อ่านคำตอบตัวเองหน้านู้น(สามปีก่อนนู้น)
เหมือนจะตอบไม่เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไร
เอาใหม่ๆ
ตอนเด็กๆประถม ชอบวาดรูป ชอบอ่านหนังสือ
ตั้งแต่ภาพความจำแรกๆของชีวิต ก็จำได้ว่าวาดรูปมาตลอด
ผู้ใหญ่ชมและพ่อแม่สนับสนุนมาตลอด จนทำอย่างอื่นไม่เป็น
มันเริ่มจริงจังขึ้นตอนที่ประเทศไทยเราเริ่มมีการ์ตูนเป็นของตัวเอง
หนังสือลายเส้น ของใครหว่า ที่ทำการ์ตูนซีโร่น่ะ
ต้องแก่มากๆนะครับถึงจะจำได้ เพราะตอนนั้นผมก็ป.3-ป.4 เอง
และถัดจากนั้น ก็มีหนังสือไทคอมิก ของวิบูลย์กิจ
ก็ฝากพี่เข้าไปซื้อในอำเภอเมืองเอา พออ่านแล้วก็เริ่มวาดเป็นเรื่องบ้าง
แต่ก็เท่านั้นแหละ ตอนป.5-ป.6 เลยเก็บตังที่มากที่สุดในชีวิต
220 บาท สมัครสมาชิก จะได้ไม่ต้องฝากใครเข้าเมืองไปซื้ออีก
ตอนนี้คงนึกไม่ออกใช่ไหมครับ ว่าการมีการ์ตูนที่คนไทยวาด
มันแปลกประหลาดตรงไหน บอกเลยมันประหลาดมากครับ
ตอนแรกผมรู้สึกแอบตลก ที่ตัวการ์ตูนในเรื่องมีชื่อว่าสมศักดิ์
ต่าย โต้ง ชื่อคนไทยน่ะ มันตลกมากครับที่มันไม่ใช่ชื่อญี่ปุ่น
ออกแนวรู้สึกเด๋อๆแทนน่ะ ให้ตายสิ บางคนที่วาดก็ยังให้ตัวละครชื่อญี่ปุ่นอยู่เลย
เขาบอกว่ารู้สึกมันไม่เข้าถ้าชื่อไทย บก.วุฒิต้องรณรงค์ให้วาด
ให้ตัวละครเป็นคนไทย โรงเรียนแบบในไทย และอะไรอีกหลายอย่าง
คิดว่าสองสามปีเหมือนกัน กว่ามันจะดูไม่เด๋อ กว่าทุกคนจะชิน
เรื่องการอ่าน ตอนป.4 จำได้ว่าบอกให้แม่ยืมหนังสือ
สงครามโลกครั้งที่สองมาให้อ่านตอนปิดเทอม
แล้วก็อ่านอะไรทำนองนั้นมาเรื่อยๆ ที่ชอบที่สุดอ่านตอนป.6
หนังสือศาสนาเปรียบเทียบ อ่านสนุกมากๆ ยังจำเนื้อหาได้จนทุกวันนี้
สอบเข้า ม.1 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช โรงเรียนประจำจังหวัดได้
เลยมาอยู่ในเมือง เริ่มต้นชีวิตการฟัง ซื้อเทปม้วนแรก
Metallica อัลบั้ม Load แล้วก็วาดการ์ตูนเรื่องส่งไทคอมิก
วาดทุกวัน นึกไม่ออกว่าหยุดวาดบ้างไหม เหมือนๆจะไม่เคย
แล้วก็ไปทำงานห้องสมุด จะได้ยืมหนังสือง่ายๆ ตกเย็นเตะบอล
หรือไปซ้อมดนตรีกับแก็งเกรียนๆ วัยรุ่นไม่ว่าสมัยไหนพออยู่รวมกลุ่ม
ก็มักจะทำตัวเกรียนๆกัน คิดว่าตัวเองเป็นงั้นเหมือนกันแหละ
คือว่าก็เหมือนๆวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปนี่แหะครับ เตะบอล เล่นดนตรี แต่งเพลง
แอบชอบหญิง มีเรื่องต่อยตีกันนิดหน่อย ตั้งแก๊งเที่ยวเล่นเกรียนๆกัน
สรุปว่าสนุกสนานสมวัยครับ เดี๋ยวจะว่าเอาแต่วาดรูปอ่านหนังสือ
อยู่ในโลกส่วนตัว โลกส่วนตัวก็มี แต่โลกส่วนรวมก็มาก
และก็เป็นคนชอบอยู่กับเพื่อนอีกต่างหาก
(หลังๆยิ่งเยอะใหญ่ เยอะจนเพลีย
)
ช่วงชีวิตมัธยมเนี่ย เงินทั้งหมดที่มีก็หมดไปกับการซื้อเทป
ตอนนั้นกระแสบริตป็อปกำลังดัง แต่การที่เด็กอย่างผม
ที่ได้ตังค์อาทิตย์ละสองร้อยบาท จะไปซื้อเทปเพลงสากล
ม้วนละ 95 บาทนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้การตัดสินใจที่ถี่ถ้วน
จึงต้องมีการศึกษา ก็มีแหล่งเดียวคือนิตยสารดนตรี
(ตอนนั้นอินเตอร์เน็ตมีแต่ไอซีคิว) มีมิวสิคเอ็กซเพรส ครอสโรดส์
บันเทิงคดีของมาโนช พุฒตาล หลงไหลหนังสือ
Generation Terrorists มากๆ วันๆถ้ากลับบ้าน
ก็จะหมกตัววาดรูป อ่านนิตยสารพวกนั้น แล้วก็กางปกเทป
ร้องเพลงตามม้วนเทปที่หมุนติ้วๆอยู่ในเครื่องเล่น
ไอ้หนังสือ Generation Terrorists เนี่ยกราฟิกมันเท่
แหกกฏความเป็นหนังสือมาก ทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกว่า
ยังไม่มีนิตยสารอะไรในไทยทำได้แบบนั้นอีกนะ
แล้วก็พวกปกเทปของ Suede, Manics, Radiohead ฯลฯ
มันเจ๋งมาก กราฟิกติสต์แดกมาก ตอนนั้นก็บังเกิด
ความอยากเป็นนักออกแบบขึ้นมาแล้ว สืบเนื่องมาจาก
คามชอบวาดรูปชอบศิลปะด้วยนั่นแหละ แต่จำเพาะเจาะจงแล้ว
ว่าอะไรในด้านศิลปะที่เราอยากเป็น สุดท้ายอายุ 15-16 นี่แหละ
ก็เขียนลงในสมุดบันทึกว่า "จะเข้ามัณฑนศิลป์"
พอคนเราชอบอะไรมากๆ มันก็ชักจะอยากจะเป็นยังงั้น
ขึ้นมาจริงๆใช่ไหมครับ ไอ้อยากออกแบบพวกนั้นก็อย่างนึงละ
แล้วตอนนั้นฟังพวกวงร็อคอังกฤษมาก
ก็อยากจะเป็น Generation Terrorists ขึ้นมาจริงๆ
(มันคือชื่อเพลงๆนึง)
ที่มันตลกมากคือ อายุที่เพิ่มขึ้นมา ก็ดันไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย
ทุกวันนี้ก็ยังทำตัวแบบนั้น และที่สำคัญ ไอ้ความชื่นชอบอุดมคติดนตรีในวัยนั้น
มันก็พาผมมาที่ประเทศนี้จนได้ในที่สุด ด้วยเหตุผลนี้เลยแหละ
เหมือนจะเป็นความชื่นชอบลมๆแล้งๆของเด็กหัวเกรียนคนนึง
แต่ผมก็ยังจริงจังกับความลมๆแล้งๆนั้น จนถึงทุกวันนี้นะ
ถึงอายุ 15 ละ
จบครับ