เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในสถานพยาบาลอื่น ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นความเห็นที่ให้ไว้ในที่นี้จึงขึ้นกับข้อมู,ที่ได้รับเท่านั้น ไม่ควรนำไปอ้างอิงในที่ใดๆ
OK ครับ
เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมด ผมว่าคุณตั้มต้องสงสัยแน่ว่าเป็นอะไรกันแน่ รักษายังไง รักษาถูกต้องแล้วไหม ทำไมจึงมีคนพูดอะไรที่แปลกๆฟังไม่เข้าหู สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งคือคุณตั้มมีเพื่อนเป็นหมอน่าจะได้คุยกันมาแล้วบางส่วน
ผมประเมินจากเรื่องเล่าได้คร่าวๆดังนี้คือ
ญาติพบว่าคุณย่าหยุดหายใจ หัวใจไม่เต้น --- พาส่งรพ.หมอก็ปั๊มหัวใจ --- หัวใจเต้นอีกครั้ง แต่คุณย่าไม่ฟื้น --- หลังจากนั้นให้นอนในรพ. หัวใจหยุดเต้นเป็นช่วงๆ ยังไม่ฟื้น --- ถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจ ก็ไม่ยอมหายใจเอง --- พากันกลับบ้าน ถอดเครื่องช่วยหายใจที่บ้าน --- ปรากฎว่าหลังถอดเครื่องช่วยหายใจ ยังหายใจเองได้ --- ผ่านไป1วันกว่าๆ2วัน ยังหายใจได้ --- เช้าวันที่3 คุณย่ารู้ตัว
อาการรู้ตัวที่เห็น คือ ขยับตัวไม่ได้ ขยับแขนขาได้(ไม่รู้ว่าได้แค่ไหน) กลอกตาตามเสียงได้ พูดไม่เป็นคำ ได้ประวัติตรงนี้อีกอันคือ "ก่อนหน้านี้ย่าท่านเคยล้มมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงทำให้พูดไม่รู้เรื่องและมีอาการหลงบ้าง"
ถูกต้องตามนี้ครับหมอ ย่าขยับแขนไปทางข้างลำตัวได้ ยกขึ้นลงได้ และบีบมือได้แรง
ถาม คุณย่าเป็นอะไร หัวใจถึงหยุดเต้นเรียกไม่รู้ตัว
ตอบ ไม่ทราบครับ แต่ความเป็นไปได้ก็คือ น่าจะเป็นจากหัวใจหรือไม่ก็สมองเกิดขาดเลือดเฉียบพลัน เพราะเป็นสองตัวที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ในลักษณะที่เหมือนนอนหลับ อีกสาเหตุหนึ่งที่เจอได้บ้างในคนสูงอายุคือเสลดติดคอแล้วขาดอากาศ (ตามมาด้วยหัวใจและสมองขาดเลือดเช่นกัน)
เท่าที่ถามหมอ หมอบอกว่าเช้านั้นน้ำตาลในเลือดขึ้นไปที่ 360 ครับ หมอชี้ประเด็นนี้
ถาม ภาวะที่ย่าเป็นตอนที่ปั้มหัวใจแล้วหัวใจเต้น แล้วไม่รู้ตัว คืออะไร
ตอบ ถ้าตอนนั้นหัวใจหยุดจริงและหยุดเป็นเวลานาน การปั้มหัวใจส่วนใหญ่จะทำให้หัวใจกลับมาเต้นใหม่ได้ในบางราย.... แต่ที่สำคัญคือสมอง หากสมองขาดเลือดเป็นระยะเวลาสั้นๆ จะเกิดการทำลายขึ้น การทำลายเริ่มตั้งแต่นาทีแรกๆไปเรื่อยๆ พอถึง4นาที การทำลายจะมากจนไม่ค่อยมีหวังในการฟื้นตัว
ในผู้ป่วยทุกรายที่หัวใจหยุดเต้นและได้รับการนวดหัวใจหรือใช้ยาจนหัวใจเต้นอีกครั้ง จะมีการขาดเลือดของสมองไม่มากก็น้อย"เสมอ" ผู้ป่วยจะสลบไม่ค่อยฟื้นเรียกไม่ค่อยตอบสนอง ปกติแพทย์จะให้ดูอาการต่อไปก่อน ระหว่างนี้จะมีการตรวจร่างกายทางระบบประสาทเป็นพักๆเพื่อประเมินว่าไหวหรือไม่... พอมีหวังฟื้นไหม การตรวจดังกล่าวมีตั้งแต่การตรวจม่านตา การหายใจ ระบบประสาทตา การตอบสนองกล้ามเนื้อ ลักษณะการเต้นของหัวใจ
กรณีนี้มีสิ่งหนึ่งที่เจอคือ หัวใจหยุดเต้นเป็นพักๆ และไม่หายใจเอง เป็นตัวบอกว่าไม่ค่อยดี เพราะถ้าขาดสองอย่างนี้ หมายถึงสมองส่วนดังกล่าวเกิดการขาดเลือดจนเสียการทำงานไป.... ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่รอด
กระจ่างครับ
ถาม ถ้าหมอบอกว่าหมดหวังแล้ว ทำไมถึงกลับไปที่บ้านแล้วฟื้นได้
ตอบ ประเด็นนี้มีจุดนึงก็คือ เมื่อถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วปรากฎว่ายังหายใจต่อได้นาน และหัวใจที่หยุดเต้นเป็นพักๆ กลับเต้นดีต่อเนื่อง ทำให้เกิดช่วงระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น ดังนั้นสมองที่ขาดเลือด หรือเส้นเลือดที่เกิดการอุดตันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง .... ก็สามารถเกิดการกลับมาทำงานใหม่อีกครั้งได้ ....
แต่การฟื้นจากลักษณะแบบนี้มั่นใจได้ค่อนข้างมากว่าจะเกิดผลตามมาคือการอัมพาตบางส่วน เนื่องจากสมองได้โดนทำลายไปบางส่วนตั้งแต่วันแรกแล้ว
ถาม ทำไมพยาบาลจึงถามว่า "ถ้าหยุดหายใจอีกหัวใจหยุดเต้นอีก จะให้ใส่เครื่องอีกไหม"
ตอบ เพราะครอบครัวของคุณได้ผ่านการถอดเครื่องไปแล้วครั้งนึงและกลับไปบ้านแล้ว.... กรณีนี้ส่วนมากมักเป็นกับคนไข้ที่ไม่มีหวัง ดังนั้นพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ควร... ไม่สิ "ต้อง" ถามให้แน่ว่าจะใส่ท่อช่วยหายใจอีกหรือเปล่า
มีหลายกรณีครับ ที่กลับมารพ.แล้วตัดสินใจใส่อีกครั้ง คราวนี้เกิดเอาออกไม่ได้ ก็ต้องอยู่ในสภาพผัก(Vegetative state) ไปอีกเป็นปีๆ ลักษณะนี้ทางกฎหมายไม่ให้เอาออก ดังนั้นก็จะเกิดปัญหาตามมาอย่างมาก ทั้งครอบครัวผู้ป่วยและรพ. ......
อีกอย่าง การใส่ท่ออาหารในคนที่เคยหัวใจหยุดเต้นใหม่ๆ ต้องระวังเหมือนกันครับ เพราะทำให้หัวใจหยุดเต้นซ้ำได้
ถ้าหมอที่ รพ ฮธิบายได้ละเอียดแบบนี้ผมคงไม่มีคำถามล่ะครับ
แต่เรื่องท่อช่วยหายใจ ผมก็เข้าใจมากจากเพื่อนแล้วล่ะครับ และก็ตรงกันด้วยว่า
กฏหมายไทยไม่รองรับให้ถอดได้ ถ้าใส่แล้วรอด (แต่ถ้านางพยาบาลชี้แจงได้แบบหมอ ผมก็จะไม่โกรธเค้าเลยนะ) แต่มีบางประเทศยอมรับ
ตรงนี้ทางลูกๆ ตอบหมอไปแล้วครับว่าถ้าถึงภาวะนั้น "ไม่ต้องใส่ครับ"