วันหนึ่งเมื่อปีพ.ศ.2533
ครอบครัวปาล์มและญาติเดินทางไปเยี่ยมอาม่า(ย่า) ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.ขอนแก่น
ขณะเดินทางกลับ พ่อเป็นคนขับรถตู้ แม่นั่งข้างหน้าคู่กับพ่อ ลูกๆ 4 คนนอนอยู่ข้างหลัง
ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น....
รถตู้ชนกับรถพ่วง10ล้ออย่างจังและโดนรถเมล์แดงที่ขับตามมาอัดก๊อปปี้เข้าไป
เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากเสียงสนั่นหวั่นไหว ลูกน้อยลืมตาตื่นเห็นแม่ที่เลือดอาบเต็มหน้าหันมาดูลูกน้อยด้วยความห่วงใย เศษกระจกที่เต็มหน้าแม่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขานเรียกลูกๆ ทั้ง4 แม่เรียกชื่อลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนไปวนมาเพื่อให้แน่ใจว่าลูกไม่เป็นอะไร
"ลูกเปิดไฟลูก" แม่พูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพียงเพื่อต้องการเช็คสภาพร่างกายลูกน้อย ลูกๆไม่รู้จะทำเช่นไรเพียงเพราะไฟนั้นสว่างอยู่แล้ว เลือดที่กลบตาแม่ทำให้แม่มองไม่เห็น
แม่พยายามขยับมาหาลูกแต่ทำได้เพียงเอี้ยวคอและเงี่ยหูฟัง
พ่อฟุบกับพวงมาลัย ไม่สามารถเอาตัวออกได้ ต้องใช้เครื่องมืองัดรถออกมา
หลังจากทุกคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พ่อกับแม่ถูกแอดมิดเข้าห้องผ่าตัดทันที
แม่เลือดคั่งในสมอง แขนหัก และเศษกระจกบาดลึกกลางหน้าผาก
พ่อแขนหัก ร่างกายบอบช้ำและเต็มไปด้วยเศษกระจก
ลูกคนโตคางแตก + เคล็ดขัดยอก
ลูกคนรองฟกช้ำ + มีแผลประปราย
ลูกคนที่สามเคล็ดขัดยอก + มีแผลถลอกทั้งขา
ลูกคนสุดท้ายแทบไม่เป็นอะไรเลย
แม่เล่าให้ฟังว่าทุกวินาทีที่แม่รู้สึกตัว แม่ภาวนาขอให้ลูกๆ อย่าเป็นอะไร แม่ขอต่อท่านว่าอย่าพึ่งเอาแม่ไป แม่อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้แม่ได้มีโอกาสดูแลลูกน้อยจนเติบใหญ่ แม่ขอให้ตัวเองอย่าเป็นอะไรเพื่อต่อลมหายใจลูกๆ ทั้ง4คน
...................................
สิ่งที่ลูกคนนี้อยากบอก เกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเอ่ยอ้างได้จริงๆ