ซับซ้อนกันอีกหน่อยนึง กับคำสั่ง เงื่อนไข
นั่นคือ if นั่นเอง จริงๆแล้วทุกครั้งที่มีคนมาขอเรียนแฟลชกับผม ผมจะถามเค้าว่า if แปลว่าอะไร
สิ่งที่ผมกำลังสื่อความหมายก็คือ ถ้าคุณอ่านคำสั่ง แล้วยังไม่รู้ว่า มันแปลว่าอะไร มันก็ยากที่จะเข้าใจมันโดยเร็ว ผมแนะนำให้พกดิกชันนารี่ ไว้แปลว่าความหมายของคำสั่งต่างๆหมายควา่มว่าอะไร
if แปลว่า ถ้า
เช่น ถ้าฝนตก ก็จะเปียก
ใช้่สำหรับเป็นตัวเลือก ที่จะทำสิ่งใด ถ้าเงื่อนไข เป็นอะไร
รูปแบบคำสั่ง
if( ){
}
ภายในวงเล็บ (.... ) คือเงื่อนไข ถ้าภายในวงเล็บนี้ มีค่าเป็น true ก็จะทำตามคำสั่งภายในวงเล็บ {. ....}
เช่น
if(ฝนตก == true ){
trace("เปียก");
}
ย้อนกลับไปอ่าน Operator จะพบว่า เราต้องใช้ == คือเท่ากับสองตัว เพราะว่า จะเป็นการเปรียบเทียบ
และคำสั่ง else ทำงานยังไง ลองดูคำสั่งต่อไปนี้
if( ฝนตก == true ){
trace("เปียก");
}else{
trace("ไม่เปียก");
}
else คือ อื่นๆนอกเหนือจากเงื่อนไขแรก
แต่ถ้าเรามีเงื่อนไขมากกว่า เราก็สามารถเพิ่มเติมด้วยคำสั่ง else if เช่น
if( a ){
............
}else if( b ){
...........
}else if( c ){
........
}else{
...other....
}
ง่ายใช่ไหมครับ
ตัวอย่างง่ายๆของการใช้คำสั่ง if คือ การคิดเกรด จากคะแนนสอบ
การบ้าน จงเขียนโปรแกรม คิดเกรดจากคะแนนสอบ โดยที่
คะแนน
0-49 ได้เกรด 0 (รวมไปถึงคะแนนติดลบ ซึ่งมีรึเปล่าวะ)
50-59 เกรด 1
60-69 เกรด 2
70-79 เกรด 3
80 - 100 เกรด 1
ถ้ากรอก นอกจากนั้น ถือว่าผิดพลาด ให้แสดง Error
แถมให้อีกคำสั่ง คือ isNaN( ... );
คำสั่งนี้ จะเป็น true ก็ต่อเมื่อ ภายในวงเล็บเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเลข
เช่น
x = "100";
a = isNaN(x);
a จะมีค่าเท่ากับ true เพราะว่า x ไม่ได้เป็นตัวเลข เพราะเราใช้ " คร่อม จึงถือว่าเป็น สตริง หรือตัวหนังสือ
x = 100;
a = isNaN(x);
a จะมีค่าเป็น false เพราะว่า x เป็นตัวเลข
ไว้สำหรับใครที่จะทำโจทย์ด้านบนไว้ตรวจสอบว่าผู้ใช้ กรอกสิ่งที่เป็นตัวเลข หรือตัวหนังสือ จะได้แสดง Error ได้ถูกต้อง
**อย่าลืมว่า ข้อมูลที่กรอกลง text จะเป็นข้อมูลชนิด String ให้แปลงเป็นตัวเลขด้วยนะ