หน้า: 1 2 [3]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: วันมาฆบูชา 3 มีนาคม 50  (อ่าน 10488 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
งานของปีที่แล้วครับ

ปล.ไม่ได้ถ่ายเองครับ  ง่ะ



บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
 กรี๊ดดดดด 
บันทึกการเข้า
โอ้ว สวยสุดยอด
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ










ขยายส่วนที่เป็นกลมๆ ทองๆ ที่อยู่ตรงกลางครับ



ซูมเข้าไปอีกกกก



รูปแบบไม่ย่อจะเห็นชื่อจารึกของผู้ที่สร้า้งที่ฐานองค์พระ ด้วยครับ










บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com




ใครถ่ายเนี่ย สวยมากๆ
บันทึกการเข้า

Las Noches Rubicundior
พี่เฟริน ก็สวยครับ  เกย์แอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 ก.พ. 2007, 20:40 น. โดย ชาร์ป » บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
 ไหว้
บันทึกการเข้า
ประวัติวันมาฆบูชา ครับ

ความเป็นมา

หากย้อนไปในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ในสมัยพุทธกาล เป็นวันที่มีการประชุมครั้งใหญ่ หรือ จาตุรงคสันนิบาต อันมีความมหัศจรรย์ 4 ประการ

พระภิกษุสงฆ์จำนวน 1250 รูป มาจากที่ต่างๆกันเพื่อมาสักการะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เวฬุวันมหาวิหาร ในกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ แต่ละรูปเดินทางมา โดยไม่ได้มีการนัดหมายทางวาจากันล่วงหน้า

พระภิกษุทั้งหมด ล้วนแต่เป็นผู้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุกๆรูป

พระภิกษุเหล่านั้น ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ พระพุทธเจ้าทรงบวชอ่ะ

พระจันทร์กำลังเสวยมาฆฤกษ์ เป็นวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงในเดือนสาม ซึ่งถือเป็นเวลาดีที่สุด ท่านเรียกว่า โอกาสโลกเป็นใจ คือกลางคืน อากาศไม่ร้อน ทั้งดวงจันทร์ก็สว่างนวล ไม่มีเมฆหมอกบัง ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะอย่างยิ่งในการฟังธรรม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำริว่า
เป็นกาลเวลาอันเหมาะสมที่จะได้กระทำพิธีสันนิบาตสาวก ประกาศ อุดมการณ์หลักการและวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่ามกลางพระอรหันตสาวกทั้ง ๑,๒๕๐ รูป เพื่อเป็นหลักในการ ดำเนินการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกื้อกูลประโยชน์สูงสุดแก่ชาวโลก

การประชุมครั้งนี้จึงถือว่า เป็นการประชุมครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนา ซึ่งมีพระบรมศาสดาเป็นประธาน ท่ามกลางมหาสันนิบาตแห่งสาวก พระบรมศาสดาได้ทรงแสดงธรรม โอวาทปาฏิโมกข์ อันเปรียบเสมือนธรรมนูญแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งชาวพุทธทั้งหลายได้ยึดถือเป็นแม่บทสำหรับ การประพฤติปฏิบัติ เพื่อความพ้นทุกข์ของตนเอง และเป็นแม่บทสำหรับการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา มาตราบเท่าทุกวันนี้

อุดมการณ์ของชาวพุทธ

อุดมการณ์ของชาวพุทธ คือเป้าหมายอันดีงามสูงสุดของชาวพุทธ หรือเป้าหมายชีวิตของชาวพุทธ อันได้แก่พุทธบริษัท4 ยิ่งถ้าบวชแล้วก็ต้องยิ่งตั้งเป้าหมายให้เด่นชัด
และยังทำให้เกิดความกระตือรือร้น ที่จะปรับปรุงตัวตาม
เป้าหมาย ตามคำสอนของพระบรมศาสดา ให้เป็นเนื้อนาบุญชองชาวโลก คือเป็นประโยชน์ เป็นที่พึ่งทั้งต่อตนเองและชาวโลกอีกด้วย เพราะฉะนั้น พวกเราต้องมาพิจารณาอุดมการณ์ของชาวพุทธ ซึงมี 3 ประการ ดังนี้

1.ขนตี ปรมํ ตโป ตีติกขา ความอดทน คือความทนทาน เป็นตบะอย่างยิ่ง (ต้องมีควาามอดทนและเข้มแข็ง อดกลั้นต่ออำนาจฝ่ายต่ำของกิเลสที่คอยชักจูงให้กระทำผิด)

2.นิพพานํ ปรมํ วทนติ พุทธา ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ย่อมกล่าวพระนิพพานว่าเป็นเยี่ยม (ต้องมุ่งความดับทุกข์ โดยมีขันติเป็นเครื่องกำจัดกิเลสให้หมดไปตามลำดับ จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือพระนิพพาน)

3.นหิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํวิเหฐยนฺโต บรรพชิตผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ เลย (ผู้รักความสงบ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดขีวิต ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน)

หัวใจของพระพุทธศาสนา

คือหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เมื่อเรามีอุดมการณ์มั่นคงอยู่ในใจแล้ว ควรจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานหลักการดำเนินชีวิตไว้ ๓ ประการ ซึ่งชาวพุทธถือว่าเป็นหัวใจ ของพระพุทธศาสนา

1.สพฺพปาปสฺส อกรณํ การไม่ทำบาปทั้งปวง (ไม่ว่าจะด้วยกาย วาจา หรือใจ)

2.กุสลสฺสูปสมฺปทา การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม (ความดีหรือบุญนั้น แม้เพียงเล็กน้อยก็อย่าไปดูถูกว่าจะไม่ให้ ผล เพราะขึ้นชื่อว่าบุญ ไม่ว่ามากหรือน้อย ย่อมให้ผลเป็นความสุขทั้งนั้น)

3.สจิตฺต ปริโยทปนํ การกลั่นจิตใจของตนให้ผ่องใส (คิด พูด ทำแต่ในสิ่งที่ดี หมั่นเจริญภาวนาให้มาก มีโยนิโสมนสิการ คือการจับแง่คิดในทางที่ถูกต้อง จะทำให้ใจไม่ฟุ้งซ่าน ผ่องใสอยู่เสมอ

วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือวิธีการปรับปรุงตัวเอง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบวิธีการปรับปรุงตัวเองให้เหมาะสมที่จะเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ตนเอง และชาวโลกไปพร้อม ๆกัน อยู่ 6 ประการ ซึ่งเป็นวิธีที่ล้ำลึก ซึ่งหากใครทำตามได้นอกจากตัวเอง จะได้เป็นต้นแบบที่ดีแล้ว การเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลสำเร็จอย่างงดงาม แน่นอนอีกด้วย

1.อนูปวาโท การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน (ระวังคำพูดไม่ให้เป็นการกล่าวว่าร้ายใคร หรือพูดโจมตีใคร)

2.อนูปฆาโต การไม่เข้าไปทำร้ายกัน (ระวังมือระวังเท้าไม่ให้ทำชั่ว ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่หรือบังคับ)

3.ปาฏิโมกฺเข จ สงฺวโร ความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ (สำรวมการประพฤติปฏิบัติให้อยู่ใน วินัยและศีลธรรม อันดีตลอดเวลา)

4.มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ เป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร (รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร จะทำให้สุขภาพดี ส่งผลให้การปฏิบัติธรรมมีความเจริญก้าวหน้า)

5.ปนฺตญฺจ สยนาสนํ ที่นอนที่นั่งอันสงัด (มุ่งเจริญสมณธรรมความเงียบสงัดจะทำให้จิตใจสงบ ใจรวมเป็นหนึ่งได้เร็ว)

6.อธิจิตฺเต จ อาโยโค ประกอบความเพียรในอธิจิต (หมั่นทำสมาธิภาวนาโดยไม่ทอดธุระ)

 ไหว้
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
หูย รูปงามขนาด
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
สถานที่เที่ยวเเห่งใหม่ วัดยูเอฟโอ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
ไม่ใช่ วัดยูเอฟโอ  เหลือบ
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
3 มีนาคม ทำบุญครบรอบวันตายย่าพอดีเลยแฮะ
บันทึกการเข้า
พรุ่งนี้วันมาฆะ  อย่าลืมไปวัด เวียนเทียน นะครับ   ไหว้
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!