เริ่มต้นด้วยกรมทาง มันมารื้อสะพานลอย (พร้อมกับเสาไฟบนสะพานลอย)
แล้วมันก็สร้างหลังคา...
ความเข้าใจครั้งแรกคือ ก็ดีวะ ทำหลังคา...
แต่ทำไมมันเอาเหล็กแบบโครงตึกมาทำว่ะ เห็นแต่สะพานลอยอื่นเค้าใช้เสตนเลสกัน
ต่อมา... มันเริ่มทำโครงหลังคายกขึ้นไปนึกว่าจะทำทรงไทยแบบไหนก็ว่าไป
ที่ไหนได้ ...แ_่งเสือกทำทรงปราสาท ครับ
ถ้าพวกนักประวัติศาสตร์(พ่อผม) เห็นนี่คงกระดากใจจะชำเลือง
เพราะว่าทรงปราสาทนี่มันสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้นนะครับ... จะมาทำซี้ซั้วไม่ได้
แล้วก็ยังมีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ตามมาอีก.... โอ้ว... อยากจะบ้าครับ
ที่สำคัญคือจะทำเฉลิมพระเกียรติ์ทั้งที มันทำกันโคตรช้าเลยครับ เหมือนกับไม่มีเงินจ้างคนงาน
เริ่มทำก่อนวันที่ 9 มิ.ย. ประมาณเกือบอาทิตย์ พึ่งจะเสร็๗อาทิตย?ี่แล้วนี่เองครับ
ที่แย่มากๆ
คือว่าถึงจะผิดความหมาย ผิดหลัก ผิดมันทุกอย่าง...
แทนที่จะทำเป็นงานวิจิตรศิลป์บนสะพานลอยแ_่งเลย มันทำเป็นแบบประกอบครับ
ยกมาประกอบ...
แล้วผมก็ต้องขึ้นไอ้สะพานลอยผิดประหลาดนี่ทุกวันครับตอนเย็น
เพื่อจะเข้าไปต่อรถเข้าไปใน มธ. ไปรับน้องสาว (แม่หวงลูกสาว)
เดิมมีไฟสว่างๆ ก็ดีอยู่แล้ว
กลายว่ามีฝ้าเพดานเลี่ยนๆ โปะลายไทยแบบตามใจชอบ
...
แล้วคนก็พากันสรรเสริญกรมทางฯ ว่าทำสะพานลอยได้สวยจับใจเหลือเกิน
แต่ผมว่ามันเป็นสุดยอดความมักง่าย ซึ่งแสดงถึงวิธีคิด และวิธีการทำงานของคนจำนวนหนึ่งแบบชัดเจนมาก
ผมก็ไม่ใช่อนุรักษ์นิยมว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแบบแผนเดิมนะ
แต่ผมเกลียดวิธีคิดแบบนี้มากเลย "เราควรต้องรักษาเอกลักษณ์ความเป็นชาติไทยเอาไว้นะเคอะ"
รักษาเอกลักษณ์ แต่บิดเบือนแบบแผน สักแต่ว่ามีอะไรก็เอามายัดๆ
บอกว่าโน่นไทย นี่ไทย นั่นก็ไทย...
หรือนิสัยแบบนี้คือนิสัยคนไทยของแท้
...
สุดท้าย
บางทีสะพานลอยนี้จะมีขอทานมานั่งอยู่บ่อยๆ ได้นั่งใต้หลังคาปราสาทคงตลกฉิบหายดีครับ