มีน้องไอซีทีที่รู้จัก มาถามเรื่องฝึกงานอยู่เหมือนกัน(ชื่อไอ้โอม รู้จักไหม)
บอกตามตรงว่าเรายังเดาทางของไอซีทีไม่ออก เพราะเห็นเรียนเน้นไปทางวิทย์
ถ้าของเรา ส่วนมากก็ฝึกตาม บ.รุ่นพี่ หรือถามรุ่นพี่ที่ทำอยู่อะไรยังงั้นล่ะ คุยกันง่าย ดูแลดี
ได้ความรู้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีอยู่ทุกที่ที่ต้องการ
ตอนเราฝึกก็ทำที่บีบอยด์ เขียนเรื่องโจ ซีเคร็ต เอเย่น อนิเมชั่น
ฝึก 2Dเต็มๆ ตื่นเช้าไปนั่งวาดๆๆๆๆ ลงสีๆๆๆๆ เย็นกลับ วนเวียนอยู่แค่นี้
(โม้นิดนึง มีคนมาฝึกหลายคน หลายที่ แต่เราได้เขียนงานจริงคนเดียว
)
คิดว่า 2 ดีนี่ เป็นเรื่องของฝีมือทางศิลปะแทบจะล้วนๆ เรื่องเชิงเทคนิคโปรแกรมนี่ เป็นรองมากๆ
ส่วนที่ถามเรื่องสถานที่ฝึกงานสำหรับคนที่เรียนมาด้านนี้ บริษัทที่สามารถเข้าไปฝึกมี 3 อย่าง
1. บ.โพสต์โปรดักชั่น คือ คอมโพสิตงาน ทำเอฟเฟกต์ ซีจี สำหรับ ภาพยนต์ มิวสิค โฆษณา
ข้อดี งานหลากหลาย 2D 3D โมชั่นกราฟิกมีหมด และรู้กระบวนการโพสต์โปรดักชั่นด้วย
2.บ.อนิเมชั่น ก็ตามนั้น ส่วนใหญ่ก็ 3D แต่ทุกที่ก็จะมีส่วน 2D ผสมอยู่แล้ว แต่ก็อย่างว่าของมันต้นทุนสูง
จึงไม่ค่อยมีที่ไหนทำ 2D เต็มๆ
3.บ.อื่นๆ เช่น บ.ผลิตรายการทีวี ค่ายเพลง ทุกที่จะมีส่วนซีจี โมชั่นกราฟิกอยู่ งานหลากหลาย
ได้เรียนรู้ระบบงาน ได้เจอนักร้อง(นับเป็นข้อดีไหม
)
ขอฝึกงานด้านนี้ พอร์ต สำคัญที่สุด จะเข้ามาเป็นภาระหรือช่วยอะไรเค้าได้มากแค่ไหน
ประเมินกันจากพอร์ตนี่แหละ ถ้า บ.ใหญ่ๆ คนสมัครเยอะเค้าย่อมจะเลือกคนที่เก่งที่สุด เข้ามาช่วยงาน
เค้าได้มากที่สุดอยู่แล้ว นี่คือ ในกรณีที่ไม่รู้จักใครนะ ถ้ารู้จักกันก็ง่ายหน่อย
ไอ้เรื่องรู้จักใครนี่ จะว่าเป็นเรื่องเส้นก็ไม่เชิงนะ มันเหมือนกับถ้ามีนักศึกษา 10 คน ให้เลือกมาช่วยงาน
เป็นใครก็ต้องเลือกคนที่เรารู้จัก มั่นใจว่าคุยกันรู้เรื่อง ทำงานด้วยได้สบายใจ
แล้วในในบางกรณี มันเป็นเรื่องของข้อมูลทางธุรกิจ เช่น กำลังทำโปรเจ็คบางอันอยู่
ซึ่งควรปกปิด แล้วเด็กดันเอาไปเผยแพร่ เค้าก็เสีย ร้ายกว่านั้นก็ทำให้ข้อมูลไปถึงบ.ตรงข้าม
(เคยได้ยินหลายหน บางที่ถึงกับเลิกรับ นักศึกษาฝึกงานไปเลย)
เพราะงั้น ถ้ามีใครรู้จักก็ได้เปรียบ แตจริงๆ่ถ้าไม่รู้ ก็ไม่มีปัญหาหรอก
ส่วนใหญ่เค้าก็รับจากทุกแบบนั่นแหละ
เรื่องควรฝึกให้ตรงสายหรือเปล่านี่ แล้วแต่เลย เราว่ามีไม่มีผลมากนักหรอก
บางคนก็มีงานทำหลังจากจบจากการฝึกงาน บางคนก็ฝึกเพราะแค่อยากลองอะไรแปลกๆ
อยากได้อะไรจากการฝึก ก็ตามใจชอบเลย แต่ถ้าให้แนะนำแบบอาจารย์ ก็ควรฝึกให้ตรงกับอาชีพที่เรา
ตั้งใจจะจบมาทำ เพราะบางคนคิดว่าตัวเองชอบสิ่งนี้ แต่พอไปทำจริงๆแล้ว ไม่ไหวเลย น่าเบื่อ
(อย่างเรา ทนการนั่งวาดอยู่กับโต๊ะตั้งแต่เช้าจรดเย็นไม่ไหว หลังๆเหมือนจะจะพูดกับคนไม่รู้เรื่อง)
หรือเรายังไม่รู้จักดีพอ ว่าอาชีพนี้มันทำไรกันมั่ง ไปเจออาจจะยิ่งชอบมากขึ้น
แต่ถ้าให้แนะนำแบบเรา ตัดเรื่องโอกาสในการทำงาน เรียนรู้ การได้เครดิต
เหตุผลทั้งหลายแหล่ทิ้งไปเลย ชอบอะไรก็ไปทำอันนั้น แค่นั้นแหละ
พูดเรื่องฝึกงานตรงกับช่วงนี้พอดี ช่วงนี้มีคนโยนกระดาษมาปึ๊งใหญ่
แล้วบอกว่า "เลือกเอามาซิ 2 คน" คัดเลือกคนมาฝึกงานนั่นแหละ จำนวนเรียกได้ว่ามหาศาล
คนที่มีมาแต่กระดาษ ก็ยากที่เราจะเดาได้ว่าทำอะไรเป็นแค่ไหน แล้วอ่านไปๆ
ก็พบว่ามันเป็นความบันเทิงอย่างไม่น่าเชื่อเลย แล้วพวก นู๋ตั้งใจอยากฝึกที่นี่มากคะ ก็เยอะ
(แถมด้วย นู๋จะลบคำคอระหาของอาจารย์ให้ได้ค่ะ นอกจากจะสะกดผิดแล้ว ยังใช้ผิดความหมายอีก)
โอ้ บันเทิงจริงๆ