หลังจากผมฝันถึงเรื่องพรรค์นี้มาร่วม 2 ปี
มีโปรเจคทำโน่นทำนี่ (ซึ่งไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่)
เมื่อวันพฤหัสฯ กิ๊บก็มาชวนผมไปเยี่ยมชุมชนแถบคลองตันกัน
ได้ยินดังนั้นผมก็ตอบตกลงเลย (ใช้เวลาคิดประมาณ 2 วินาที)
ด้วยความที่ตื่นเต้นมาก ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่จะไปนี่มันตรงไหน
รีบกลับมาบ้านส่อง google map หาเป้าหมายทันที พร้อมเดินทาง ...
วันศุกร์ผ่านไปหนึ่งวัน ผมนั่งดู shawshank มั้งถ้าจำไม่ผิด
เฮ้ยยืดเยื้อ
งั้นเข้าเรื่องเลยละกัน
คือผมอยากเข้าไปในชุมชนแบบนี้มากๆ เลยครับ อยากเข้าไปดูกับตา
เข้าไปพูดคุยกับคนในนั้น ให้มันซาบซึ้งจริงๆ ว่าเค้าทำอะไร คิดยังไง
แล้ววันนี้ความฝันอันนี้ของผมก็เกิดขึ้นครับ

เริ่มจากนั่งรถตู้ที่เหมากันไว้จากวัดของพระชนนี (เรามักจะเรียกวัดของคริสต์ว่าโบสถ์ แต่จริงๆแล้วก็เรียกว่าวัดนั่นแหละ) ใช่เวลาจากเซียร์รังสิตมุ่งขึ้นทางด่วนลงดินแดงเข้าทางลัดไปประชาสงเคราะห์ราว 20 นาที (เร็วมาก)

บริเวณในวัดร่มรื่นดี แถมวันนี้อากาศเป็นใจให้ผมอย่างยิ่ง ไม่มีแดด ฝนไม่ตก ลมโกรกตลอดเวลา
หลังจากนั้นก็มี brother (คนที่เรียนเพื่อจะบวชเป็นคุณพ่อ บางคนอาจจะเคยได้ยิน sister นั่นก็เหมือนกัน)
มาแนะนำสถานที่ที่เราจะไปกัน "ชุมชนโรงปูน"

อันนี้นอกเรื่องครับ

นอกเรื่องไปกันใหญ่เลย

ถึงแล้วครับ ศูนย์พัฒนาชุมชนโรงปูน (ฝั่งเหนือ)

แรกๆ เกรงใจไม่กล้าเปิด flash ครับ แต่พอ brother อีกคนหยิบ Canon 20D พร้อมแฟลชขึ้นมาผมก็ยิงเละเลย
ภายในเป็นบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ มีเสื่อน้ำมันปูที่ชั้นล่างครับ
แรกๆ มีเด็กมารออยู่ก่อนประมาณ 20 คน

เดิมแล้วที่ศุนย์นี้ก่อตั้งขึ้นมาโดยคนในชุมชนเอง (ผมชอบมากที่ชุมชนนี่เข้มแข็งพอสมควรครับ)
โดยจะจ้างพี่เลี้ยงจากคนในชุมชนนั่นแหละ เดือนละ 1000+
ต่อมาก็เริ่มขอความช่วยเหลือจาก สำนักสวัสดิการสังคม ของ กทม. ให้เข้ามาสนับสนุน
พอปี 30 ก็เริ่มเข้ามาช่วยเหลือเต็มที่ มีเงินสนับสนุนพร้อมจ้างพี่เลี้ยงในอัตรา 4000+ มาให้
ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการอาสาทั้งจากคนในชุมชน และต่างถื่น

ตารางการทำกิจกรรม

ครัวอยู่ติดกับตัวเรือนเลย มีข้าวของอยู่เล็กน้อย (แต่ผมไปถึงช่วงบ่ายๆ แล้วนะ เลยไม่ได้ดูตอนกิน)

ห้องน้ำก็เช่นกัน อยู่ติดกับเรือน เปิดประตูเข้าไปถึงเลย

แล้วเด็กๆ ก็ทยอยกันมาเรื่อยๆ จนคาดว่าน่าจะเกิน 40 คนซึ่งเป็นเด็กที่ศูนย์รับดูแล
เดิมที่ที่ศูนย์นี้มีเด็กที่พ่อแม่ไปทำงาน ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกราว 100 คน
ต่อมาบางครอบครัวสถานะภาพที่ดีขึ้นบ้าง ทางศูนย์เลยเก็บเงินวันละ 12 บาท
บางครอบครัวก็เลยส่งลูกไปโรงเรียนเอกชนแทน (ที่ศูนย์รับเด็กอายุ 3-6 ขวบนะครับ)

พัดสีอิว

นิ่งตลอดการถ่ายทำครับ นิ่งจริงๆคนนี้
แต่โดยเฉลี่ยนแล้วความซนของเด็กๆ ที่นี่เรียกว่าสูงกว่ามาตรฐานราวๆ 15 เท่าตัวครับ
ไม่นิ่งเลยจริงๆ นี่ถ้าไม่มีคนไปเป็นพี่เลี้ยงเยอะๆ คงปวดหัวน่าดู

ผมว่าความสุขอย่างนึงที่ผมทำได้ (วันนี้รู้สึกเหมือนไม่ค่อยไปทำอะไรเลย)
ก็คือถ่ายรูปเด็กๆ แล้วเอารูปให้ดูผ่านจอ LCD ผมเห็นแววตาลิงโลดนะ
แต่พร้อมๆกัน ผมว่าแววตาผมมันคงดูเศร้านิดๆ (เว่อร์ฉิบ)

ระหว่างที่กำลังสันทนาการกันอยู่อย่างเมามัน (ผมไม่ถนัดเล่นแบบนั้นนะ)
ผมก็ปลีกตัวไปสัมภาษณ์ประธานชุมชนคนปัจจุบัน (2534 - เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่ผมเกิดเลย)
ส่วนที่ศูนย์ก็นั่งทำการ์ดวันแม่กันไป

ลุงมานพ บุญมา อายุ 63 ปี
ประธานชุมชนโรงปูนฝั่งเหนือ (เดิมรวมกันแต่เศรษฐกิจไม่ดีทำให้ชุมชนขยายตัว รวมถึงมีปัญหาการเมืองด้วย)
เป็นการสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลมาทำบทความครั้งแรกในชีวิตของผม ในสภาพแวดล้อมที่ตื่นเต้นสุดๆ
ถึงตอนนี้ยังสั่นไม่หยุดเลยครับ (เฮ้ย ไม่ได้เว่อนะ)

นั่งคุยๆ กันผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ (ผมเพลินมากเลย) คนที่ไปด้วยกันก็สะกิด บอกว่าพอได้แล้ว
ลุงเค้าท่าทางไม่ค่อยแข็งแรง นัตถุ์ยาตลอดเวลาเลย
ผมซึ่งไม่ได้สังเกตุเลยก็รีบสวัสดีออกมาในบัดดล

เดินกลับมา (10 เมตรแค่นั้นแหละ) ที่ศูนย์ฯ การ์ดวันแม่ก็กำลังจะเสร็จพอดี
ผมลงไปช่วยดูๆ อยู่ตอนเกือบเสร็จละ

ยัยคนนี้แอบมีลับลมคมใน ให้พี่สาวแสนสวยอ่านคนเดียว พอผมจะขอดูปิดซะงั้นน่ะ
ก็เลยแอบถ่ายจังหวะเผลอมาดังนี้ น่ารักดีนะ ผมชอบมากเลยแบบนี้


ถ่ายรูปก่อนเลิกกิจกรรมตอน 6 โมงครึ่งเข้าไปละ

ไปสวดสรรเสริญกันที่บ้านของคนในชุมชนซึ่งเป็นคริสตัง ผมก็ไปสวดด้วย (แฟนจดให้สวด)
พอดีว่าวันนี้ผมใส่เสื้อ Don't hurry. Enjoy present moment ไปเป็นพุทธมหายานนิกายเซ็นเต็มที่
ก็เลยภาวนาโดยการสวดสรรเสริญพระเจ้าแทนละกัน
อ้อ ส่วนเจ้าสามคนนี้ตามเข้ามาดูในบ้านด้วย
แถมยังถามอยู่ตลอดเวลาว่า "พี่สองคนเป็นแฟนกันเหรอ"


สองทุ่ม ผมก็ไปนั่งที่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยว ดูคนอื่นๆนั่งกิน (เดี๋ยวนี้ผมไม่กินข้าวเย็น)
เนื่องเพราะรถตู้ที่นัดไว้ยังติดแหงกอยู่อนุสาวรีย์
กลับถึงบ้านราวสี่ทุ่ม ด้วยความสุขยิ่ง
อันที่จริงแล้วผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์เท่าไหร่เลย
ไปถึงก็ถ่ายรูปๆ ไปสัมภาษณ์ประธานชุมชน แล้วก็ันั่งดูเด็กๆ เขียนการ์ด
แล้วก็กลับ

แต่ยังไงซะมันก็เป็นความฝันที่เป็นจริงครับ
ไม่นึกเลยจริงๆว่าผมจะได้มีโอกาสแบบนี้จริงๆ แบบไม่ตั้งตัวเลย
