.........
ถามก่อนครับ
เดี๋ยวจะมาลงต่อ..................
-----------------------------------------------------------------------------
ข้อความข้างล่างนี้ เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยอ่านผ่านตามาบ้าง .... รึเปล่า
***************************************************
ผมเรียนแพทย์ที่ศิริราช.....จนจบ จำได้ว่ามีความภูมิใจที่
จะได้เป็นหมอ หมอที่ดีของประชาชนตามที่หวังไว้
แต่ช่วงแรกๆเกือบจะเลิกเป็นหมอ.......เมื่อพบว่ า โลกนี้ สังคมนี้....โหดร้ายและ.......เป็นเช่นนี้....ทนไม่ได้จริงๆ
โดยเฉพาะนอกเวลาราชก าร ที่ผมต้องอยู่เวร.....
ทำงานตรวจโรคคนไข้นอก ฉุกเฉินแต่เย็น ยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าว.....เหนื่อย
แต่ก็ต้องยิ้ม พูดจา ดื่มน้ำเย็นสองแก้วก็ชื่นใจ...ถูกเรียกตัวไปตึกต่างๆ.....
ที่แรก ผมไปช่วยเด็กที่ป่วยหนัก ทำงานกับพยาบาลจนไม่รู้เวลา..อาการหนัก
แม่และญาติๆ.....ช่วยลูกอิชั้นด้วยนะคะ หมอ....น้ำตา และใบหน้าของคนเป็นแม่ เป็นเช่นใด
ไม่ต้องอธิบายนะว่า....เช่นใด...ช่วยกันอยู่นาน จนเด็กฟื้น ปลอดภัย ก็พึ่งนึกได้ว่า มีคิวไปตามที่เรียกอีก....แม่ของเด็ก ดีใจ ร้องไห้
แม่คนก็เช่นนี้ เสียใจ ดีใจ กับลูก.....ไม่ว่าจะเรื่องใด โดยเฉพาะชีวิต แม่....สะเทือนใจมากที่สุด....
ดื่มน้ำสองแก้วใหญ่ ปาดเหงื่อ....พร้อมกับรับ การไหว้ การกราบจากแม่ของ เด็ก....ใจหายมาก แต่ก็หายเหนื่อย เครียดมานาน
พึ่งจะยิ้มออกก็ตอนนี้......ยามที่เด็กรอดตายแน่ๆ..
วิ่งจากตึกนี้ไปอีกตึก...... พยาบาลหน้างอ ตัดพ้อต่อว่า...
แม่ของเด็กคนใหม่ ชี้หน้า มองผมด้วยความรู้สึกเช่น...คำพูด......หมออะไร.นะ เด็กจะตายอยู่แล้ว ไม่ยอมมาดูคนไข้เลย
....เพียงเวลาห่างกัน ห้านาที.....ผมปรับอารมณ์ไม่ทัน
ทำงานอย่างเครียดมาก กลัวว่าเด็กจะตาย.....
พยาบาลต้องเอาผ้า มาเช็ดหน้าเช็ดแว่นให้ผม.......เสียงติหรือชมจากญาติที่ไม่ยอมออกไปข้างนอกก ดดันหรือ ช่วยผม ไม่ต้องตอบก็รู้ดี......
วูบหนึ่ง....เด็กทำท่าจะตาย....แต่ก็รอดมาด้วยการปั๊มหัวใจ. ....
หนึ่งขม.ต่อมา ผมทรุดตัวลงนั่งที่ห้องพัก พยาบาลเอานมมาให้ดื่ม....รองท้องก่อนนะคะ หมอ......เธอเข้าใจ....
ทำงานอีกสองสามราย ใกล้รุ่ง......เดินออกมาที่ร้านกาแฟ หน้ารพ. สั่งกาแฟและขนมปังไส้หวานมาสองชิ้น....
กัดไม่กี่คำก็วางลง กลืนไม่ลงจริงๆ
คนกลุ่มหนึ่งโวยวายออกมาจาก รพ. ผ่านร้านกาแฟ...เห็นผม
เด็กหนุ่มคนหนึ่งชี้หน้าผมพูดว่า....นี่ไง...หมอคนนี้..แหละ พี่สาวปวดท้องจะตาย ตามมันสามชม..ถึงจะมาดู
ผมสำลักกาแฟ ขนมปังพลอยออกมาจากกระเพาะบางส่วน.........
เช้าแล้ว..ฝนพรำๆมาเช่นนี้ทั้งคืน ผมรู้สึกว่า มันหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลย.....นั่งที่โต๊ะหน้ารพ.รอเวลาเข้าเว รเช้าต่อ อีกแผนก.....
อาจารย์หมอ คนหนึ่งมาแต่เช้า.....คุยกันไม่กี่คำ อาจารย์ก็ตบไหล่ผม.......อย่าคิดมากน่ะหมอ นี่เก้าเดือนแล้ว..
อีก สามเดือนก็หมดภาระฝึกหัด ปีหน้าไม่หนักหรอก.....
ทำทั้งคืน หนักๆทั้งนั้น ตาย หกคน รอดมายี่สิบนี่ก็ยอดแล้วนะ ผมว่า...
ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด แล้วไปกินโจ๊กด้วยกันที่สโมสร ผมจะสั่งไว้ให ้.....
เสียงของอาจารย์ตอนท้ายสุด บอกว่า ธรรมดานะหมอ จบใหม่ๆ คนจนน่ะหมอ.....คิดมากก็ช่วยไม่ได้.....หรอก
แดดส่องมา...ตาพร่ามัว ผมเดินกลับหอพัก....เพียงไม่กี่ก้าว.....
ผมก็ก้มลง อาเจียนกาแฟและขนมปังอีกส่วนออกมาจนหมดสิ้น.......
ผมเป็นเด็กยากจนมาแต่เกิด ขายเรียงเบอร์ อ้อยขวั้น ขนมหวาน รับจ้างแบกหามข้าวสารไปส่งตามบ้าน.....จน..จน
เกือบจะไม่ได้เรียนแพทย์.........
ป ระโยคว่า....คนจนก็อย่างนี้....เป็นความเจ็บปวดมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตข องผม.... .นานแสนนานผ่านมา....ผมก็ไม่เคยลืมเลือน......
จำได้ดีทุกๆวันเวลาว่า หนึ่งปีของการเป็นแพทย์ฝึกหัดนั้น..
มีอะไร เกิดกับชีวิตผมและคนจนๆบ้าง......
วันนี้....ฝนตก ลมแรง พลอยให้คิดถึงเช้าวันนั้น....
วันที่.....โลกนี้ไม่น่าพิศมัยเท่าไหร่เลย แม้นว่าจะได้มาเป็นหมอ.........
บันทึกไว้ในแผ่นดิน........
อภิเชษฎ์ นาคเลขา......
หมอเมืองพร้าว.
******************************************************
ผมได้ข่าวเมื่อเช้าวันนี้ .... เป็นข่าวจากอินเตอร์เนท แม้จะยังไม่ได้รับการยืนยันแต่คิดว่าคงไม่มีใครนำเรื่องนี้มาล้อเล่น
ท่านเป็นแพทย์รุ่นพี่ที่ทำงานรับใช้สังคม
เป็นผู้มีสปิริต และมีชื่อในด้านสังคมท่านหนึ่งในฐานะแพทย์ที่ได้นำเรื่องราวของอำเภอเล็กๆในจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาเผยแพร่จนถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลในสมัยนั้น.....
จากกำหนดการที่เห็นมา มีดังนี้ครับ
---------------------------
นพ.อภิเชษฏ์ นาคเลขาถึงแก่กรรมเช้าวันอาทิตย์ที่26 พย.2549 ด้วยโรงมะเร็งหลอดอาหารส่วนต้น อายุ 57ปี
สวดพระอภิธรรมตั้งแต่คืนวันที่26 พย.ถึง29พย. (เวลาทุ่มตรง ยกเว้นวันพุธเริ่มหกโมงครึ่ง)
กำหนดฌาปนกิจวันพฤหัสบดีที่ 30 พย. เวลาบ่ายสี่โ,งตรง
วัดยาง ศาลาศรีสวัสดิ์
-----------------------
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยครับ