จากการเกริ่นนำไปเมื่อหลายโพสต์ที่แล้ว
หลังจาก เมื่อไม่กี่วันมานี่ผมแวะไปเยี่ยมพี่ๆที่ร้าน พี่เขาได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง.....
ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อ3-4ปีที่แล้วเรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้น ตอนนั้นเป็นที่ฮือฮาของคนในร้าน มาก
เป็นเรื่องเล่าหลังร้าน ...ที่มีมานานนม.... มันเคยเป็นที่ที่ ร้านอาหารหลายต่อหลายร้านมาเช่าเปิด
อยุ๋ในห้างแห่งหนึ่งย่านรังสิต ซึ่งไม่ใช่เมเจอร์และไม่ใช่โลตัส ....
แต่ผมไม่บอกชื่อนะครับว่าคือร้านไหน และห้างอะไร
มันเป็นร้านอาหารญ๊ปุ่นที่ผมเคยทำงานอยุ่ ซึ่งสัดส่วนของพื้นที่ร้านนี้ จะมีอยุ่ห้องหนึ่งที่เอาไว้เก็บของ
ติดกับครัวร้อน(หมายถึงครัวที่เอาไว้ทำอาหารพวก ต้มผัดแกงทอดหอมอร่อยในพริบตานั่นแหละครับ)
และเยื้องออกไปหลังร้านก็เป็นประตูหลังร้านที่ติดกับทางหนีไฟ เป็นที่ที่เอาไว้สำหรับพักผ่อนของพนักงาน...
ห้องเก็บของดังกล่าวนั้นเป็นที่ที่ พนักงานทุกคนที่ เข้างานโดยเฉพาะ พวกพ่อครัว
จะเข้าไปเปลี่ยนชุด ในตอนเข้างานและออกงานเป็นประจำ
ผมจะเล่าเหตุการณ์สดๆร้อนๆที่ได้รับฟังมาเมื่อไม่กี่วันนี้นะครับ
เนื่องจากเป็นร้านอาหารที่อยุ่ในห้างจึงต้องเปิดตามเวลาของห้าง แต่พนักงานในร้านนี้จะต้องมาเตรียมของตอนเจ็ดโมง
โดยใช้บัตรพนักงานเข้ามาแต่ด้วยการที่ห้างยังไม่เปิดไฟ ก็เลยออกจะดูมืดๆ
เหมือนฟ้ายังไม่สว่างอย่างไงอย่างงั้น แต่ ทุกเช้าก็จะมีคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเปิดร้านทุกเช้า
วันหนึ่ง พี่กุ๊กคนหนึ่ง ได้เข้ามาเปิดร้าน เขาเล่าว่าเขาเห็นผู้ชายตัวใหญ่ยืนอยุ่ตรงบาร์น้ำ
ซึ่งบาร์น้ำเนี่ยคือส่วนที่ยื่นออกมาจากส่วนของครัวร้อน และ เป็นช่องสำหรับออกออเดอร์เครื่องดื่ม
เป็นกระจกใสสามารถมองทะลุเข้าไปในครัวได้ เป็นจังหวะเดียวกับพี่กุ๊ก เดินเข้ามาดูให้แน่ใจ
เพราะพี่เขาสงสัยว่าจะเป็นขโมย แต่ด้วยแสงจากข้างนอกที่ส่องมาน้อยเห็นแค่ลางๆ
จึงมองไม่ค่อยชัดว่าเป้นใคร แต่พี่เขาบอกว่าตัวใหญ่มากยืนถอดเสื้อเห็นขอบกางเกงสีขาวพอพี่เขาเดินไปใกล้
ผู้ชายร่างใหญ่คนนั้นก็เดินหลบหายเข้าไป พี่กุ๊กก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวทันทีแล้วก็ไปเปิดไฟทุกดวงที่อยุ่ในครัวแล้วก็
มองหา ตอนนั้นพี่กุ๊กกลัวมากกลัวว่าจะเป็นขโมย เลยเอามีดที่วางอยุ่ที่อ่างล้างจานมาถือเอาไว้แน่นเลย แล้วก็เดินหาในครัว
คือช่วงที่เดินหาเปิดไฟสว่างมากนะครับ แต่ไม่เห็นใครเลย พี่กุ๊กก็เดินไปดูที่ประตูหลังที่ติดกับทางหนีไฟแต่ประตูหลังก็ล๊อกอยุ่
คนที่ถือกุญแจก็คือพี่กุ๊กเอง เขายังเล่าอีกว่า ตอนที่กำลังยืนอยุ่ที่ประตูหลังร้านกำลังยืนคิดอยุ่ว่าเมื่อกี้ใคร?
หางตาก็เผลอไปเห็นเงา ทางเข้าห้องเก็บของ พอถึงจุดนี้พี่กุ๊กเริ่มแน่ใจแล้วครับว่าตัวเองเจออะไร
เพราะเนื่องจากประตูห้องเก็บของก็มีแม่กุญแจดอกเบ่อเร่อล๊อกอยุ่ จะมีใครเดินเข้าไปได้ไงแต่พี่กุ๊กก็ชะเง้อ
ไปเปิดไฟตรงหน้าประตูห้องเก็บของแล้วก็รีบวิ่งมาหน้าร้าน เพราะความกลัว ก็เลยไปเปิดประตูหน้าร้านเรียกยามมาคุยด้วย
ผ่านไป อีก หนึ่งชั่วโมงก็มีพนักงานคนอื่นเข้ามาเข้างานต่อ.... วันนั้น สรุป พี่กุ๊กคนนั้นตอกบัตรเข้างานสาย
เพราะเครื่องตอกบัตรอยุ่หน้าประตูห้องเก็บของ ...........

พอผมได้ยินพี่กุ๊กคนนั้นเล่าให้ฟัง ผมก็นึกขึ้นได้ว่า บริเวณห้องเก็บของของร้านนี้
กับอีกสามร้านที่ผมเคยทำ มันตั้งอยุ๋ในบริเวณทำเลเดียวกันเนี่ย ก็มีเรื่องเล่ามากมายเหมือนกัน
แต่พี่กุ๊กคนนี้มาไม่ทัน ช่วงนั้น ........
ส่วนเรื่องเล่าที่ว่า ก็คือบางคนก็เห็น มีเงาเดินออกมาจากห้องเก็บของบ้าง
บางคนก็บอกนอนๆอยุ่ที่หลังร้านหรือทางหนีไฟ ก็โดนผีอำบ้าง
บางคนก็ นอนๆก็รู้สึกว่ามีคนมาเดินข้ามตัวบ้าง
แต่ผม ก็เปิดร้านคนเดียวบ่อยเหมือนกันนะ แต่ส่วนใหญ่ผมเปิดครัวซูชิ เลยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร
เพราะร้านเก่าผมต้องมาเปิดร้านสองคน คือครัวร้อนคนหนึ่ง ครัวซูชิคนหนึ่ง แต่ร้านใหม่นี่ไม่มีครัวซูชิ
ก็เลยซวยได้เปิดร้านคนเดียว ซวยไป 55+
แต่ นึกขึ้นได้เคยมีพี่คนหนึงเคยถูกขังอยูในร้าน ตอนปิดร้านเพราะว่าเมาหลับอยุ่ ทำไมถึงเมาหลับได้
ก็ลองไปอ่านในบล๊อกผมดูละกัน

โฆษณาแฝง
เรื่องเล่ามันเกิดขึ้นทั้งตอนเปิดร้านทั้งตอนปิดร้าน เยอะแยะไปหมด
ถามว่าผมกลัวมั้ย ผมก็กลัวนะ เวลาปิดร้านคนเดียวเนี่ยก็หวั่นๆเหมือนกัน
เพราะที่สุดท้ายที่จะไปก่อนกลับบ้านก็คือเครื่องตอกบัตรที่อยุ่ตรงประตูห้องเก็บของ
แล้วมันเสือกอยุ่ที่เดิมมา 3-4 ร้านแล้วด้วย...
