ขุด!!!
จริงๆเห็นใจคนที่อยู่บ้านใกล้สนามบิน ที่ต้องมาเจอเสียงแย่ๆทุกวัน
แต่ความคิดที่ว่าปล่อยลูกโป่งใส่เครื่องบิน และการขู่ว่าจะปล่อยลูกโป่ง(โดยบอกว่าหากเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ด้วยนะ) เป็นความคิดที่แย่กว่า
ก็เลยเอาไปเขียนในพันทิป
....
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5807413/X5807413.html-=กัปตันประจันบาญ=-
ณ ที่ว่างใน หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่คนนับร้อยมาชุมนุมกันเพื่อทำอะไรบางอย่าง
"เครื่องบินมาแล้วๆ เอาเลยพวกเรา ปล่อยลูกโป่งเลย เร้ว เร็ว"
ว่าแล้วลูกโป่งก็ลอยขึ้นไป
นักบินที่2 : กัปตัน ลูกโป่งเต็มเลยครับ มันลอยตรงมาที่เราแล้ว
กัปตัน : ช่วยดูหน่อยว่ามาจากทางไหน เรดาห์มันบอกทิศลูกโป่งไม่ได้
ทั้งสองช่วยกันมองไปรอบๆ เจ้าหน้าที่ประจำเรือบินที่กระจายตามจุดต่างๆและผู้โดยสารที่เห็ฯก็ช่วยกันดู
นักบินที่สอง : กัปตันครับ รายงานจากทางห้องผู้โดยสารชั้นธุรกิจ และจากทางหางเรือ บอกว่าทางขวามีลูกโป่งน้อยกว่าด้านซ้ายครับ
กัปตัน : ไปทางขวา30องศา ความเร็ว80%!!!
เครื่องบินตีวงคว้างไปอย่างเต็มที่แต่ก็ดูไร้ซึ่งความหวัง เนื่องจากบริเวณที่ลูกโป่งมรณะลอยมานั้นกว้างกินพื้นที่ใหญ่มาก
นักบิน2 : เราไม่พ้นแน่นอนครับ เราต้องไปให้เร็วกว่านี้ ถึงจะพ้นลูกโป่งกลุ่มใหญ่นั้นได้ ไม่งั้นเราตกแน่
กัปตันมองเหม่อไปอย่างชั่งใจ ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ หัวสมองของเขาแล่นอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเป็นเวลา 15:30:45
********
30นาทีก่อน กัปตันเดินไปที่งวงช้างพร้อมกับผู้ช่วยนักบิน
"คุณพ่อคะ เครื่องบินจะออกเลยหรือเปล่าคะ" เด็กน้อยบนอ้อมกอดของชายหนุ่มร้องขึ้น
"ไม่หรอกจ๊ะ เราต้องรอให้คนขึ้นครบก่อน"ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวอย่างอ่อนโยน
"หนูอยากไปหาแม่เร็วๆนี่คะ" หนูน้อยพูด แล้วหันมาเห็นกัปตันเข้าพอดี "คุณลุงคะ เราบินออกไปเลยได้ไหมคะ"
"ไม่ได้หรอกค่ะ ลุงต้องรอผู้โดยสารคนอื่นขึ้นก่อน" กัปตันตอบเด็กน้อยอย่างเอ็นดู "แต่ลุงสัญญาว่าจะพาหนูไปหาแม่ให้ทันเวลานะจ๊ะ"
"ภรรยาผมอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ผมครับ ท่านสองคนไม่สบาย" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น "ผมให้แฟนไปก่อนแล้วนั่งเครื่องตามไป ... เราไม่กล้าไปพร้อมกัน แล้วก็ไม่กล้าไปรถทัวร์ด้วย เพราะถ้าผมกับแฟนเป็ฯอะไรไป จะไม่มีใครคอยดูพ่อกับแม่ของพวกเราแล้ว"
"เห็นเขาว่ากันว่าเครื่องบิน ปลอดภัยยิ่งกว่าการเดินทางทางบกใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มถามกัปตัน
"ใช่ครับ เครื่องบินสมัยนี้ปลอดภัยกว่าการเดินทางแบบอื่นๆ ถ้าคิดสัดส่วนแล้วอุบัติเหตุทางการบินมีเปอเซนท์ที่น้อยกว่าการเดินทางแบบอื่น วางใจได้ครับ"
********
กัปตันไม่มีลูกเมีย
พ่อแม่ก็เสียไปแล้ว
ถ้าเป็นสมัยที่อยู่กองทัพอากาศ เขาจะไม่ลังเลเลยในการนำเครื่องไปในทิศทางที่ก่อความเสียหายน้อยที่สุด
คำสั่งสอนของครูฝึกการบินยังก้องอยู่ในหัวตลอด
ถ้าอยู่ในสนามรบ ให้เอาเครื่องไปตกที่หน่วยข้าศึก
ถ้าอยู่ในเขตพลเรือน ให้เอาเครื่องพุ่งลงน้ำ
ถ้าอยู่ในเขตชนบท ให้ลงป่าเขาหรือลงไร่นา
นั่นคือตอนที่ขับเครื่องบินรบ
แต่วันนี้เขารับผิดชอบชีวิตคนอีกสามร้อยกว่าชีวิต
********
กัปตันลืมตาขึ้น นาฬิกาข้อมือบอกเลข 15:30:48
"ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด่วน และเปิดตู้สินค้า!!! เราจะทำให้เครื่องเบาลงเดี๋ยวนี้"
นักบินที่2 มองอย่างตะลึง "เราทำอย่างนั้นไม่ได้นะครับ ข้างล่างมีบ้านเรือนคนอยู่เต็มไปหมด"
"ผมรับผิดชอบชีวิตคนบนนี้... ผมจะไม่สนอะไรทั้งนั้น" กัปตันมองไปทางผู้ช่วย "ผมขอรับผิดชอบทั้งหมดเอง"
ผู้ช่วยมองกัปตันนิ่งอยู่อึดใจเดียว "กัปตันอย่ามาพูดอะไรอย่างนี้ " เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มที่ข้างคอกพิทอย่างรวดเร็ว "เรามาด้วยกันก็ต้องรับผดิชอบด้วยกัน"
"เร่งเครื่องเต็มกำลัง!!!!"กัปตันประกาศกร้าว "ย้ากส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์!!!!!!"
น้ำมันถูกปล่อยออกมาจากเครื่องเป็นฝ้ากระจาย .... ของในห้องเก็บสินค้าถูกสายพานอัตโนมัติลำเลียงออกมาและปล่อยลงไปเบื้องล่างชิ้นแล้วชิ้นเล่า ... รถยนต์คันงามคันหนึ่งร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง .... พร้อมกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตกลงไปก่อนหน้านั้น
เบื้องล่างนั้นมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังปล่อยลูกโป่งอย่างไม่ขาดสาย รถหกล้อบรรทุกถังก๊าซไฮโดรเจนสามคันจอดอยู่กลางกลุ่มคนที่ยืนชูป้ายเบื้องล่างซึ่งโห่ร้องอย่างยินดีที่เห็นเครื่องบินกำลังบินเข้าไปในหมู่ลูกโป่งกลุ่มหนึ่ง
แต่บางคนเริ่มสงสัยแล้วว่า ทำไมมีน้ำมันกับกระเป๋าตกลงมารอบๆ .... แต่บางคนสงสัยยิ่งกว่าว่าวัตถุดำๆที่ลอยมุ่งมากลางกลุ่มพวกเขาคืออะไร
ชายบนรถเป่าลูกโป่ง...คนที่แหงนหน้าเตรียมปล่อยลูกโป่งคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าของที่ตกลงมาเป็นอะไร เพราะภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือ
'ยี่ห้อรถBMWสีดำ ที่ห่างออกไปจากหน้าเขาประมาณ1เมตร'
เสียงเหล็กบดขยี้เนื้อบนรถหกล้อว่าดังแล้ว แต่ไม่เทียบเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่กึกก้องกัมปนาทตามมาอันเกิดจากไฮโดรเจนในถังเก็บ ไฟลูกลามทั่วบริเวณสามร้อยเมตรนั้นทันที เสียงโห่ร้องสะใจที่จะเห็นเครื่องบินตก ถูกกลบไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของคนที่กำลังถูกไฟลุกท่วมร่างนับร้อยที่อยู่ในบริเวณนั้น
แต่เสียงจะดังเพียงใด ก็คงไปไม่ถึงเครื่องบินข้างบน.... แต่ถึงจะดังไปถึงคงไม่มีใครสนใจเพราะลูกโป่งสีแดงที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณกำลังระเบิดเป็นไฟตามรอบๆเครื่อง
"เครื่องยนต์ที่สองระเบิดแล้วครับ" นักบินที่สองร้องขึ้น
"ปิดวาล์วจ่ายน้ำมันที่สอง" กัปตันสั่ง "เพิ่มแรงดันน้ำมันให้เครื่องยนต์ที่หนึ่ง!!!"
เสียงดังครืนอีกครั้งที่ปีกทางด้านขวาพร้อมกับเครื่องที่สั่นไปทั้งลำ เป็นสัญญาณว่าเครื่องยนต์ทางปีกขวาระเบิด ..... ภาพที่เห็นคือเครื่องยนต์ไอพ่นทางด้านขวาทั้งสองควันลุกพวยพุ่งเป็นสีดำ .....
ตอนนี้เครื่องตีวงมาที่รันเวย์แล้ว ความหวังแทบไม่เหลือ เนื่องจากเป็นรันเวย์ส่วนที่กำลังปิดซ่อม พื้นรันเวย์ที่เห็นอยู่เป็นที่รู้กันว่าอาจจะรับน้ำหนักเครื่องไม่ได้
"คุณออกไปจากห้องนักบินเดี๋ยวนี้"กัปตันประกาศกร้าว "คุณไม่จำเป็นต้องมาตายกับผม!!!"
ไม่ต้องให้สั่งซ้ำอีกครั้ง ผู้ช่วยนักบินก็ลุกขึ้น วันทยาหัตถ์ แล้ววิ่งออกไปจากห้องนักบิน ปิดประตูตามหลัง ..... แต่ยังไม่ทันที่เขาวิ่งไปถึงเก้าอี้ผู้โดยสารเขาก็รับรู้ได้ว่าเครื่องกำลังไต่ระดับลง ร่างของเขากลิ้งหนุนๆไปตามทางเดิน
และแล้ว ... เสียงดังสั่นหวั่นไหวดังกึกก้องไปทั่ว ก่อนที่ผู้ช่วยนักบินจะหมดความรู้สึกไป
************
"ไง ไอ้ลูกชาย" เสียงนุ่มๆดังข้างๆหู ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น.... เขาอยู่ที่ไหนกันนี่
"เราสองคนอยู่โรงพยาบาล ไม่ต้องสงสัยไปหรอก" เสียงที่ว่าทำให้เขาหันไปดู กัปตันนั่นเอง
"เรายังไม่ตาย?" ชายหนุ่มถาม แทนคำตอบ กัปตันชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มมองตามไปที่พาดหัวหนังสือพิมพ์ตรงหน้า
ปล. จริงๆเห็นใจนะ ... แต่ความเห็นใจหมดไปตั้งแต่ตอนบอกว่าจะปล่อยลูกโป่งนี่แหละ