โพสยาวๆอีกสักที อันนี้นั่งนึกอยู่ระหว่างนั่งทำกราฟิกคอนเสิร์ต
(ไอ้ที่มันเปิดวูบๆในคอนเสิร์ตน่ะ)เพลงบุ้ดด้าเบลสส
ไม่น่าเชื่อว่าจะบันดาลให้คิดอะไรสาระๆได้เลยเนาะ พอมองๆประเทศที่เจอปัญหาแบบเดียวกันแล้ว
ไอ้ที่ว่าแก้ปัญหาได้น่ะ เราว่าไม่ใช่เร็วๆนี้แน่
- ศรีลังกา กบฏทมิฬอีแหลม
- เสปน แยกแคว้นบาสค์
- อังกฤษ ไอร์แลนด์เหนือ
- อินเดีย แยกแคชเมียร์
- รัสเซีย เชเชน
หลักๆนึกออกแค่นี้ ศรีลังกานี่ ได้ยินตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ยังดุเดือดเลือดพล่านไม่เปลี่ยน
ของรัสเซียปัญหาเพิ่งมีไม่นาน สาเหตุระยะไกล้(การล่มของโซเวียต)
ที่ปัญหาเพลาลงก็มีแต่อังกฤษกับเสปน สาเหตุหนึ่งก็เพราะความเจริญของประเทศ
คงไม่มีใครอยากแยกตัวเองจากความเจริญ ชีวิตที่มีสุขดีอยู่แล้วในระดับสองประเทศนั้น
แต่สาเหตุหลักก็คือการจัดการกับปัญหาของรัฐบาล
ที่รับมือกับความโกรธเกลียดซึ่งเป็นสาเหตุทางประวัติศาตร์
และไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ๆ ให้โกรธเกลียดกันอีก
ความจริง เค้าก็ใช้เวลาในการแก้ปัญหานานพอๆกับเรา แต่บังเอิญเค้าเริ่มก่อน มันจึงเบาบางลงก่อน
พูดให้ชัดคือ จากวันที่เริ่มต้นแก้ ปัญหามันทุเลาลงในระยะเวลา 1 ชั่วรุ่น
หมายถึงความรู้สึกโกรธที่ถูกปลูกฝังในคนรุ่นหนึ่ง
เช่น พ่อเรา แม่เราหรือตัวเราถูกกดขี่ เราจึงต้องลุกมาต่อต้าน
พอคนรุ่นนั้นหมดบทบาททางสังคม(แก่หรือตายนั่นแหละ)
หากรัฐ หรือใครก็ตามไม่ไปสร้างเงื่อนไขให้โกรธแค้นกันอีก
ให้การศึกษาในแนวทางที่เหมาะสมกับท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิต
คนรุ่นต่อมา ก็จะเลิกล้มไปเอง เพระความรู้สึกที่จะต่อต้านมันไม่มี
ความโกรธแค้นของคนรุ่นก่อนหน้า ก็ดูเลือนห่างไปแล้ว
แบบเดียวกับที่ทุกวันนี้ เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรกับพม่าเลย แต่ลองไปถามคนรุ่นกรุงแตก
และรุ่นต่อมาอีกสัก 2 รุ่นดูสิ อย่ามาเผาผีกันเลยเชียว
เช่นเดียวกัน ไปถามชาวบ้านที่ ญาติ พ่อแม่พี่น้องตายในตากใบดู
ตายเกือบร้อย (หรือร้อยกว่าหว่า) คูณจำนวนญาติของแต่ละคนเข้าใป
ผลที่ได้คือ จำนวนมวลชนที่อยู่ข้างต่อต้านรัฐ นับคนรู้จัก
ที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวก็พลอยโกรธแค้นไปด้วยสิ สักกี่พันกี่หมื่นกัน
ไม่ต้องบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ พ่อเรา ลูกเราตายเป็นใครก็ต้องโกรธรัฐ
ถ้าใครจำได้เมื่อก่อน ก็มีเหตุการณ์ที่ดุซงญอ(เข้าใจว่าเป็นชื่อสะพาน)
คงสัก 20-30 ปีมาแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังถูกนำมาใช้สอนสั่งกันในหมู่ผู้ก่อการ และมันได้ผล
แบบนี้คือ"เงื่อนไข"ที่ไปสาดซ้ำความโกระแค้นทางประวัติศาสตร์ที่มีมาแต่เดิม
กว่าความรู้สึกนั้นจะหาย คงใช้เวลา ความรู้สึกคงจะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดสำหรับปัญหานี้
เช่นเดียวกัน สำหรับคนที่อยู่ห่างไกลจากเหตุการณ์แบบเราๆ ความเข้าใจ ก็น่าจะสำคัญที่สุด
จนกว่าเราและเขาจะตาสว่าง หาทางออกที่ดีร่วมกัน ซึ่งคงไม่ใช่วันสองวันนี้
นี่จะยังเป็นสิ่งที่เราต้องเจอไปอีกนานเลย คิดว่าทำใจไว้ก่อนเป็นดี