จงภูมิใจเถิด...วันนี้เราต่างก็เป็น 'ขบถไอทีวี' เท่าเทียมกันแล้ว (...รู้หรือยังว่าใครฆ่าไอทีวี?) จาก
กาแฟดำ http://www.bangkokbiznews.com/2007/03/06/WW12_1238_news.php?newsid=576216 มีนาคม พ.ศ. 2550 19:40:00
ประโยคเดียวที่ผมฝากสำหรับคนข่าวของไอทีวีวันนี้คือ "ขอจงรักษาจิตวิญญาณแห่งความเป็นคนข่าวอาชีพที่เคยได้ร่วมกันสร้างสถานีข่าวเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย...
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : คุณทุกคนมีสิทธิที่จะภาคภูมิใจกับการมีส่วนร่วมสร้างความสำนึกแห่งเสรีภาพของข่าวสารทางโทรทัศน์ไทยอย่างแน่นอน...แม้ว่าวันนี้ชื่อไอทีวีจะไม่ปรากฏบนจอโทรทัศน์ของประเทศอีกแล้วก็ตาม..."
ฟังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ประกาศปิดฉากไอทีวีหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีตอนบ่ายเมื่อวานแล้ว ผมถามตัวเองว่า
ใครฆ่าไอทีวี?
คำตอบของผมในฐานะที่รู้ที่มาที่ไปของการก่อตั้งของ "ทีวีเสรี" แห่งแรกของประเทศตั้งแต่ออกอากาศนาทีแรกคนหนึ่งก็คือ
ทักษิณ ชินวัตร ฆ่าไอทีวี...และเป็นฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น
ฆาตกรรมอำพรางครั้งนี้ทำได้แยบยล และแนบเนียนถึงขั้นที่ว่าแม้ในวันท้ายๆ ของการดำรงอยู่ของไอทีวีนั้น คนข่าวไอทีวีที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลของนายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ ช่วยไม่ให้สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ต้องล้มหายตายจากไปยังไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อของคนที่เป็นสาเหตุของความหายนะขององค์กรของพวกเขาเลย
ตระกูลของเขาขายหุ้นของชินคอร์ป ที่รวมถึงไอทีวีด้วย ได้เงินมากว่า 73,000 ล้านบาท ไม่เสียภาษีให้คนไทยเลยแม้แต่บาทเดียว และเมื่อไอทีวีถูกรัฐบาลยึดคืนเพราะบริษัทของตระกูลเขาทำผิดสัญญาจนพนักงานเดือดร้อนกันอย่างหนักหน่วง และคนดูทีวีต้องสูญเสียทีวีไปหนึ่งช่อง คนของไอทีวีกลับไม่มีใครถามหาความรับผิดชอบจากทักษิณ
คนของไอทีวีกลับไม่มีใครเอ่ยถึงความรับผิดชอบของเทมาเส็ก แห่งสิงคโปร์ ที่ทำให้เหตุการณ์ต้องมาจบลงอย่างน่าอนาถใจเช่นนี้
ทำไมจึงบอกว่าทักษิณ เป็นต้นตอของความวิบัติต่อไอทีวีครั้งนี้?
ง่ายๆ ชัดๆ ครับ...ไอทีวีก่อตั้งเมื่อ 10 ปีก่อนหลังเหตุการณ์ "พฤษภาคมทมิฬ" เพราะทีวี และวิทยุทุกสถานีอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลและได้ออกข่าวบิดเบือนและหลอกลวงประชาชนว่าด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนั้น
ไอทีวี ตั้งขึ้นด้วยความสำนึกว่าประชาชนคนไทยต้องมีทีวีที่เป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาล และเพื่อให้มีความเป็นอิสระจากอำนาจการเมือง จึงได้กำหนดให้รัฐมอบคลื่นความถี่กับเอกชนเพื่อทำให้เป็นช่องข่าวสารและสาระที่ได้มาตรฐาน
เพื่อไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลเหนือใคร จึงกำหนดให้แต่ละกลุ่มผู้ถือหุ้นถือได้ไม่เกินร้อยละ 10 และให้ "มืออาชีพทางสื่อสารมวลชน" มาทำหน้าที่เป็นผู้เสนอข่าวสารที่ประชาชนต้องการตามมาตรฐานสากล
และกำหนดให้มีเนื้อหาที่เป็นข่าวสารและสาระร้อยละ 70 เป็นอย่างน้อย
เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ทักษิณ เห็นโอกาสที่จะฮุบไอทีวีเป็นของตัวเอง และเมื่อสบโอกาสก็เปลี่ยนเงื่อนไขหลักสองข้อนี้เสีย
นั่นคือชินคอร์ปเข้าไปตกลงกับเจ้าหนี้รายใหญ่คือธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งลงท้ายกลายเป็นว่าครอบครัวของทักษิณ ถือหุ้นส่วนใหญ่ของไอทีวี อย่างง่ายดาย
และไม่ช้าไม่นานหลังจากนั้น เงื่อนไขที่ต้องมีสาระข่าวสารร้อยละ 70 ก็ถูกเปลี่ยนไปเหลือร้อยละ 50
สังคมไทย นักวิชาการผู้ต่อสู้เรื่องเสรีภาพของสื่อ และวงการสื่อสารมวลชนเองปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบจนถึงวันนี้
คนข่าวที่อยู่วงใน ที่ต้องต่อสู้กับทักษิณ และพวก และถูกคุกคามโดยอำนาจเงินและอิทธิพลการเมืองของทักษิณ ในเรื่องไอทีวีอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของความปวดร้าวที่รับรู้กันอยู่แค่วงเล็กๆ... หลายคนออกมาสร้างองค์กรข่าวเพื่อยืนยันจิตวิญญาณแห่งความเป็นคนข่าวอิสระ...อีกหลายคนต่อสู้อยู่ข้างในและถูกขับออกในฐานะ "ขบถ"...แต่เขาเหล่านั้นไม่เคยโกรธ ไม่เคยตำหนิคนข่าวที่ยังคงทำงานในไอทีวีต่อไปแม้จะเป็นไอทีวีที่สร้างความกังขาให้กับสังคมไทยมากขึ้นทุกวันเมื่อทักษิณแผ่อำนาจอิทธิพลเหนือวงการสื่อสารมวลชนในประเทศอย่างไม่สนใจไยดีกับเสียงเรียกร้องของคนข่าวก็ตาม
เพราะสำหรับคนข่าวที่เคยผ่านการฝึกปรืออย่างเข้มข้นให้เป็นคนข่าวที่ภาคภูมิในศักดิ์ศรีแห่งความเป็น "สื่อเพื่อสาธารณะ" ด้วยจิตวิญญาณแบบไอทีวีสมัยก่อตั้งนั้น พวกเขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วความจริงย่อมประจักษ์ว่า
เราต่างก็ต่อสู้เพื่อเสรีภาพแห่งข่าวสารจนนาทีสุดท้ายเสมอ
และเพราะเราอาสาทำความจริงให้ประจักษ์ต่อสังคม ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนสังกัดไปที่ไหน สำนึกและศักดิ์ศรีแห่งความที่ "เคยเป็นคนข่าวไอทีวี" จะต้องตราตรึงในจิตสำนึกของเราตลอดไป
ขอเพียงว่าคราวหน้า อย่าอดกลั้นกับความบัดซบของอำนาจทุนและการเมืองให้เนิ่นนานอย่างนี้เท่านั้น
ด้วยจิตคารวะเสมอ
การปิดไอทีวีจึงไม่มีความหมายสำหรับผม แต่เมื่อวานได้ดูข่าวไอทีวีที่ร้านข้าว ต้นทุนทางสังคมของไอทีวีได้หมดลงแล้วตั้งแต่ชินคอร์ปได้เข้าไปซื้อไอทีวี และมีการไล่นักข่าวส่วนหนึ่งออก หลังจากนั้นมีความพยามปรับแก้กฎหมาย และอื่น ๆ โดยไม่ถูกต้อง เรื่องมันเลยจบลงแบบนี้
ได้แต่เห็นใจผู้ที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าพนักงาน หรือผู้ผลิตรายการ แต่ผมไม่เคยได้ยินข่าว หรือความพยามของนายทุนที่จะแก้ปัญหานี้เลย มีแต่ข่าวพนักงานมาดำเนินเรื่องขอให้รัฐช่วย