หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 10
 
ผู้เขียน หัวข้อ: สยาม  (อ่าน 34505 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เคยเห็นมีพูดกันประปราย อยากให้เอามาพูดกันอีกที
เพราะมันก็มีผลกระทบกับชีวิตเราเหมือนกันนี่เนาะ

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
ขณะนี้มีการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อประเทศกลับ
จากที่เปลี่ยนเป็น "ไทย" เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง (ก่อนเราเกิดกัน) - โดยรัฐบาล จอมพล ป.
ไปเป็น "สยาม" อีกครั้ง ดังเนื้อหาสรุปดังนี้

แอบอ้าง
To:  กัลยาณมิตร

(1) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 รัฐบาลในสมัยนั้นได้ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” และจาก Siam เป็น Thailand

(2) รัฐบาลสมัยนั้นให้เหตุผลทาง “เชื้อชาตินิยม” ว่า “รัฐบาลเห็นสมควรถือเป็นรัฐนิยมให้ใช้ชื่อประเทศ ให้ต้องตามชื่อเชื้อชาติและความนิยมของประชาชน”

(3) เหตุผลที่รัฐบาลในสมัยนั้น ยกขึ้นมาอ้างว่าด้วยเชื้อชาตินั้น ไม่ถูกต้องตาม “ความเป็นจริง” และ “ข้อมูล” ทางประวัติศาสตร์

(4) ประชาชนที่ประกอบกันขึ้นเป็นพลเมืองของประเทศของเรานั้น มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ภาษาและอัตลักษณ์วัฒนธรรม มีทั้งไทย ลาว มอญ เขมร กูย แต้จิ๋ว กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ไหหลำ แคะ จาม ชวา มลายู ซาไก มอแกน ทมิฬ เปอร์เซีย อาหรับ ฮ่อ พวน
ไทใหญ่ ไทดำ ผู้ไท ขึน เวียด ยอง ลั๊วะ ม้ง เย้า กะเหรี่ยง ปะหล่อง มูเซอร์ อะข่า ขะมุ มลาบรี ชอง ญากูร์ ฝรั่ง (ชาติต่างๆ) แขก (ชาติต่างๆ) ฯลฯ ฯลฯ

(5) รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ก็ใช้นามประเทศว่า “สยาม” และในการร่างรัฐธรรมนูญอีกหลายครั้ง ก็ได้มีการอภิปรายในประเด็นที่จะเปลี่ยนนามประเทศเป็น “สยาม” อีก เช่น ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2492 และฉบับ 2511 เป็นต้น

(6) ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับ “ความเป็นจริง” ทางเชื้อชาติ ภาษาและอัตลักษณ์วัฒนธรรม และตรงตาม “ข้อมูล” ทางประวัติศาสตร์ จึงเห็นเป็นการสมควรที่จะให้ใช้นามประเทศในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 นี้ว่า “สยาม” และ Siam สืบไปทั้งนี้เพื่อ “หลักการณ์ของความสมานฉันท์ การยอมรับในความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษาและอัตลักษณ์วัฒนธรรม และประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน” เช่นเรา

(7) หากท่านเห็นชอบด้วยขอให้ร่วมลงชื่อในจดหมายนี้ หรือส่งความเห็น หรือรวบรวมความเห็น รายชื่อ หมู่คณะของท่านเสนอโดยตรงต่อ
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
นายกรัฐมนตรี
ประธานศาลฎีกา
สสร.
พรรคการเมืองและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
หรือจะเสนอผ่านมายังข้าพเจ้า เพื่อรวมรวมส่งอีกครั้งหนึ่งก็แล้วแต่จะเห็นควร

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Sincerely,


คิดอย่างไรกันบ้างครับ กับการเเรียกร้องในครั้งนี้
น่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย (เอ๊ะหรือปั่นจีบกันดีกว่า?)



ป.ล.โดเมนเนม .co.th จะเปลี่ยนเป็นอะไรเนี่ย .sm เหรอ  หื่น (ซ้ำแล้ว - San Marino)



//เพิ่มลิงก์น่าสนใจ
- ข้อเรียกร้องของ อ.ชาญวิทย์
- ราชอาณาจักร...
- ปรีดี พนมยงค์: ความเป็นมาของชื่อ “ประเทศสยาม” กับ “ประเทศไทย”
- เพื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในวงกว้าง
- สยามดีกว่าไทย


 ยิ้มน่ารัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 เม.ย. 2007, 03:59 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
รู้สึกว่า ว่างมาก
บันทึกการเข้า

นักเขียนการ์ตูนรายปี
คาดว่าต้องเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรยกเซ็ต   หน้ามึน
บันทึกการเข้า

เลวยั้นเงา


กะลา.. ใช่ไหม
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
โดยส่วนตั๊วส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยเลย อะไรต่อมิอะไร  ไม่ล่ะ
บันทึกการเข้า

Everybody's gonna love today






ตอบตามประสาผู้ไม่รู้ อ้างอิงความรู้สึกส่วนตัวล้วน ๆ



Siam ดูเพราะพริ้งกว่า Thailand เป็นไหน ๆ


แลประเด็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชาติพันธุ์ของเรา ๆ ตามที่คุณชาญวิทย์ เกษตรศิริอ้างมาก็ดูมีเหตุผลดี


แต่จะเปลี่ยนทีนี่ต้องโปรโมตประเทศกันยกใหญ่เลยนะ



คงต้องพิจารณากันหลายยกหน่อยล่ะ


บันทึกการเข้า

งบน้อย
เดี๋ยวนี้ คนไทยเป็นไรไปกันหมด  ความแตกแยกในสังคมปัจจุบันมันมันจะยุติลงได้ด้วยการเปลี่ยนชื่อประเทศ รึไงนะ..........
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
.si.am   
บันทึกการเข้า

i'll walk until i find u.
รู้สึกว่า ว่างมาก


เออใช่พี่ ตอนแรกผมก็คิดงี้เหมือนกัน
แต่พออ่านเหตุผลเขาก็เท่าท่าเข้าทีอยู่

คือยังไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดเพราะแค่ฟังแวบแรกก็ต่อต้านแหลกแล้ว
ความเห็นที่ตูแสดงไว้คราวก่อนก็ดูประหลาดๆ เพราะตูไม่ได้รู้สึกถึงประโยชน์ของมันเลย

แต่ในใจก็เออออกะเขาเหมือนกันนะครับ ว่าสยามมันก็เป็นชื่อที่เท่ดี
ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้ศึกษาเลยยังไม่รู้ว่าเฮ้ย ถ้ามาเปลี่ยนเอาวินาทีนี้เนี่ย มันจะยุ่งฉิบหายเลยหรือเปล่า

การเปลี่ยนชื่อประเทศไม่ใช่เป็นไปไม่ได้นะครับ
ดูตัวอย่างง่ายที่สุดก็พม่าไง ตอนนี้เป็นเมียนม่าร์ไปแล้ว  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
รับรองว่ายุ่งแน่



โดยเฉพาะเพลงชาติ   ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

เลวยั้นเงา
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9470000097053

แอบอ้าง
เพลงชาติสยาม
       
       คำร้อง ขุนวิจิตรมาตรา ทำนอง พระเจนดุริยางค์
       
       แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
       ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า
       สืบเผ่าไทยดึกดำบรรพ์บุราณลงมา
       ร่วมรักษาสามัคคีทวีไทย
       บางสมัยศัตรูจู่โจมตี
       ไทยพลีชีพร่วมรวมรุกไล่
       เข้าลุยเลือดหมายมุ่งผดุงไผท
       สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา
       อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย
       น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
       เอกราษฎร์คือเจดีย์ที่เราบูชา
       เราจะสามัคคีร่วมมีใจ
       รักษาชาติประเทศเอกราชจงดี
       ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้
       เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินไทย
       สถาปนาสยามให้เทิดไทย...ไชโย
       
       ผู้จัดการออนไลน์ เขียนเล่าไว้อีกว่า
       
       "...ในปีพุทธศักราช 2477 รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเพลงชาติขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ทรงเป็นประธาน มีกรรมการท่านอื่นๆ ดังนี้ คือ พระเรี่ยมวิรัชพากย์ พระเจนดุริยางค์ หลวงชำนาญนิติเกษตร จางวางทั่ว พาทยโกศล และนายมนตรี ตราโมท
       
       คณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่พิจารณาเกี่ยวกับเพลงชาติโดยเฉพาะ ผลการตัดสินปรากฏว่า เพลงที่ได้รับการคัดเลือกฉบับที่ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล
       
       สำหรับเพลงชาติแบบไทยสมัยนี้ ซึ่งต่อมาเรียกว่า เพลงชาติ "แบบไทย" นั้น ท่านผู้แต่งได้ดัดแปลงทำนองมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทย ที่มีชื่อว่า เพลง “ตระนิมิตร” ให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากลได้ซึ่งเพลง "ตระนิมิตร" นี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ เช่น งานไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญครูบาอาจารย์ เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นจึงมีความหมายอันควรแก่การเคารพนับถือ เป็นสิริมงคล เหมาะสมที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้
       
       เพลงชาติไทยฉบับนี้ได้ใช้เป็นเพลงบรรเลงออกอากาศทางสถานีวิทยุ กระจายเสียงของกรมโฆษณาการอย่างเป็นทางการอยู่ระยะหนึ่ง ส่วนเพลงชาติในแบบสากล ฉบับพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) นั้น ก็ยังคงนำมาใช้บรรเลงอยู่ด้วย ในหลายๆ โอกาสเช่นกัน
       
       จึงอาจจะกล่าวได้ว่า ในยุคนั้น ชาติไทยหรือประเทศสยาม ณ เวลานั้นของเรามีเพลงชาติไทยถึง 2 แบบ 2 ทำนอง
       
       ต่อมาภายหลัง คณะกรรมการชุดเดียวกันนี้ ได้มีการพิจารณาว่า ให้ใช้เพลงชาติเพียงเพลงเดียว คือให้ยกเลิกเพลงชาติ "แบบไทย" และเลือกเพลงชาติ "แบบสากล" ให้คงไว้ใช้ต่อไป
       
       เมื่อ สรุปเพลงหลักของเพลงชาติไทยได้แล้ว ทางคณะกรรมการฯ จึงได้จัดให้มีการประกวดบทร้องขึ้นใหม่ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาให้รางวัลแก่บทร้อง 2 ฉบับ คือบทร้องของ นายฉันท์ ขำวิไล และบทร้องของ ขุนวิจิตรมาตรา...(อ่านต่อวันพุธหน้า)


อุ๊ย ชอบคำว่า จางวาง  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ






แอนตัดหน้า เศร้า


บันทึกการเข้า

งบน้อย
อาจต้องมาฝึกร้องกันใหม่ตั้งแต่รุ่นอนุบาลยันคนแก่  
บันทึกการเข้า

เลวยั้นเงา
คงจะให้พิสูจน์ความสามัคคี
บันทึกการเข้า
อาจต้องมาฝึกร้องกันใหม่ตั้งแต่รุ่นอนุบาลยันคนแก่ 


เห็นแล้วนึกได้
เมื่อคืนดูข่าว มียายทวดที่เกิดวันที่ 11 มิ.ย.2440 (อายุ 110 ปี) โห
สุขภาพดีมาก เดินเหินได้ปกติ แถมภูมิใจนำเสนอในความเป็นคน 5 แผ่นดินด้วยครับ
มานึกดู ใครที่อายุเกิน 68 ปี ก็จะเกิดทันสมัยที่ประเทศเราชื่อสยามเนาะ



ป.ล.สยามนะ ไม่ใช่สาม 3cษ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 10
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!