หน้า: 1 ... 153 154 155 156 157 158 159 [160] 161 162 163 164 165 166 167 ... 185
 
ผู้เขียน หัวข้อ: อวดรู้  (อ่าน 694041 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
รู้ไหมว่าวง 2NE1 อ่านว่า to anyone ฮี่ๆ
บันทึกการเข้า

สะพรึบสะพรั่ง ณหน้าและหลัง ณซ้ายและขวา ละหมู่ละหมวด ก็ตรวจก็ตรา ประมวลกะมา สิมากประมาณ
2 มันอ่านว่า เอได้ยังไง  หมีโหด~
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
two en ee wan >> to e nee wan >> to anyone หมีโหด~
บันทึกการเข้า

สะพรึบสะพรั่ง ณหน้าและหลัง ณซ้ายและขวา ละหมู่ละหมวด ก็ตรวจก็ตรา ประมวลกะมา สิมากประมาณ
อ้อ มันมี to ก่อนนี่หว่า ก็ถูกแล้ว   น้องดำ
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
นั่นชื่อวงเหรอน่ะ ง่ะ
บันทึกการเข้า

หนุ่มอักษรรักแน่ รักแท้ตลอดกาล~
อ่ายากกว่า

i12cu ของผมอีก  ง่ะ
บันทึกการเข้า
i12cu อ่านว่าอะไร  ง่ะ
บันทึกการเข้า

I one two c u

I want to see you  งง
บันทึกการเข้า

ไอ ทะเว้ล คู้  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

เอาละครับ ขออวดรู้แบบยาวๆ หนักแน่นๆ หน่อย
แต่อยากให้อ่านกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจอข้อมูลและประมวลเอาตอนทำแฟนฯ พุทธประวัติ
ที่จริงมีข้อมูลในวิกิ แต่ไม่ได้รับการตีความ และ มีบางส่วนที่ผมหาเพิ่มเติม

ความจริงเกี่ยวกับวันมาฆบูชา

เราชาวพุทธรู้กันว่าวันมาฆบูชา หรือเพ็ญเดือนสาม เป็นวันสำคัญเนื่องจากเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 อย่าง
หรือที่เรียกกันว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นั่นคือ
1. มีพระสงฆ์มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายทั้งสิ้น 1,250 รูปที่วัดเวฬุวัน
2. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
3. พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรง อภิญญา
4. และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะ (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3)
พระพุทธเจ้าจึงเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ อันเป็นหัวใจของพระศาสนา 3 พระคาถาได้แก่
- พระนิพพาน เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพุทธบริษัท
- หัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงพระนิพพานคือ การทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตของตนให้ผ่องใส (อันนี้เราคงท่องกันบ่อยๆ ตอนเด็กๆ)
- หลักปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา 6 ประการ คือ การไม่กล่าวร้ายใคร, การไม่ทำร้ายใคร ,
การมีความสำรวมในปาฏิโมกข์ทั้งหลาย, การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร และการรู้จักที่นั่งนอนอันสงัด

อ้อแล้วด้วยความอัศจรรย์นี้จึงได้มีการประกาศว่าวันมาฆบูชาเป็น"วันกตัญญูแห่งชาติ"ด้วย เจ๋งมั้ยละ

เราก็รู้กันประมาณนี้ (หรือน้อยกว่านี้) และนึกภาพพระอรหันต์ 1,250 องค์ (ซึ่งเป็นพระที่เจ๋งมากในหมู่พระด้วยกัน)
(อ้อ ภิกษุเรียกเป็นรูป พระอรหันต์เรียกเป็นองค์ ถ้าภิกษุ 4 รูปที่เชิญไปสวดเรียก 1 สำรับ)
เดินทางมารวมกันจากคนละทิศ กลับมาหาพระพุทธเจ้าผู้เป็นอาจารย์ แล้วก็ฟังธรรมกันด้วยความซาบซึ้ง


แต่ที่จริงแล้วววววว  หมีโหด~
ทั้ง1,250 องค์นั่นก็อยู่ที่ตรงนั้นอยู่แล้ว ไม่ได้เดินทางมาจากไหนมากหรอกครับ
และเหตุการณ์นั้นก็เกิดหลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียง 9 เดือน

อย่างนี้ครับ มาดูเหตุการณ์กัน

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วไปหา ปัญจวัคคีย์ (พระอัญญาโกณฑัญญะ, พระวัปปะ, พระภัททิยะ, พระมหานามะ, พระอัสสชิ)
ได้อรหันต์มา 5 องค์ แล้วทั้ง 5 องค์ก็กระจายตัวกันไปเผยแพร่พระศาสนา

(ที่จริงมีอีกองค์หนึ่งที่ว่ากันว่ามาหาพระพุทธเจ้าก่อนจะทรงไปโปรดปัญจวัคคีย์ด้วย ไว้ค่อยเล่า)

พระพุทธเจ้าเดินทางต่อพบ กลุ่มพระยสะ 55 (พระวิมละ, พระสุพาหุ, พระปุณณชิ, พระควัมปติ, พระสหายไม่ระบุนาม 50)
ได้อรหันต์มาอีก 55 องค์ ส่งออกไปเผยแพร่พระศาสนา

พระพุทธเจ้าเดินทางต่อกลุ่มพระภัททวัคคีย์ 30
ได้อรหันต์มาอีก 30 องค์ ส่งออกไปเผยแพร่พระศาสนา   

แต่ 3 กลุ่มข้างต้นนี้ (90 องค์ที่ออกเดินทาง) ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์มาฆบูชาเลยซักองค์  กร๊าก
(จะมีเกียวข้องอยู่องค์เดียวก็คือ พระอัสสชิ ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง)

ต่อมาพระพุทธเจ้าเดินทางต่อพบกลุ่มชฎิล 3 พี่น้อง (ชฏิลคือฤๅษีบูชาไฟ)
คือ คณะพระอุรุเวลกัสสปะ มีศิษย์ 500 องค์ ทุกองค์เป็นพระอรหันต์หมด
คณะพระนทีกัสสปะ มีศิษย์ 300 องค์ ทุกองค์เป็นพระอรหันต์หมด
คณะพระคยากัสสปะ มีศิษย์ 200 องค์ ทุกองค์เป็นพระอรหันต์หมด

ที่นี้ละครับ พระพุทธเจ้าออกเดินทางพร้อมคณะอีก 1,003 องค์เข้าไปแล้ว
และคณะนี้ก็ตามพระพุทธเจ้ามาจนถึงวัดเวฬุวัน ครับไม่ได้เดินทางมาจากไหนเลย ตามกันมาทั้งนั้น

ขาดอีก 247 องค์ มาจากไหน

พระอัสสชิครับ
ทำไมครับ...ไม่ใช่ครูนิดและชาวคณะ  โวย
พระอัสสชินั้นเดินทางไปเจอกับ อุปติสสะมาณพ
(แปลว่าพ่อหนุ่มนามอุปติสสะ ที่ชื่อนี้เพราะ พ่อเป็นพราหมณ์หัวหน้าอุปติสคาม หรือ หมู่บ้านอุปติสะ)
อุปติสสะเกิดเลื่อมใส ก็ไปชวนเพื่อนรักที่ชื่อว่า โกลิตตะ
(เหมือนกันครับ พ่อเป็นพราหมณ์นายบ้านในหมู่บ้านโกลิตคาม)
พร้อมสมุนของทั้งคู่ (เป็นลูกผู้มีอิทธิพลระดับท้องถิ่นทั้งคู่) อีก 250 คน
ไปบวชกับพระพุทธเจ้า ตามที่พระอัสสชิบอกไว้
ซึ่งเมื่อบวชแล้ว อุปปติสสะ ได้เปลี่ยนชื่อ เพื่อระลึกคุณมารดา แม่ท่านชื่อ "นางสารี"
ครับ อุปปติสสะมาณพก็คือ "พระสารีบุตร" พระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็็นเลิศทางปัญญา
และ แน่นอนว่า โกลิตตะนั้นก็มีแม่ชื่อ "โมคคัลลี" จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "พระโมคคัลลานะ"
พระอัครสาวกเบื้องซ้าย ผู้เป็็นเลิศทางมีฤทธิ์มาก
(จำให้คล้องจองว่าไว้ว่า สารีบุตรขวา โมคคัลลานะซ้าย ถ้าท่องแล้วไม่คล้องจองแสดงว่าจำผิด)

ครบองค์แล้วครับ
กลุ่มชฎิล 3 พี่น้องพร้อมบริวาร 1,000 รวมเป็น 1,003 องค์
กลุ่มพระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร พร้อมบริวาร 250 รวมเป็น 252 องค์
ทั้งหมด 1,255 องค์  อ้าวเว้ยเกินมา 5 องค์  โวย

ในวิกิฯกล่าวว่า 1,250 องค์เนี่ย ไม่ได้นับ 5 องค์หัวหน้ากลุ่ม ได้แก่
คณะพระอุรุเวลกัสสปะ,คณะพระนทีกัสสปะ,คณะพระคยากัสสปะ
พระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร
แต่ไม่ได้บอกว่าทำไมไม่นับ

ไปถามอ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก
(เปรียญธรรม 9 ประโยคขณะเป็นสามเณร อุปสมบทในพระบรมราชูปถัมภ์ ปริญญาตรี(เกียรตินิยม)
และปริญญาโท สาขาภาษาตะวันออกโบราณ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
เคยรับราชการเป็นรองศาสตราจารย์ระดับ9 คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร
กรรมการร่างหลักสูตรและแต่งตำราเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ระดับมัธยมศึดษาตอนต้นและตอนปลาย
อ้อ เป็นราชบัณฑิตด้วย)
ว่าด้วยเรื่อง 1,250 องค์ อาจารย์ก็บอกว่า เค้าประมาณเอา  กร๊าก
คือ สมัยโบราณเค้าไม่นับละเอียด ประมาณยกทัพไปสิบหมื่น มันอาจมีแสนกับอีกแปดร้อย
กรณีนี้ก็เช่นกัน

สรุปนะครับ ว่าการมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายนั้น ตูไม่ได้คิดว่ามันเป็นเหตุอัศจรรย์อะไรขนาดนั้นอ่ะ  ฮ่าๆ ฮือๆ

บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
ใจความอยู่ที่ว่า "เขากะเอา" หรอก กร๊ากกกก
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
ตอนสอบวิชาพระพุทธศาสนา
ผมท่องอันนี้คล้ายพี่ร่มเลย

(จำให้คล้องจองว่าไว้ว่า สารีบุตรขวา โมคคัลลานะซ้าย ถ้าท่องแล้วไม่คล้องจองแสดงว่าจำผิด)


สารีบุตรขวาปัญญา
โมคคัลลาซ้าย (ก็ต้องฤทธิ์ เหลืออันเดียว)  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า


(ที่จริงมีอีกองค์หนึ่งที่ว่ากันว่ามาหาพระพุทธเจ้าก่อนจะทรงไปโปรดปัญจวัคคีย์ด้วย ไว้ค่อยเล่า)



อยากรู้วววว กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ทางพุทธศาสนา ปัญญาสำคัญกว่าฤทธิ์ครับ
และเชื่อว่าพระพุทธเจ้าถนัดขวา  น้องดำ

สังเกตปางพระพุทธรูปท่านจะใช้มือขวาตลอด
แล้วตอนประสูติก็ก้าวเท้าขวาก่อนครับ
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
เบิ้ล

สำหรับต๊อปนะครับ เรื่องของพระผู้ควรได้ชื่อว่าพระสงฆ์องค์แรกของพระพุทธศาสนา
รายละเอียดจำมากไม่ได้ ขี้เกียจค้นละเอียดนะ

ย้อนไปเมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ
มีอสิตดาบส (บางตำราว่าชื่อฤๅษีกาฬเทวิล หรือ กบิลดาบส) ผู้เป็นที่นับถือของพระเจ้าสุทโธนะ(พ่อ)มาเยี่ยม
ท่านผู้นี้เห็นลักษณะเจ้าชายก็ทำหน้าเป็นอีโมนี้  ฮ่าๆ ฮือๆ
เพราะรู้ว่านี่แหละพระพุทธเจ้าแน่แล้วก็ดีใจที่ได้พบ
แต่ว่ารู้ว่าตูตายก่อนท่านตรัสรู้แน่ๆ ก็เสียใจที่บุญไม่ถึง
ก็รีบกลับบ้านไปบอกหลาน ชื่อว่า นาลกะ  ว่าเอ็งบวชรอเลยนะ
อัพเดตข่าวเจ้าชายสิทธัตถะองค์นี้ไว้ ถ้าบวชเมื่อไหร่ เดี๋ญวได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่ๆ
ตอนนั้นให้เอ็งรีบไปเข้าเฝ้า จะได้บรรลุกับเขาบ้าง
พระนาลกะเชื่อลุง ก็ออกบวชเป็นฤๅษีบำเพ็ญฌานรอ
ส่วนอสิตดาบส ฤๅษีกาฬเทวิล หรือ กบิลดาบส (เลือกซักชื่อ) ก็ไปเข้าป่าบำเพ็ญอีก 7 วันก็ตาย ไปเกิดเป็นพรหม
พระนาลกะก็โหมปฏิบัติเยี่ยงโยคี (นึกภาพโยคีเดี๋ยวนี้นี่แหละ) จนบรรลุฌานสมาบัติได้เกิดเป็นพรหมแน่ๆ
แต่ก็ยังรู้สึกว่า มันตั้องมีอะไรมากกว่านี้ เลยรอพระพุทธเจ้าตามที่ลุงบอก

35 ปีผ่านไป (รอนานม้าก) พระพุทธเจ้าตรัสรู้
พระนาลกะรู้ด้วยณานก็รีบเหาะมาเข้าเฝ้า ให้ประทานโมเนยยะปฏิบัติ (การปฏิบัติของมุนี)
เพราะตอนนั้นยังไม่มีระบบสงฆ์ (ก็ยังไม่มีพระสงฆ์นี่หว่า)
พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงประทานเป็นพระคาถาว่า (ก็ทรงพูดภาษาบาลี)
อย่าเที่ยวภิกขาจารในที่เดิมซ้ำ อย่านอนในที่เดิมซ้ำ
เพื่อไม่ตัดสินว่าใครดีชั่ว เพื่อไม่พิจารณาว่าที่นี้หยาบปราณีต
พระนาลกะได้รู้แล้วจึงอประทานการอุปสมบท (แต่ก็ไม่นับว่าเป็นพระสงฆ์รูปแรก เดี๋ยวเคลียร์ข้อนี้ให้)
พระนาลกะได้บวชแล้วก็ออกธุดงค์ ได้ประพฤติโมเนยยะปฏิบัติ อย่างอุกฤษ (แปลง่ายๆ ว่าโหมหนัก)
แต่ว่าด้วยความชรา  แล้วยังโหมหนัก รู้ว่าทำอย่างนี้อีก 7 วันจะตาย
เอาวะแค่ตายก็เลยประพฤติจนได้บรรลุพระอรหันต์
และพอรู้ว่าใกล้ตาย ก็หันไปทางทิศที่พระพุทธเจ้าอยู่ ทำการ ถวายอภิวาท และดับขันธ์ในท่ากราบ นั้นเอง

พระพุทธเจ้าจึงทรงยกย่องให้เป็นเอกทัตคะ(ผู้เป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง)ด้านการปฏิบัติโมเนยยะ นั่นแล


ถึงแม้จะได้รับเอหิภิกขุสัมปทาน(พระพุทธเจ้าบวชให้)เป็นคนแรก
แต่ว่าท่านประพฤติโมเนยยะ(เรียกอีกอย่างว่ามุนี ฟังง่ายกว่า)
ซึ่งเป็นวิถีนักบวชสายตึง ซึ่งมิใช่หนทางแห่งพุทธศาสนา (สายกลาง)
จึงไม่ได้นับท่านเป็นพระสงฆ์องค์แรกผู้ทำให้ครบพระรัตนไตร
(อ้อ ลืมบอกไป ไอ้การปฏิบัตโมเนยยะนี่ ทำแล้วตายนะครับ พระพุทธเจ้าไม่สนับสนุน)

ตำแหน่งนี้ก็เสร็จพระอัญญาโกณทัญญะไปในที่สุด
(แถมอีกนิด เดิมท่านชื่อโกณทัญญะเฉยๆ แต่ตอนปฐมเทศนา
ท่านโกณฑัญญะเกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน
พระพุทธเจ้าดีใจ อุทานว่า "อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ" แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ
ชื่อท่านก็กลาย "อัญญาโกณทัญญะ" หรือ โกณทัญญะผู้รู้ นับแต่นั้นสืบมา)
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
หน้า: 1 ... 153 154 155 156 157 158 159 [160] 161 162 163 164 165 166 167 ... 185
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!