หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ซิลลี่ฟูลส์แตกวง  (อ่าน 53894 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เหมือน อีโบล่า หรือศิลปินใต้ดินหลายๆ วง
พอเข้าค่ายใหญ่ก็ต้องทำเพลงให้ขายได้
ถ้าชุดแรกขายดี ชุดต่อๆไปก็จะออกมาแนวเดียวกันจนกลายเป็นจุดขายของวง
บันทึกการเข้า

กำลังโหลดข้อมูล .....
คนเรามันต้องกินต้องใช้น่ะ อย่าคิดมาก
บันทึกการเข้า

กาก
รอเก้อมาตอบดีกว่า
อยากรู้ว่าพวกศิลปินเนี่ยะ ตอนอัดเสียงเขาได้เงินปะหรือว่าต้องรอเทปออกขายได้คุ้มทุนแล้วค่อยได้เงิน ไอ้มืดหมี
บันทึกการเข้า

ตูเล่นดนตรีไม่เป็นเลย
แต่รู้เลยว่าซิลลี่ฟูลส์คือของจริงว่ะ ง่ะ
ไม่รู้สิ มันรู้สึกได้ด้วยการเปิดแผ่นฟัง
ออกอัลบั้มใหม่ทีนึงรู้สึกว่ามันจะมีการพัฒนาเทคนิคอะไรสักอย่างที่เราพอจะระลึกได้จากการฟัง

ไม่รู้สิ รู้สึกว่าต่างจากแคลช ง่ะ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ตูเล่นดนตรีไม่เป็นเลย
แต่รู้เลยว่าซิลลี่ฟูลส์คือของจริงว่ะ ง่ะ
ไม่รู้สิ มันรู้สึกได้ด้วยการเปิดแผ่นฟัง
ออกอัลบั้มใหม่ทีนึงรู้สึกว่ามันจะมีการพัฒนาเทคนิคอะไรสักอย่างที่เราพอจะระลึกได้จากการฟัง

ไม่รู้สิ รู้สึกว่าต่างจากแคลช ง่ะ

เห็นด้วยครับ ไม่ใช่ว่าวงอื่นไม่เก่งนะ แต่การพัฒนาทางดนตรีไม่เจ๋งเท่า วงอื่นๆที่เห็นคือตามกระแสเขาไปทั่ว
แต่ sillyfools เนี่ยะถามว่าแนวไหนก็จะบอกว่าแนว sillyfools แหละ เป็นวงขายไอเดียและฝีมือมากๆ เจ๋ง
บันทึกการเข้า

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4490431/A4490431.html

บันทึกการเข้า

กาก
ตลาด คือสถานที่ ที่เราไปหาซื้อสินค้า

ถามทำไมเหรอครับ  งง

ขอบคุณครับ  ง่ะ

คือ ยังไงล่ะครับ อย่างที่บอกว่า พี่โตให้สัมภาษน์ไว้นั้น
มันตรงกันข้ามกับความคิดที่ว่า ใครเล่นดนตรีหนักๆ ฟังดูแล้วคนหมู่มากรับไม่ได้
แสดงว่ามีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่สนใจตลาด

เพราะพี่โตบอกว่า ตอนที่เล่นแบบนั้น ยังสับสนและหาตัวเองยังไม่เจอ
(หรืออักนัยน์หนึ่ง คือมันเป็นตัวตนในช่วงเวลานั้นนั่นแหละ
แต่เจ้าตัวมองย้อนกลับไปแล้วยังไม่พอใจตัวตนแบบนั้น)

พอมาทำเพลงที่ ฟังดูแล้วตลาดรับได้ง่ายกว่า พี่โตบอกว่า นี่แหละตัวตนเค้าเลย
ลงตัวและชอบแบบนี้แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าเพลงยุคหลัง มีชั้นเชิงและวิธีคิดที่ซับซ้อนกว่ายุคแรก
แต่สื่ออกมาเข้าใจง่ายกว่า  จึงเป็นไปได้มากที่จะถูกมองว่าพอเข้าค่ายใหญ่ก็หันมาทำเพลงเอาใจตลาด

ซึ่งเราเห็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

เพราะดนตรีในยุคหลังมันซับซ้อนด้วยลูกเล่น เทคนิคใหม่ๆกว่าอย่างชัดเจน
รวมถึงการแต่งเมโลดี้ที่มันพาวเวอร์ฟูลแบบนั้น ฟังยังไงก็คิดว่าแต่งยากกว่ายุคสำรอกสมัยยังชื่อ Silly foolish
แต่เพลงยุคแรกที่ยังคลาสสิค(และหลังจากวงแตกจะยิ่งคลาสสิคไปใหญ่) โคตรเท่มากๆ
ยังเป็นเพลงรอยยิ้ม ฟังแล้วเมาเนื้อมากๆเลยพี่โต  กร๊าก

การวัดค่าของวงดนตรี จากการทำเพลงที่ ดูแล้วกระแสตลาดรับได้ง่ายหรือยากนั้น
คิดว่าอยู่บนพื้นฐานวิธีคิดที่ไม่ได้มองไปที่คุณค่าของตัวเพลงจริงๆ
แต่มองบริบททางสังคมประกอบมากกว่า ว่าตลาด-ไม่ตลาด-ตามกระแส-อินดี้-ไม่อินดี้
ซึ่งคิดว่าใช้ได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ


เรื่องค่าอัดนักดนตรี ถามมาแล้ว
เขาบอก ถ้าคนไหนกวนตีนๆ เค้าก็ไม่คิดตังเลย
อัดให้ฟรี

บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM

เรื่องค่าอัดนักดนตรี ถามมาแล้ว
เขาบอก ถ้าคนไหนกวนตีนๆ เค้าก็ไม่คิดตังเลย
อัดให้ฟรี



เขาประชดหรือเขาชอบใจครับ ฮี่...
บันทึกการเข้า

ท่าทางจะคนละอัดแล้วครับ  ง่ะ
บันทึกการเข้า

สู่ความโดดเดี่ยว อันไกลโพ้น
เรื่องแบบนี้ ผมเชื่อนักดนตรีมากกว่านักร้องครับ

แอบอ้าง
หลังจากที่มีข่าวเรื่องของวงซิลลี่ฟูลแตกนั้นจริงๆเรื่องนี้ผมก็รู้มานานแล้วเนื่องจากได้โทรคุยกะพี่ต้น(ซึ่งเป็นมือกีต้าร์ของวง)เค้าเป็นระยะซึ่งพี่เค้าก็ได้เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันก่อนผมรับโทรศัพท์เกือบทั้งวันเพราะบรรดาเพื่อนและลูกศิษนั้นโทรมาถามเรื่องนี้เกือบทั้งวันวันนี้เมื่อตอนเย็นผมได้โทรคุยกะพี่เค้าแล้วได้ถามเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแยกที่ละประเด็นเลยครับเริ่มที่ละเรื่องเลยนะ


เรื่องแรกนั้นคือเรื่องที่เป็นพรีเซ็นเตอร์พวกแอลกอฮอลล์ โดยเรื่องนี้พี่ต้นได้พูดเลยว่าไม่เป็นความจริงซึ่งถ้าเราได้เห็นพวกโฆษณาต่างๆเราลองมานึกดูซิว่าทางวงเค้านั้นได้โฆษณาเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเท่านั้นซึ่งที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะมีแค่โตคนเดียวเท่านั้นพี่ต้นได้บอกว่างานพวกนี้โตเป็นคนติดต่อเพียงฝ่ายเดียวซึ่งทางวงนั้นไม่ได้เป็นฝ่ายไปประชุมร่วมด้วยเลยงานโฆษณาสินค้านั้นโตรับคนเดียว3-4ล้านแต่ในขณะที่สมาชิกที่เหลือได้คนละ3-4แสนเท่านั้นและงานที่โตโฆษณาเพียงคนเดียวทางวงก็ไม่ได้หารค่าใช้จ่ายอะไรเลยซึ่งจริงๆแล้วอย่างวงอื่นเช่นบิ๊กแอ๊สเค้าจะหารเท่าๆกันหมดพี่ต้นได้พูดอีกว่าทางวงนั้นไม่ค่อยจะได้ยุ่งเกี่ยวกะเรื่องโฆษณาด้วยซ้ำส่วนใหญ่ทางโตเค้าจะเป้นฝ่ายจัดการเองทั้งหมดดูค่าตัวก็น่าจะรู้แล้วนะ

เรื่องที่2คือเรื่องเล่นในผับซึ่งเรื่องนี้พี่ต้นได้เล่าให้ฟังว่าทางโตนั้นเค้าจะไม่ขอแสดงคอนเสิร์ตในผับพี่ต้นได้ให้เหตุผลว่าถ้าไม่เล่นในผับนั้นรายได้ของสมาชิกในวงก็จะได้น้อยมากซึ่งปกติโตนั้นเค้าได้เป็นพิธีกรรายการแมลงมันส์ซึ้งได้เงินเดือนเดือนละ80000และยังมีเงินจากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าอีกลองนึกดูว่าเค้าได้เงินเดือนๆนึงเยอะแค่ไหนในขณะเดียวกันพี่ต้นได้พูดอีกว่าตัวเค้าแล้วสมาชิกที่เหลือนั้นตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงวันนี้ได้ใช้เงินส่วนตัวตลอดถ้าไม่ได้เล่นคอนเสิร์ตนั้นรายได้ก็จะมาจาก%ของเทปซึ่งเราก็รู้ๆอยู่ว่าปัจจุบันนั้นพวกเทปและซีดีได้โดนmp3ตีซะจนยอดไม่ทะลุตามเป้าหมายที่คาดไว้ด้วยซ้ำแล้วพอมารู้ว่าโตจะไม่รับงานในผับนั้นก็ได้บอกปฎิเสธทันทีเพราะถ้าไม่มีงานในผับนั้นทางโตเค้าคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่แต่สมาชิกที่เหลือล่ะจะทำไงซึ่งโตเค้าได้อ้างเรื่องศาสนาพี่ต้นได้กล่าวไว้ว่าเรื่องนี้ได้ถามทางเพื่อนที่เป็นอิสลามแล้วเค้าก็บอกว่าไม่เกี่ยวกัน
ซึ่งเรื่องนี้ตัวผมเองก็ได้ถามผู้รู้อีกคนนึงคือเพื่อนผมที่เป็นอิสลามและเล่นเบสและเป็นอาจารย์สอนเบสด้วยเค้าเคร่งศาสนามากๆเค้าได้บอกกับผมว่าไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาเลยเพราะการเล่นดนตรีในผับไม่ได้บังคับให้ตัวเรากระทำในสิ่งไม่ดีเช่นกินเหล้าหรือทะเลาะเบาะแว้งและก็ไม่ได้เป็นการจูงใจให้คนอื่นมากินเหล้าด้วยเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวบุลคลเหล่านั้นเองว่าประพฤติตนเป็นเช่นไรโดยตัวของเพื่อนผมนั้นได้เคยเล่นในผับและก็ไม่ได้รัปประทานเครื่องดื่มประเภทสิ่งมึนเมาเลยเค้ากินแค่น้ำอัดลมเท่านั้นเอง


ส่วนเรื่องการที่โตได้สัมภาษณ์เพียงคนเดียวนั้นพี่ต้นได้บอกว่าเค้าก็ได้ไปด้วยแต่ทางผู้จัดการและทางแกรมมี่นั้นได้วางแผนเพื่อไม่ให้สมาชิกที่เหลือนั้นได้สัมภาษณ์และทางโตเค้าได้บอกว่าถ้าสมาชิกที่เหลือมาให้สัมภาษณ์ร่วมกะเค้าเค้าจะไม่ให้สัมภาษณ์และทางแกรมมี่เค้าก็ได้กันทางสมาชิกที่เหลือออกซึ่งตอนที่โตสัมภาษณ์นั้นทางวงไม่ได้รู้เรื่องที่โตพูดออกไปซักเรื่องเลยมารู้อีกทีก็วันรุ่งขึ้นซึ่งบทสัมภาษณ์ของโตได้ออกมาแล้วและออกมาในทางลบกะสมาชิก3คนที่เหลือ


เรื่องที่พี่ต้นบอกมานั้นพวกเราจะได้อ่านสัมภาษณ์อย่างเต็มรูปแบบอีกทีกับหนังสือโอเวอร์ไดรว์เล่มที่กำลังจะออกครับ
(อ่านแล้วตัดสินใจกันเองนะครับว่าใครผิดใครถูกเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลครับ)


http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=55882
บันทึกการเข้า

กาก
ทางรอดเดียวของนักดนตรีคือ หานักร้องใหม่ แล้วเปลี่ยนชื่อวง ถ้าใช้ชื่อวงเดิม ตายแน่ๆ

แล้วอย่าติดกัน แนวเพลงของโต เล่นให้หนัก เหมือนที่ออกกับเบอเกอรี่ชุด EP ยังไงก็รอด

แม้จะไม่ดังเท่าเดิม

ไม่งั้นซ้ำรอย Fly ของพี่อี๊ดแน่ๆ
บันทึกการเข้า

กาก
ต้องยอมรับครับ เรื่องของกลไกการตลาดและความอยู่รอดมักจะไปด้วยกันไม่ได้
บันทึกการเข้า

สู่ความโดดเดี่ยว อันไกลโพ้น
พี่โต หัวเถิก แหละ


อิอิ  กรี๊ดดดดด  กร๊าก
บันทึกการเข้า

เยิ้ม ...  หยุดปั่น
นั่นยังไง
เอ็มไพร์สไตรค์แบ็ค เรื่องเริ่มกลับเป็นอีกด้านตรงกันข้าม

ยังเลือกไม่เชื่อทั้งคู่เหมือนเดิม แต่โอนเอียงไปทางคนที่ไม่ได้แถลงข่าวมากกว่า
สังเกตุได้ว่า ไม่มีปัญหาเรื่องแนวทางดนตรี หรือแนวความคิดในการทำเพลงต่างกันเลย
เราว่าสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้พอวงดนตรีแยกวงกันด้วยเหตุผลทำนองนี้ แล้ว
ต่อจากนั้นจะร่วงทั้งคู่ เป็นเพราะ มันสูญเสียศรัทธาไปแล้ว
พูดอะไรต่อไปคนฟังก็ไม่เชื่อ พอไม่เชื่อก็ไม่อินไปกับเพลง

ในขณะที่พี่โตแต่งเพลงเกี่ยวกับเพื่อน ให้กอดคอลุยกันไปไว้มากมายหลายเพลง
คิดว่าวันนี้เอามาร้องอีก หรือทำเพลงแบบนี้อีก ใครจะเชื่อกัน พวกมึงยังทำกันไม่ได้เลย

ศรัทธามันเสียไปแล้ว เอาคืนยากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

ไอ้เพลงที่เราเคยกอดคอร้องกันกับเพื่อนสมัยมัธยม
ก็กลายเป็นสิ่งที่แม้แต่คนร้องเองก็ทำไม่ได้
ฟังแล้วเศร้าจริงๆว่ะ
บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
เหมือนเสือร้องเพลง 18 ฝนไม่ได้ใช่มะ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!