หน้า: 1 [2]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ...+*+... PCT ของในหลวง ...+*+...  (อ่าน 11955 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดสลบ


(+2)
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ขอบคุณค่ะ....

หาจาก google ด้วยคำว่า "หลอดยาสีพระทนต์" จ้ะ
แต่ส่วนใหญ่ไม่มีภาพประกอบ
บันทึกการเข้า

เข้าไปอ่านมาแล้วขนลุก

ทรงพระเจริญ 
บันทึกการเข้า

♪ หากไม่ดูเป็นการรบกวน ~ ก็จะชวนเธอมารักกัน ♪
พระอารมณ์ขันของในหลวง
Contributed by nOo_miki ตั้งแต่ วันอังคาร, 17 กรกฎาคม 2001 @ 20:30:10 ICT

 
มีเรื่องน่ารัก ๆ ของในหลวง มาเล่าให้ฟัง
ให้พวกเราได้รับทราบ ในพระจริวัตรของท่าน

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระองค์ท่าน
จะเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของพระองค์ท่านอยู่เป็นประจำ
โดยเฉพาะ ชาวบ้านต่างจังหวัดจะโชคดีกว่าเรานัก
ที่ได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีของในหลวง ได้ใกล้ชิด
และบ่อยครั้งกว่าคนใน กรุงเทพมากนัก
จึงมีเรื่องของในหลวงมาเล่าให้ฟัง
ฟังแล้วเชื่อว่าทุกคนจะต้องอมยิ้มกันทุกคนแน่

เรื่องที่ 1.
วันหนึ่ง
พระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่าน
ตามปกติที่ต่างจังหวัด ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนิน มาตามลาดพระบาท
ที่แถวหน้า ก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่ง ได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง
แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกิน ที่ได้เจอในหลวง
แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
แต่ในหลวงก็ทรง เฉย ๆ
มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร

แต่พวกข้าราชบริภารก็ มองหน้ากันใหญ่
กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัยหรือไม่
แต่พอพวกเรา ได้ยินพระองค์รับสั่งตอบกับหญิงชราคนนั้น
ก็ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว
เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
ต้องเรียกน้าซิ ถึงจะถูก"




--------------------------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 2.
พระองค์ท่านเสด็จไปที่จังหวัดสกลนครเพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้าน
และพระองค์ก็ทรงตรัสถามชายคนหนึ่งที่มาเข้าเฝ้
เพราะแขนเจ็บเข้าเฝือก

ในหลวงทรงรับสั่งถามว่า "แขนเจ็บไปโดนอะไรมา"
ชายคนนั้นตอบว่า "ตกสะพาน "

แล้วในหลวงทรบรับสั่งกลับไปอีกว่า
"แล้วแขนอีกข้างหนึ่งละ"

ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาอีกว่า
"แขนข้างนี้ไม่ได้ตกลงไปด้วย ตกข้างเดียว"
ในหลวงของเราก็ทรงพระสรวล


--------------------------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 3.
พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่ทางภาคใต้
คือจังหวัดนราธิวาส ทางใต้นี้มีปัญหาเรื่องดินเป็นกรด มีความเค็ม
พระองค์จึงทรงรับสั่งถามกับชาวบ้านที่มาเฝ้ารับเสด็จว่า

"ดินหลังบ้านเป็นอย่างไร เค็มไหม "
ชาวบ้านก็มองหน้ากันแล้วทำหน้างง
ก่อนตอบกลับมาว่า "ไม่เคยชิมซักที"
ในหลวงก็รับทรงสั่งกับข้าราชบริภารที่ ตามเสด็จว่า
"ชาวบ้านแถวนี้เขามีอารมณ์ขันกันดีนะ"

...............................................................................................

ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวี
มีพระอาการคัน มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ
เพื่อถวายการรักษา
คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง
แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
ก็กราบบังคมทูลว่า

"เอ้อ - ทรง... อ้า- ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"

พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง"

แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์
ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า - เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ -
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป

...............................................................................................

อีกครั้งหนึ่ง หลายปีมากๆ แล้วเหมือนกัน
ตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระโอสถมวน (สูบบุหรี่) อยู่
คราวหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวกำลังจะทรงพระโอสถมวน ยังไม่ได้ทรงจุด
ท่านผู้หนึ่งที่เผอิญได้เข้าเฝ้าอยู่ในขณะนั้น
จะเป็นใครผมก็ไม่ทราบลืมไปแล้ว
ก็ปราดเข้าไปคุกเข่า จุดไฟแช็คถวาย
แถมกราบบังคมทูลเสียด้วยว่า

"ถวายพระเพลิง พะยะค่ะ"
พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวลเสียงดัง
ตรัสด้วยพระอารมณ์สนุกว่า "ยัง ฉันยังไม่ตาย...."

ผู้ใหญ่ที่มาเล่าเรื่องนี้ต่อให้ผมฟัง
ไม่ได้เล่าว่าตอนนี้สีหน้าผู้ที่จะ
"ถวายพระเพลิง" เป็นอย่างไร


--------------------------------------------------------------------------------
 
เรื่องน่าประทับใจของในหลวง
Contributed by Funky ตั้งแต่ วันอาทิตย์, 24 พฤศจิกายน 2002 @ 16:01:56 ICT

 
เรื่องที่ 1
 
  “เเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน (พ.ศ. 2528)
 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของพิธีพระราชทานปริญญาของบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 ในวันนั้นเกิดเหตุการณ์ไฟดับทั่วประเทศไทยในตอนบ่าย
 เป็นผลให้บัณฑิตจำนวน 6 คน ที่เข้ารับพระราชทานปริญญาในช่วงนั้น
 หมดโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพตอนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
 จากพระหัตถ์ไว้เป็นที่ระลึก เเต่สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเสร็จพระราชพิธีเเล้ว
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระเเสรับสั่งกับอาจารย์ที่หมอบถวายปริญญาอยู่ข้างๆ ที่ประทับว่า
“ให้ไปตามบัณฑิต ๕-๖ คนนั้นขึ้นมารับปริญญาใหม่อีกครั้งหนึ่ง “
 
  =================================================
 
เรื่องที่ 2
 
  ช่วงนั้นเพื่อนได้เข้ารับถวายงานพยาบาลต่อทูลกระหม่อมฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
 ช่วงเช้าตรู่มีโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องบรรทมของพระองค์ท่าน เพื่อนรับสายก็มีเสียงพูดมาว่า
 “ ขอสายฟ้าหญิง “ เพื่อนได้ถามกลับไปว่า “ ขอประทาน โทษค่ะใครจะเรียนสายด้วยคะ “
 “ บอกเขาว่าคนในแบงค์โทร.มา “ อีกฝ่ายตอบกลับ เพื่อนก็ถามกลับไปอีกว่า “ ธนาคารไหนคะ “
 ((( ก็ยังเช้าตรู่อยู่นี่นา....เพื่อนคิดในใจโทร.มาเรื่องอะไรแต่เช้า )))
 เพื่อนก็ออกอาการ”งง”อยู่ช่วงครู่ ..... เดินไปทูลฟ้าหญิง พอกลับมานั่งทบทวน........
 ”คนในแบงค์โทร.มา”............. ถึงกับตื่นเต้นตกใจขนลุกขนพองเพราะคนในแบงค์ คือ “ในหลวง”
 ท่านทรงมีพระอารมณ์ขันอยู่เป็นนิจ “ ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน “


 
คลายเครียด: เรื่องจี้ๆ ของพระองค์ท่าน
Contributed by BpangGa ตั้งแต่ วันศุกร์, 21 พฤษภาคม 2004 @ 18:00:14 ICT

 
ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริง
เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก
เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด
แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า
"ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"
แม่ค้าตอบว่า "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ"
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน

----------------------------------------------------------

อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้
ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้
จึงมีคำกราบทูลว่า"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
"มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว
ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
เรื่องนี้ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
--------------------! -------------------

เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา
มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน
มาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
"ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"
---------------------------------------

เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง
ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน
และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้า
ทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
ว่า"ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดชขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคม
ทูลรายงาน ฯลฯ"
เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล
อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
"เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."
ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
---------------------------------------
มีอยู่ครั้งหนึ่ง
ทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ
แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้
ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า
"ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"
ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆกับอธิการบดีว่า
"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"
---------------------------------------
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า
ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"
---------------------------------------

วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้
อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ
มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่
กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"
--------------------------------------------------

ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
มีรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา
คุณหมอเป็นผู้วชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้วชาญทางราชาศัพท์
ก็กราบบังคมทูลว่า
"เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง"
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า -
เอ้าพูดภาษาอังกฤษกันเถอะ-
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
---------------------------------------

เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
นางสนองพระโอษฐ์
ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย
ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
ทางนางสนองพระโอษฐ์ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
ก้อมีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอฐก้อ งง
...งง
ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า
แบงค์ก้อยังไม่เปิดนี่หว่าพอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า
คนที่แบงค์น่ะ ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิด
กระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ อิ อิ ขนลุกเลยะ
---------------------------------------

เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ
ทำให้อ่านขาดตอน
ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้
ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
"เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"
และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ
ไฟดับไปชั่วขณะ
ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพ! ลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก
ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม


 
เรื่องขำขันขององค์ในหลวง
Contributed by iamkat ตั้งแต่ วันพุธ, 29 มกราคม 2003 @ 15:00:03 ICT

 
ลองอ่านดูแล้วกันนะ เราอ่านแล้วปลื้มใจมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย
-------------------------
ระยะแรกราวปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา
คราใดที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวลนั้น จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปยังท้องที่ห่างไกลทุรกันดารย่านหัวหิน หนองพลับ แก่งกระจาน ด้วยพระองค์เอง
ทำนองเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ห้า โดยที่ราษฎรไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าทรงมาถึงแล้ว" วันหนึ่งทรงขับรถยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงยังบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านหมู่บ้านห้วยมงคล อำเภอหัวหิน
ซึ่งราษฎรกำลังช่วยกันตบแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง และไม่คาดคิดว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์
ต้องให้ในหลวงเสด็จฯก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะลอดผ่านซุ้มได้.. วันนี้
ห้ามลอดผ่านซุ้มนี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อนนะ.."
ทรงขับรถพระที่นั่งเบี่ยงข้างทางไม่ลอดซุ้มดังกล่าว วันรุ่งขึ้นเมื่อทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านนี้อย่างเป็นทางการพร้อมคณะข้าราชบริพารผู้ติดตามและทรงมีพระดำรัสทักทายกับชายผู้นั้นที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวันวานว่า
วันนี้ฉันเป็นในหลวง..คงผ่านซุ้มนี้ได้แล้วนะ.."
----------------------------------
เรื่องที่ 2
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่งที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า.." มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว.." พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
"...มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว" เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
------------------------------------------

มีเรื่องนึงเคยฟังจากผู้ใหญ่เล่าเมื่อนานมาแล้ว
มีช่างไปทำฝ้าเพดานในวัง คนนึงกำลังยืนบนบันได ส่วนหัวอยู่ใต้ฝ้า
อีกคนคอยจับบันไดอยู่ด้านล่าง พอดีในหลวงเสด็จมา คนที่อยู่ข้างล่างเห็นในหลวงก็ก้มลงกราบ คนอยู่ด้านบนไม่เห็น ก็บอกว่า เฮ้ยจับดีๆ หน่อยสิ อย่าให้แกว่ง ในหลวงทรงจับบันไดให้ เค้าก็บอกว่า
เออ ดีๆ เสร็จงานนี้จะให้เป็นช่างจริง (สงสัยคงจะเพิ่งเข้ามาทำงาน
ยังไม่ผ่านโปร) พอเสร็จก็ก้าวลง พอเห็นว่าในหลวงเป็นคนจับบันไดให้ ถึงกับเข่าอ่อน จะตกบันได รีบลงมาก้มกราบ ในหลวงทรงตรัสกับช่างว่า แหม ดีนะที่ชมว่าใช้ได้ แถมจะปรับตำแหน่งให้เป็นช่างอีกด้วย"
---------------------------------------------------------
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา
มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า "ไปบอกเค้านะ เราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"
-------------------------------------------------------
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน เพราะเรียนมาตั้งแต่เล็กแต่ไม่เคยได้ใช้
เมื่อออกงานใหญ่จึงตื่นเต้นประหม่า ซึ่งเป็นธรรมดาของคนทั่วไป
และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน หรือกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในพระราชานุกิจต่างๆ นานัปการ ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ เคยเล่าให้ฟังว่า ด้วยพระบุญญาธิการและพระบารมีในพระองค์นั้นมีมากล้นจนบางคนถึงกับไม่อาจระงับอาการกิริยาประหม่ายามกราบบังคมทูล จึงมีผิดพลาดเสมอ แม้จะซักซ้อมมาอย่างดีก็ตาม ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า
ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"
เมื่อคำกราบบังคมทูล ในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า "เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."
ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัยเพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้


 
ในหลวงกับ PCT
Contributed by morphine ตั้งแต่ วันพุธ, 25 มิถุนายน 2003 @ 21:00:10 ICT

 
ในหลวงกับ pct (เรื่องที่ทำให้หลายคนได้คิด)

หวังว่าทุกๆคนคงยังจำสมัยที่ PCT ออกมาวางตลาดใหม่ๆ
เครื่อง sharp ที่ทางTA แจกให้ทุกคนทดลองใช้ฟรีกัน
รุ่นฝาพับแหละครับ ตัวเล็กๆ
รู้กันไหมว่า ในหลวง
พระองค์ท่านยังคงทรงใช้ PCT รุ่นนั้นอยู่ ณ ปัจจุบัน

ได้ยินมาจากผู้บริหาร TA ว่า
ครั้งหนึ่งเคยนำรุ่น sanyo ที่เป็นรุ่นหาคลื่นได้
มาถวายท่านเพราะเห็นว่าท่านทรงใช้เครื่องเก่า
นำเครื่องใหม่ไปถวาย
พระองค์ตรัสได้น่าประทับใจจริง ๆ

"เอามาให้ฉันทำไม
ในเมื่อเครื่องเก่าฉันก็ยังใช้ได้อยู่"

ท่านทรงประหยัดเพื่อประเทศเรามาก ๆ
แต่คนธรรมดาอย่างเรากลับมีความรู้สึกที่จะอยากได้รุ่นใหม่ๆ
เข้าใจว่าบางคนเนี่ยะซื้อมือถือเพราะหลายเหตุผล
มีเถียงกันบ้างในกระทู้
ไม่ได้หวังอะไรจากระทู้ที่ ตั้งเพียงแค่อยากจะบอกว่า
"ช่วยกันประหยัดเถอะ"

พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงงานตรากตรำเพื่อพวกเรา
หากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้ทำงานใกล้ชิดท่านจะรู้ว่า
"น่าภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย"
ไม่ได้ห้ามหากใครจะซื้อถูกซื้อแพง
แต่อยากให้ใช้งานให้คุ้มทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไป
เวลาซื้อถามตัวเองนิดนึงว่า Tool or Toy

ชอบประโยคคำถามนี้มาก
ขอพระองค์ จงทรงพระเจริญ



 
 
*** เซฟไว้อ่านนานมากแล้วครับ ทุกวันนี้ยังพกติดแฮนดี้ไดรฟ์ไม่หายไปไหน เลยหยิบมาฝากทุกคนครับ


บันทึกการเข้า

อ่านแล้วเหมือนว่าจะวนมาที่เรื่องเดิมค่ะ  งั้นเหรอ
มีเรื่องเดียวกันตั้งหลายรอบแน่ะ
บันทึกการเข้า

แรดอย่างสงบ ตบเมื่อจำเป็น ตอแหลอย่างเยือกเย็น เพราะเราเปนไฮโซ...^^
นี้แหละ KING ของเรา  ภูมิใจ!!!!!!!!!!  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

เยิ้ม ...  หยุดปั่น












ชอบทุกรูปเป็นการส่วนตัวครับ

ปล. ผมรักในหลวง
บันทึกการเข้า

ในหลวงอารมณ์ขัน ดีจังเลยนะคะ  (อิอิ)
บันทึกการเข้า

<3.
 ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

แอบอ้าง
กษัตริย์ยอดกตัญญู

ลูกๆทุกคนก็ได้รู้กันแล้วว่า ความหวังของแม่ ที่มีต่อลูก 3 หวังคือ

ยามแก่เฒ่า หวังเจ้า เฝ้ารับใช้

ยามป่วยไข้ หวังเจ้า เฝ้ารักษา

เมื่อถึงยาม ต้องตาย วายชีวา หวังลูกช่วย ปิดตา เมื่อสิ้นใจ

ทีนี้มาดูตัวอย่างบ้างบุคคลที่เป็นยอดกตัญญู ที่ประทับใจอาจารย์มากที่สุด คือใคร ทราบไหม? คือคนในภาพนี้ในหลวงของเราในหลวงนอกจากจะเป็นยอดพระมหากษัตริย์ของโลก เป็น b>THE KING OF KINGS แล้วในหลวงของเรา ยังเป็นกษัตริย์ยอดกตัญญูด้วย

ความหวังของแม่ ทั้ง 3 หวัง ในหลวงปฏับติได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้แก่พวกเรา ในหลวงทำกับแม่ยังไง ? ตามอาจารย์มา...อาจารย์จะฉายภาพให้เห็น

หวังที่ 1. ยามแก่เฒ่า หวังเจ้า เฝ้ารับใช้

ใครเคยเห็นภาพที่สมเด็จย่าเสด็จไปในที่ต่างๆแล้วมีในหลวงประคองเดินไปตลอดทาง เคยเห็นไหม? ใครเคยเห็นกรุณายกมือให้ดูหน่อย ขอบคุณ...เอามือลง

ตอนสมเด็จย่าเสด็จไปไหนเนี่ย มีคนเยอะแยะ มีทหาร มีองครักษ์ มีพยาบาล ที่คอยประคองสมเด็จย่าอยู่แล้ว แต่ในหลวงบอกว่าb> "ไม่ต้อง.... " คนนี้เป็นแม่เรา...เราประคองเอง ตอนเล็ก ๆแม่ประคองเราสอนเราเดินหัดให้เราเดิน เพราะฉะนั้นตอนนี้แม่แก่แล้ว เราต้องประคองแม่เดิน เพื่อเทิดพระคุณท่านไม่ต้องอายใครเป็นภาพที่ประทับใจมาก เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ท่านกตัญญูต่อแม่ประคองแม่เดิน ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จสองข้างทาง ฝั่งนี้ 5,000 คน ฝั่งนู้น8,000 คน ยกมือขึ้น...สาธุ แซ่ซ้อง สรรเสริญ "กษัตริย์ยอดกตัญญู..."

ในหลวงเดินประคองแม่ คนเห็นแล้วเขาประทับใจถ่ายรูปเอามาทำปฏิทินเอาไปติดไว้ที่บ้าน เพื่อแสดงความเคารพกราบไหว้ ลองหันมาดูพวกเราส่วนใหญ่ เวลาออกไปไหนแต่งตัวโก้ ลูกชายแต่งตัวโก้ลูกสาวแต่งตัวสวย แต่เวลาเดินไม่มีใครประคองแม่ กลัวไม่โก้ กลัวไม่สวย ข้าราชการแต่งเครื่องแบบเต็มยศ ติดเหรียญตราเหรียญกล้าหาญเต็มหน้าอก แต่เวลาเดินไม่กล้าประคองแม่ กลัวไม่สง่า กลัวเสียศักดิ์ศรี ประคองแม่เป็นเรื่องของคนใช้ หลายคนให้ประคองแม่ไม่กล้าทำอาย เวลาทำดีไม่กล้าทำอาย เวลาทำชั่วกล้าไม่อายใครเห็นภาพนี้ที่ไหน กรุณาซื้อใส่กรอบ แล้วเอาไปแขวนไว้ที่บ้าน เอาไว้สอนลูก เห็นภาพชัดเจนไหมครับ? เท่านั้น ยังน้อยไปมาดูภาพที่ชัดเจนกว่านั้น

หลังงานพระบรมศพสมเด็จย่าเสร็จสิ้นลงแล้ว ราชเลขาของสมเด็จย่ามาแถลงในที่ประชุมต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ก่อนสมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ปีเศษ ตอนนั้นอายุ 93 ในหลวงเสด็จจากวังสวนจิตรไปวังสระปทุมตอนเย็นทุกวัน ไปทำไมครับ ไปกินข้าวกับแม่... ไปคุยกับแม่...ไปทำให้แม่ชุ่มชื่นหัวใจ พอเขาแถลงถึงตรงนี้ อาจารย์ตกตะลึง โฮ้โหขนาดนี้เชียวหรือในหลวงของเรา เสด็จไปกินข้าวมื้อเย็นกับแม่สัปดาห์ละกี่วัน ทราบไหมครับ พวกเราทราบไหมครับ สัปดาห์ละกี่วัน ? 5 วัน มีใครบ้างครับ ที่อยู่คนละบ้านกับแม่ แล้วไปกินข้าวกับแม่ สัปดาห์ละ 5 วัน หายาก

ในหลวง มีโครงการเป็นร้อยเป็นพันโครงการ มีเวลาไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน พวกเราซี 7 ซี 8 ซี 9 ร้อยเอก พลตรี อธิบดี ปลัดกระทรวง ไม่เคยไปกินข้าวกับแม่บอกว่า งานยุ่ง แม่บอกว่าให้พาไปกินข้าวหน่อย บอกว่า ไม่มีเวลาจะไปตีกอล์ฟ ไม่มีเวลาพาแม่ไปกินข้าว แต่มีเวลาไปตีกอล์ฟ เห็นตัวเองหรือยังพ่อแม่พอแก่แล้ว ก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ฝนตก น้ำเซาะ อีกไม่นานโค่น พอถึงวันนั้นเราก็ไม่มีแม่ให้กราบแล้ว ในหลวงจึงตัดสินพระทัย... ไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน เมื่อ ตอนที่สมเด็จย่าอายุ 93 สัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน ในหลวงไปกินข้าวกับแม่ 5 วัน อีก 2 วัน ไปไหนครับ ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี บอกว่าในหลวงถือศีล 8 วันพระ ถือศีล 8 นี่ยังไง ต้องงดข้าวเย็นเลยไม่ได้ไปหาแม่วันนี้เพราะ ถือศีล อีกวันหนึ่งที่เหลืออาจจะกินข้าวกับพระราชินีกับคนใกล้ชิด แต่ 5 วันให้แม่ เห็นภาพชัดแล้วใช่ไหม

ตอนนี้เราขยับเข้าไปใกล้ๆหน่อย ไปดูตอนกินข้าว ทุกครั้งที่ในหลวงไปหาสมเด็จย่า ในหลวงต้องเข้าไปกราบที่ตัก แล้วสมเด็จย่าก็จะดึงตัวในหลวงเข้ามากอด กอดเสร็จก็หอมแก้ม ใครเคยเห็นภาพสมเด็จย่าหอมแก้มในหลวงบ้าง ภาพนี้ถ้าใครมีต้องเอาไปใส่กรอบ เป็นภาพความรักของแม่ที่มีต่อลูกอย่างยอดเยี่ยม ตอนสมเด็จย่าหอมแก้มในหลวง อาจารย์คิดว่าแก้มในหลวงคงไม่หอมเท่าไร เพราะไม่ได้ใส่น้ำหอม แต่ทำไมสมเด็จย่าหอมแล้วชื่นใจ เพราะท่านได้กลิ่นหอมจากหัวใจในหลวง หอมกลิ่นกตัญญูไม่นึกเลยว่าลูกคนนี้ จะกตัญญูขนาดนี้ จะรักแม่มากขนาดนี้ ตัวแม่เองคือ สมเด็จย่าไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นคนธรรมดาสามัญชน เป็นเด็กหญิงสังวาลย์ เกิดหลังวัดอนงค์เหมือนเด็กหญิงทั่วไปเหมือนพวกเราทุกคนในที่นี้ ในหลวงหน่ะเกิดมาเป็นพระองค์เจ้า เป็นลูกเจ้าฟ้าปัจจุบันเป็นกษัตริย์ เป็นพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือหัว แต่ในหลวงที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินก้มลงกราบคนธรรมดาที่เป็นแม่ หัวใจลูกที่เคารพแม่กตัญญูกับแม่อย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว

คนบางคนพอเป็นใหญ่เป็นโต ไม่กล้าไหว้แม่ เพราะแม่มาจากเบื้องต่ำเป็นชาวนา เป็นลูกจ้าง ไม่เคารพแม่ดูถูกแม่ แต่นี่ในหลวง เทิดแม่ไว้เหนือหัว นี่แหละครับความหอม นี่คือเหตุที่สมเด็จย่าหอมแก้มในหลวงทุกครั้ง ท่านหอมความดี หอมคุณธรรม หอมกตัญญูของในหลวง หอมแก้มเสร็จแล้วก็ร่วมโต๊ะเสวย

ตอนกินข้าวนี่ปกติแค่เห็นลูกมาเยี่ยมก็ชื่นใจแล้ว นี่ลูกมากินข้าวด้วยโอยยิ่งปลื้มใจ แม่ทั้งหลายลองคิดดูซิ อะไรอร่อยๆในหลวงจะตักใส่ช้อนแม่ อันนี้อร่อยแม่ลองทาน รู้ว่าแม่ชอบทานผัก หยิบผักมาม้วนๆใส่ช้อนแม่ เอ้าแม่ แม่ทานซะของที่แม่ชอบ แทนที่จะกินแค่ 3 คำ 4 คำ ก็เจริญอาหารกินได้เยอะ เพราะมีความสุข ที่ได้กินข้าวกับลูก มีความสุขที่ลูกดูแลเอาใจใส่กินข้าวเสร็จแล้ว ก็มานั่งคุยกับแม่ ในหลวงดำรัสกับแม่ว่าไงทราบ ไหม

ตอนในหลวงเล็กๆแม่เคยสอนอะไรที่สำคัญ "อยากฟังแม่สอนอีก" เป็นยังไงบ้างเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศอยากฟังแม่สอนอีกพวกเรา เป็นยังไงเราคิดว่า เรารู้มาก เราเรียนสูงเรามีปริญญาแม่จบป.4 เวลาแม่สอนตะคอกแม่ตวาดแม่กระทืบเท้าใส่แม่ เบื่อจากตายอยู่แล้ว รำคาญ พูดจาซ้ำซาก เมื่อไหร่จะหยุดพูดซะที เราเหยียบย่ำหัวใจแม่ พอสมเด็จย่าสอนในหลวงจะเอากระดาษมาจด มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จำได้แม่นสมเด็จย่าเล่าว่า ตอนเรียนหนังสือที่ Swiss ในหลวงยังเล็กอยู่เข้ามาบอกว่าอยากได้รถจักรยาน เพื่อน ๆ เขามีจักรยานกัน แม่บอกว่าลูกอยากได้จักรยานลูกก็เก็บสตางค์ที่แม่ให้ไปกินที่โรงเรียนไว้ซิ เก็บมาหยอดกระปุกวันละเหรียญ สองเหรียญ พอได้มากพอก็เอาไปซื้อจักรยานนี่คือสิ่งที่แม่สอน แม่สอนอะไร ทราบไหมครับ

ถ้าเป็นพ่อแม่บางคนพอลูกขอรีบกดปุ่ม ATM ให้เลย ประเคนให้เลย ลูกก็ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย เหลิงและหลงตัวเอง พอโตขี้นขับรถเบนซ์ชนตำรวจก็ได้ยิงตำรวจยังได้ เพราะหลงตัวเองพ่อตนใหญ่ เห็นไหม.....? ตามใจเทิดทูน จนเสียคนแต่สมเด็จย่านี่เป็นยอดคุณแม่สร้างคุณธรรมให้แก่ลูก ลูกอยากได้ลูกต้องเก็บสตางค์ที่แม่ให้ไปหย่อนกระปุก

แม่สอน 2 เรื่อง คือให้ประหยัด ให้ยืนอยู่บนขาของตัวเอง "ความประหยัด เป็นสมบัติของเศรษฐี" ใครสอนลูกให้ประหยัดได้ คนนั้นกำลังมอบความเป็นเศรษฐีให้แก่ลูก พอถึงวันปีใหม่สมเด็จย่าก็บอกว่า "ปีใหม่แล้ว เราไปซื้อจักรยานกัน " เอ้า! แคะกระปุกดูซิว่ามีเงินเท่าไร เสร็จแล้วสมเด็จย่าก็แถมให้ ส่วนที่แถมนะมากกว่าเงินที่มีในกระปุกอีก มีเมตตาให้เงินลูก ให้ไม่ได้ให้เปล่าสอนลูกด้วยสอนให้ประหยัด สอนว่าอยากได้อะไรต้องเริ่มจากตัวเรา คำสอนนั้นติดตัวในหลวงมาจนทุกวันนี้เขาบอกว่าในสวนจิตรเนี่ยคนที่ประหยัดที่สุดคือ ในหลวง ประหยัดที่สุดทั้งน้ำ ทั้งไฟ เรื่องฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยไม่มี เป็นอันว่าภาพนี้ชัดเจน

หวังที่ 2. ยามป่วยไข้ หวังเจ้า เฝ้ารักษา

ดูว่าในหลวงทำกับแม่ยังไง? สมเด็จย่าประชวรอยู่ทีโรงพยาบาลศิริราช ในหลวงไปเยี่ยมตอนไหนครับ ไปเยี่ยมตอน ตี 1 ตี 2 ตี 4 เศษ ๆ จีงเสด็จกลับ ไปเฝ้าแม่วันละหลายชั่วโมง แม่พอเห็นลูกมาเยี่ยมก็หายป่วยไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทีมแพทย์ที่รักษาสมเด็จย่าเห็นในหลวงมาเยี่ยมมาประทับก็ต้องฟิตตามไปด้วย ต้องปรึกษาหารือกันตลอดว่าจะให้ยายังไง จะเปลี่ยนยาไหม จะปรับปรุงการรักษายังไง ให้ดีขึ้น ทำให้สมเด็จย่าได้รับการดูแลที่ดีขึ้น เห็นภาพไหม กลางคืน... ในหลวงไปอยู่กับสมเด็จย่าคืนละหลายชั่วโมงไปให้ความอบอุ่นทุกคืนลองหันมาดูตัวเราเองซิ ตอนพ่อแม่ป่วยโผล่หน้าเข้าไปดูหน่อยนึง ถามว่าตอนนี้อาการเป็นยังไง? พ่อแม่ยังไม่ทันตอบเลย

ฉันมีธุระงานยุ่งต้องไปแล้ว โผล่หน้าไปให้เห็นพอแค่เป็นมารยาทแล้วก็กลับ เราไม่ได้ไปเพราะความกตัญญู เราไม่ได้ไปเพื่อทดแทนพระคุณท่านน่าอายไหม ในหลวงเสด็จไปประทับกับแม่ ตอนแม่ป่วยปทุกวันไปให้ความอบอุ่นประทับอยู่วันละหลายชั่วโมงนี่คือสิ่งที่ในหลวงทำ

คราวหนึ่งในหลวงป่วยสมเด็จย่าก็ป่วยไปอยู่ศิริราชด้วยกัน อยู่คนละมุมตึก ตอนเช้าในหลวงเปิดประตู....แอ๊ด...ออกมา พยาบาลกำลังเข็นรถสมเด็จย่าออกมารับลมผ่านหน้าห้องพอดี ในหลวงพอเห็นแม่รีบออกจากห้องมาแย่งพยาบาลเข็นรถ มหาดเล็กกราบทูลว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องเข็นมีพยาบาลเข็นให้อยู่แล้ว ในหลวงมีรับสั่งว่า แม่ของเราทำไมต้องให้คนอื่นเข็นเราเข็นเองได้นี่ขนาดเป็นพระเจ้าแผ่นดินเป็นกษัตริย์ยังมาเดินเข็นรถให้แม่ ยังมาป้อนข้าวป้อนน้ำให้แม่ ป้อนยาให้แม่ ให้ความอบอุ่นแก่แม่เลี้ยงหัวใจแม่ ยอดเยี่ยมจริง ๆ เห็นภาพนี้แล้วซาบซึ้งมาตามดูต่อ.....

หวังที่ 3. เมื่อถึงยามต้องตายวายชีวา หวังลูกช่วยปิดตา

เมื่อสิ้นใจ วันนั้นในหลวงเฝ้าสมเด็จย่า อยู่จนถึงตี 4 ตี 5 เฝ้าแม่อยู่ทั้งคืนจับมือแม่ กอดแม่ ปรนนิบัติแม่ จนกระทั่ง "แม่หลับ..." จึงเสด็จกลับ พอไปถึงวังเขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์ในหลวงรีบเสด็จกลับไปศิริราชเห็นสมเด็จย่านอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงทำยังไงครับ ในหลวงตรงเข้าไปคุกเข่ากราบลงที่หน้าอกแม่ พระพักตร์ในหลวงตรงกับหัวใจแม่ "ขอหอมหัวใจแม่...เป็นครั้งสุดท้าย......" ซบหน้านิ่งอยู่นานแล้วค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้น น้ำพระเนตรไหลนอง

ต่อไปนี้จะไม่มีแม่ให้หอมอีกแล้ว เอามือกุมมือแม่ไว้ มือนิ่มๆทีไกวเปลนี้แหละ ที่ปั้นลูกจนได้เป็นกษัตริย์ เป็นที่รักของคนทั้งบ้านทั้งเมือง ชีวิตลูกแม่ปั้น มองเห็นหวีปักอยู่ที่ผมแม่ ในหลวงจับหวีค่อยๆหวีผมให้แม่... หวี...หวี...หวี.... หวี...ให้แม่สวยที่สุด แต่งตัวให้แม่ให้แม่สวยที่สุด

ในวันสุดท้ายของแม่เป็นภาพที่ประทับใจอาจารย์ที่สุด เป็นสุดยอดของลูกกตัญญูหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว" กษัตริย์ยอดกตัญญู"

"ขอพระองค์ทรงพระเจิญยิ่งยืนนาน"

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ที่มา : คัดลอกมาจาก หนังสือ เรื่อง หยุดความชั่วที่ไล่ล่าตัวคุณ ของ พ.อ.(พิเศษ) ทองคำ

ก๊อปมาจาก http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3983959/A3983959.html



บันทึกการเข้า

ในหลวงประหยัดจริง ๆ
อยากทำได้มั้ง
ว่าแต่ว่าอยากเห็นรูป PCT รุ่น ของในหลวงอ่า
ไม่เคยเห็น ไม่รู้เกิดทันอะป่าว
ใครมีช่วยโพสหน่อยนะจ๊ะ~ ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

ยามยาก อย่าได้ทำตัวยาก ๆ
หน้า: 1 [2]
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!