วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2549
หลังจากที่กลับจากประชุมที่ กทม. ทันทีที่ก้าวลงจากรถก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ดูชื่อที่ปลายสายปรากฏว่าเป็นแม่ก็เลยกดรับสายทันที
แม่ : ตั้มเรอะ นี่แม่นะ ตั้มย่าเค้าจะเสียแล้ว ตั้มรีบกลับบ้านด่วนเลย
ตู : ??????? อะไรนะแม่
แม่ : ย่าจะเสียแล้ว รีบกลับบ้านด่วนเลย
ตู : เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แม่ ค่อยๆ เล่าหน่อย
แม่ : เมื่อเช้า ย่านอนหลับแล้วไม่ตื่น ไม่หายใจ หัวใจไม่เต้น พวกทางบ้านก็เลยรีบพาย่าส่งโรงพยาบาล หมอก็ช่วยกันปั้มหัวใจย่า แล้วหัวใจก็กลับมาเต้นอีกแต่อาหารแย่มาก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะสมองขาดออกซิเจนไปนาน (ไม่รู้นานเท่าไหร่) ตกช่วงบ่ายอาการก็ไม่ดีขึ้นเลยหมอ EXRAY แล้วพบว่าปอดไม่ค่อยดี แล้วก็หายใจเองไม่ได้ หัวใจหยุดเต้นเป็นช่วงๆ หมอบอกว่าย่าอาศัยเครื่องช่วยหายใจในการมีชีวิตอยู่เท่านั้น และก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้แล้ว หมอให้ญาติตัดสินใจว่าจะเอาเครื่องช่วยหายใจออกหรือไม่ เพื่อให้ท่านไม่ทรมาน ให้ท่านไปสบาย
ตู : ทำไมอาการย่าหนักขนาดนั้นเลยล่ะแม่ หมอเค้าแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ
แม่ : ก็เค้าลองถอดเครื่องช่วยหายใจดูแล้ว ย่าแกก็ไม่หายใจ หัวใจก็เต้นบ้างไม่เต้นบ้าง และก็ไม่มีอาการตอบสนองอะๆรเลย
ตู : แล้วตอนนี้ย่าเป็นไงบ้าง
แม่ : อากงและพวกลูกๆ และก็เลยตัดสินใจเอาย่ากลับบ้านเพื่อให้ย่าสิ้นใจที่บ้าน ก็ทางบ้านจ้างพยาบาลมาคนหนึ่ง มาช่วยถือเครื่องช่วยหายใจเพื่อมาถอดที่บ้าน เนี่ยก็รอจังหวะถอดเครื่อง แม่ก็เลยโทรมาบอกให้เรากลับบ้านก่อน ~ เนี่ยเค้ากอดแล้ว ตั้มนึกถึงย่าเอาไว้นะ
ตู : !!!!!!!! (จังหวะที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต) แม่ ย่าไปแล้วเหรอ
แม่ : ย่าสงบไปแล้วตั้ม เนี่ยพยาบาลกลับไปแล้ว เดี๋ยวรีบกลับบ้านเลยนะ
ตู : !!!!!!!! (จังหวะที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตยังคงอยู่) แม่ ย่าไปแล้วเหรอ
แม่ : (เงียบ)
ตู : ว่าไงแม่
แม่ : (เงียบ) แม่ว่าย่ายังหายใจอยู่นะ แต่เห็นอาเจ็กบอกว่า หมอบอกว่าหลังจากถอดเครื่องช่วยหายใจออก ย่าจะค่อยๆหมดลมอย่างช้าๆ คงไม่เกินคืนนี้
ตู : อ้าวววว งั้นเดี๋ยวตั้มรีบกลับบ้านก่อนเลยดีกว่า จะได้กลับไปดูใจย่าด้วย
ทันที่ที่วางโทรศัพท์จากแม่ ก็ต่อสายไปยังเพื่อนสนิทที่เป็นหมอทันที แล้วเล่าเรื่องพร้อมอาการให้ฟังอย่างละเอียดทั้งหมด
ตู : เฮ้ย !!!!!!! มีกี่เปอร์เซ็นต์วะที่หมอจะวินิจฉัยโรคผิด ทำไมหมอให้เอาย่ากลับบ้าน แล้วทำไมย่ากูยังหายใจอยู่วะ
เพื่อนหมอ : ใจเย็นๆ เว้ยเพื่อน
ตู : ใจเย็นอะไรล่ะ ย่ากูจะตายอยู่แล้วเนี่ย
เพื่อนหมอ : ถ้าหมอเค้าพูดอย่างนั้นแสดงว่าหมดหวังแล้วล่ะว่ะ น่าจะแย่จริงๆ เพราะตามประสบการณ์กูเนี่ย หมอโรงพยาบาลรัฐส่วนมากไม่ค่อยจะมีหมอที่นิสัยไม่ดี (ส่วนมากจะทุ่มเทรักษาคนไข้อย่างเอาใจใส่) แล้วที่แกไม่เสียไปทันทีเนี่ยเพราะว่าการตายมันมีหลายระยะ ระยะนี้เค้าเรียกว่าระยะผัก คือระยะที่คนจะไม่ตอบสนองอะไรใดๆ เพียงแต่อาจจะทานอาหารเหลวได้ หายใจและขับถ่ายเองได้บ้าง ร่างกายจะค่อยๆหยุดทำงาน หายใจจะช้าลงเรื่อยๆ หัวใจเต้นช้าลง และก็จะเสียชีวิตที่สุด แต่ในกรณีย่าเนี่ย ระบบการควบคุมการหายใจเค้าอาจจะดีในขณะที่ระบบอื่นๆอาจจะค่อยๆเสื่อมลงแล้ว
ตู : แล้วระยะนี้กินเวลานานเท่าไหร่วะ
เพื่อนหมอ : นานสุดเท่าที่เคยเจอก็ราวๆ 1 วัน แต่คนไข้ที่ผ่านเครื่องช่วยหายใจมาแล้วก็ทำใจเอาไว้ได้เลย โอกาสรอดมีประมาณ 1 ใน 100 เท่านั้น เพราะเครื่องนี้มันจะใช้ท้ายๆสุดของการรักษา หรือเรียกง่ายๆว่าช่วยยืดความตายให้นานขึ้น แต่ไม่ได้มีผลต่อการรักษามากนัก เฮ้ยตูอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวถึงบ้านแล้วช่วยเช็คความถี่ในการหายใจต่อนาที การับถ่าย รูม่านตา
ตู : เออๆ เดี๋ยวตูดูให้
เดี๋ยวมีต่อ