ตลาด คือสถานที่ ที่เราไปหาซื้อสินค้า
ถามทำไมเหรอครับ
ขอบคุณครับ
คือ ยังไงล่ะครับ อย่างที่บอกว่า พี่โตให้สัมภาษน์ไว้นั้น
มันตรงกันข้ามกับความคิดที่ว่า ใครเล่นดนตรีหนักๆ ฟังดูแล้วคนหมู่มากรับไม่ได้
แสดงว่ามีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่สนใจตลาด
เพราะพี่โตบอกว่า ตอนที่เล่นแบบนั้น ยังสับสนและหาตัวเองยังไม่เจอ
(หรืออักนัยน์หนึ่ง คือมันเป็นตัวตนในช่วงเวลานั้นนั่นแหละ
แต่เจ้าตัวมองย้อนกลับไปแล้วยังไม่พอใจตัวตนแบบนั้น)
พอมาทำเพลงที่ ฟังดูแล้วตลาดรับได้ง่ายกว่า พี่โตบอกว่า นี่แหละตัวตนเค้าเลย
ลงตัวและชอบแบบนี้แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าเพลงยุคหลัง มีชั้นเชิงและวิธีคิดที่ซับซ้อนกว่ายุคแรก
แต่สื่ออกมาเข้าใจง่ายกว่า จึงเป็นไปได้มากที่จะถูกมองว่าพอเข้าค่ายใหญ่ก็หันมาทำเพลงเอาใจตลาด
ซึ่งเราเห็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
เพราะดนตรีในยุคหลังมันซับซ้อนด้วยลูกเล่น เทคนิคใหม่ๆกว่าอย่างชัดเจน
รวมถึงการแต่งเมโลดี้ที่มันพาวเวอร์ฟูลแบบนั้น ฟังยังไงก็คิดว่าแต่งยากกว่ายุคสำรอกสมัยยังชื่อ Silly foolish
แต่เพลงยุคแรกที่ยังคลาสสิค(และหลังจากวงแตกจะยิ่งคลาสสิคไปใหญ่) โคตรเท่มากๆ
ยังเป็นเพลงรอยยิ้ม ฟังแล้วเมาเนื้อมากๆเลยพี่โต
การวัดค่าของวงดนตรี จากการทำเพลงที่ ดูแล้วกระแสตลาดรับได้ง่ายหรือยากนั้น
คิดว่าอยู่บนพื้นฐานวิธีคิดที่ไม่ได้มองไปที่คุณค่าของตัวเพลงจริงๆ
แต่มองบริบททางสังคมประกอบมากกว่า ว่าตลาด-ไม่ตลาด-ตามกระแส-อินดี้-ไม่อินดี้
ซึ่งคิดว่าใช้ได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ
เรื่องค่าอัดนักดนตรี ถามมาแล้ว
เขาบอก ถ้าคนไหนกวนตีนๆ เค้าก็ไม่คิดตังเลย
อัดให้ฟรี