิดเป็นดวงจันทร์และดวงดาว ให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้ ....
หากเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
วันไหนที่เห็นจันทร์สวยสด
วันนั้น คุณก็จะไม่เห็นดาวดวงเล็กดวงน้อยส่องแสง
หรือ วันใดคุณเห็นดาวเปล่งประกายเต็มฟ้ามืด
วันนั้น คุณก็จะไม่พบดวงจันทร์....

.....เขาและเธอ ไม่อาจพบกันตลอดกาล.....
บันทึกการเข้า

Today you , Tomorrow me.

เรื่องของพี่เอ้น่ารักมากเลย


//งั้นแสดงว่าดาวเสาร์  มีดวงจันทร์ผู้หญิงกับดวงจันทร์ผู้ชายเยอะเนอะ


 ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

♪ หากไม่ดูเป็นการรบกวน ~ ก็จะชวนเธอมารักกัน ♪
ละ ละ ละ  กร๊าก
ล้อเล่น  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...







สรุปของไอ๊ซ์ ของเดือน แล้วก็ของเฮียโอ้เอ้ให้ทีครับ หมีโหดดดด


บันทึกการเข้า

งบน้อย
หน้า: 1 ... 11 12 13 14 15 16 17 [18] 19 20 21 22 23 24 25 ... 84
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!