หน้า: 1 [2] 3 4 5
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว  (อ่าน 16397 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้







กลเช่นเล่นซักเสร้า                    เสพเผื้อนเฟือนเกษม ฯ


แอบอ้าง
ฮูเร่.. ไม่มีดาวแล้ว!! .. เชิญไปทำงานทำการต่อครับ


บันทึกการเข้า

งบน้อย
เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม    คมลา
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
เอ่อ.. มึนตึ้บ
เกิดอะไรขึ้นครับ
ทำอะไรกัน งั้นเหรอ
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
กุฏศพนบมานดา เกิดเกล้า
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
เดชะพระกุศลภา    พ้นโลก โอกฆเอย
บันทึกการเข้า

หมู หมา กา ไก่
ขี้หมู ขี้หมา ขี้กา ขึ้ไก่
คลิกแล้วมันส์สสส
เสวยศุกทุกค่ำเช้า   ช่องชั้นสวรรยางคฯ
บันทึกการเข้า
 ง่ะ

เอาอย่างนี้เลยเหรอ
บันทึกการเข้า

เอามั่ง

เชิงเลนเปนตลาดสล้าง  หลักเรือ
บันทึกการเข้า

♪ หากไม่ดูเป็นการรบกวน ~ ก็จะชวนเธอมารักกัน ♪
(เนื่องจากขี้เกียจกูเกิ้ล)

ตอนนี้ออกถึงเล่มไหนแล้วครับ
อย่าบอกนะว่า ..
เชิงเลนเปนตลาดสล้าง  หลักเรือ
จะเป็นนิยายวิทยาศาสตร์
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
พลาดแล้วพี่แอน

มีแค่เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว
จูรูญจรัศรัศมีพราว พร่างพร้อย

สองเล่มค่นี้แหละ ความจริงผมอ่านดูก็คิดว่าน่าจะจบแค่นี้
เว้นแต่จะด้นเรื่องสุนทรภู่ต่อไปเรื่อยๆ



มันปนโคลงอะไรซักอย่าง
แต่ผมไม่เคยอ่านของจริงเต็มๆ
บันทึกการเข้า

เอามั่ง
นิราศสุพรรณครับ

(๑) เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า..ดาดาว
จรูญจรัดรัศมีพราว..พร่างพร้อย
ยามดึกนึกหนาวหนาว..เขนยแนบ แอบเอย
เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย..เยือกฟ้าพาหนาวฯ

(๒) มหานากฉวากวุ้ง..คุ้งคลอง
ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง..ฝั่งน้ำ
คุกคิดมิศหมายครอง..สัจสวาดิ ขาดเอย
กล้าตกรกเรื้อซ้ำ..โศกทั้งหมางสมรฯ

(๓) ขอฝากซากสวาดิสร้อย..สุรธร
ไว้ที่ท่าสาคร..เขตนี้
ศาลาน่าวัดภร..พี่ฝาก มากเอย
ใครที่พี่เป็นผี้..พี่ให้อไภยเจริญฯ

(๔) จำร้างห่างน้องนึก..น่าสวน
สองฝ่ายชายหญิงยวน..ยั่วเย้า
หวังชายฝ่ายหญิงชวน..ชื่นเช่น เหนเอย
กลเช่นเล่นซักเสร้า..เสพเผื้อนเฟือนเกษม ฯ

(๕) เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม..คมลา
กุฏศพนบมานดา..เกิดเกล้า
เดชะพระกุศลภา..พ้นโลก โอกฆเอย
เสวยศุกทุกค่ำเช้า..ช่องชั้นสวรรยางคฯ

(๖) ๏ เชิงเลนเปนตลาดสล้าง..หลักเรือ
โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ..เกลื่อนกลุ้ม
หลีกล่องช่องเล็กเหลือ..ลำบาก ยากแฮ
ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม..ถี่ฆ้องสองยามฯ

(๗) แซ่เสียงเวียงราชก้อง..กังสดาน
หง่งหงั่งระฆังขาน..แข่งฆ้อง
สังแตรแซ่เสียงประสาร..สังขีด ดีดเอย
ยามดึกครึกครื้นก้อง..ปี่แก้วแจ้วเสียงฯ

(๘) วัดเลียบเงียบสงัดหน้า..อาราม
ขุกคิดเคยพญายาม..แย่งน้อง
รวยรินกลิ่นสไบทราม..สวาดร่วง ทรวงเอย
สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง..เพราะเจ้าเบาใจฯ

(๙) เจริญบุญสุรธรไว้..ให้สมร
สืบสวัสสัฐาภร..ผ่องแผ้ว
เชิญทราบกาพกลกลอน..กล่าวกลิ่น ถวินเอย
จำขาดชาตินี้แล้ว..คลาดน้องของสงวนฯ

(๑๐) วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง..เตียงนอน
เคยปกนกน้อยคอน..คู่พร้อง
เคยลอบตอบสารสมร..สมานสมัคร รักเอย
จำจากพรากนุชน้อง..นกน้อยลอยลมฯ

(๑๑) สาวแก่แม่ม่ายแม้น..มีคุณ
ขอเดชะพระวรุณ..ราชรู้
ยามดึกนึกส่งบุญ..แบ่งฝาก มากเอย
วัดช่วยอวยสวัสดิขู้..คิดพร้องสนองเพลงฯ

(๑๒) ยนฉนวนหวนนึกน้ำ..เนตรนอง
พระธินั่งบันลังทอง..ที่เฝ้า
ชำระพระนิพนสนอง..เสด็จสนิด ชิดเอย
สริ้นแผ่นดินปกเกล้า..กลับร้างห่างฉนวนฯ

(๑๓) แบ่งบุญสุรธรเชื้อ..ชิณวง
สืบซ่างทางพุทพง..ผ่องแผ้ว
ถวายพระหริรักทรง..สารภิเศศ เสวตรเอย
ลุโลกโมฆเมืองแก้ว..กิจร้ายหายสูรฯ

(๑๔) อีกองมงกุฎิเกล้า..เขากรุง
สืบกษัตรขัติยบำรุง..รอบแคว้น
ถวายพระอนิสงพดุง..พเดชเฟื่อง กเดื่องเอย
สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น..ขจัดผ้ายวายเขนฯ

(๑๕) ๏ ท่าช้างหว่างค่ายล้อม..แหล่งสถาน
ครั้งพระโกฎโปรฐประทาน..ที่ให้
เคยอยู่คู่สำราน..ร่วมเย่า เจ้าเอย
เหนแต่ที่หมีได้..ภบน้องครองสงวนฯ

(๑๖) วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า..เจ้าเอย
เคยอยู่ชูชื่นเชย..ค่ำเช้า
ยามนี้ที่เคยเลย..ลืมภัก พี่แฮ
ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า..คลาศแคล้วแล้วหนอฯ

(๑๗) คิดคำลำฦกไว้..ใคร่เตือน
เคยรักเคยร่วมเรือน..ร่วมรู้
อย่าเคืองเรื่องเราเยือน..ยามแก่ แม่เอย
ใครที่มีชู้ชู้..ช่วยช้ำคำโคลงฯ

(๑๘) เลี้ยวทางบางกอกน้อย..ลอยแล
บ้านเก่าเย่าเรือนแพ..พวกพ้อง
เงียบเหงาเปล่าอกแด..ดูแปลก แรกเอย
ลำฦกนึกรักร้อง..เรียกน้องในใจฯ

(นาคบริพันธ์)
(๑๙) ๏ สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม..อุ้มสนอม
ออมสนิทชิดกลิ่นหอม..กล่อมให้
ไกลห่างว่างอกตรอม..ออมตรึก รฦกเอย
เลยอื่นขึ้นครองไว้..ใคร่หว้าหน้าสวนฯ

(๒๐) ยนย่านบ้านบุตั้ง..ตีขัน
ขุกคิดเคยชมจรร..แจ่มฟ้า
ยามยากหากปันกัน..กินซีก ฉลีกแฮ
มีคู่ชูชื่นหน้า..นุชปลื้มลืมเดิมฯ

 (๒๑) เสียดายสายสวาดโอ้..อาวร
รักพี่มีโทษกร..กับน้อง
จำจากพรากพลัดสมร..เสมอชีพ เรียมเอย
เสียนุชดุจทรวงต้อง..แตกฟ้าผ่าสลายฯ

(นาคบริพันธ์)
(๒๒) เคราะกำจำห่างน้อง..ห้องนอน
หวนนึกดึกเคยวอน..ค่อนหว้า
คิดไว้ไม่ห่างจร..ห่อนจาก
หากจิตรมิศหลายหน้า..ล่าน้องหมองหมางฯ

(๒๓) เดือนตกนกร้องเร่ง..สุริยง
เยี่ยมยอดยุคุนททรง..ส่องฟ้า
เดือนดับลับโลกคง..คืนขึ้น อีกเอย
จันพี่นี้ลับหน้า..นับสริ้นดินสวรรฯ

(๒๔) วัดปขาวคราวรุ่นรู้..เรียนเขียน
ทำสุรทสอนเสมียน..สมุทน้อย
เดินรวางรวังเวียน..หว่างวัด ปขาวเอย
เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย..สวาดิห้างกลางสวนฯ

(๒๕) เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง..แรมโรย
โอ้อกอาดูรโดย..ทเวดด้วย
ดูสวรป่วนจิตรโหย..หาดอก สร้อยเอย
แลลับกลับชาติม้วย..ไม่ได้ใกล้กลายฯ

(๒๖) บางบำรุบำรุงแก้ว..กานดา
แก้วเนตรเชษฐาชรา..ร่างแล้ว
ถือบวดตรวจน้ำภา..ภพชาติ อื่นเอย
ชาตินี้พี่แคล้ว..คลาศค้างห่างสมรฯ

(๒๗) บางรมาดมิ่งมิดครั้ง..คราวงาน
บอกบทบุญยังพยาน..พยักหน้า
ประทุนประดิศถาน..แทนฮ่อง หอเอย
แหวนประดับกับผ้า..พี่อ้างรางวันฯ

(๒๘) สงสารสายเนตรน้อง..นองชล
ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน..เฟ่าน้อง
จวนรุ่งร่ำสอื้นจน..เฟ่าน้อง
คราวเคราะเพราะน้องต้อง..พยุกล้าสลาตันฯ

(๒๙) สวรหลวงแลสล่างล้วน..พฤกษา
เคยเสด็จวังหลังมา..เมื่อน้อย
ข้าหลวงเล่นปิดตา..ต้องอยู่ โยงเอย
เห็นแต่พลับกับสร้อย..ซ่อนซุ้มคลุมโปงฯ

(๓๐) วัดพิกุนกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง..กลอยใจ
แรกรุ่นรวยมาไล..ไส่เหล้น
เรียนร้อยค่อยสอดไหม..เหมือนแน่ และเอย
ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น..นวดฟั้นท่านครูฯ

 (๓๑) บางขวางข้างเขตแคว้น..แขวงนน
สองฟากหมากมพร้าวผล..พรรไม้
หอมรื่นชื่นเช่นปน..แป้งประ ปรางเอย
เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้..กลิ่นเนื้อเจือจรรฯ

(๓๒) เชิงสวรล้วนรักน้ำ..คล้ำไคล
ลูกดกรกเรื้อไบ..บิดพลิ้ว
รักร้ายฝ่ายตนไกล..กลัวรัก นักเอย
เดจลูกถูกยางนิ้ว..หนิดเนื้อเหลือดันฯ

(๓๓) บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง..บุญทาน
ส่งนิ่มนุชนิพพาน..ผ่องแผ้ว
จำจากพรากพลัดสถาน..ทิ้งพี่ หนีเอย
เห็นแต่คลองน้องแคล้ว..คลาศเลื่อนเดือนปีฯ

(๓๔) บางศรีทองคลองบ้านเก่า..เจ้าคลอง
สีเพชผัวสีทอง..ถิ่นนี้
เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง..สำเหนียก นามเอย
คลองคดลดเลี้ยวชี้..เช่นไสร้ไสทองฯ

(๓๕) ล่วงทางบางบ้านเรียด..ริมชลา
สองฝั่งพรั่งพฤกษา..สลับสล้าง
ไม้ปลูกลูกดอกดา..ดกดาษ กลาดเอย
ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง..ขอบคุ้งฟุ้งขจรฯ

(๓๖) รอกแตแลลอดเลี้ยว..โลดโผน
นกหกจกจิกโจน..จับไม้
ยางเจ่าเหล่ายางโทน..ท่องเที่ยว เหยี่ยวเอย
โฉบฉาบคาบปลาได้..ด่วนขึ้นกลืนกินฯ

(๓๗) บางกร่างข้างคุ้งค่าม..เขตคลอง
บางขนุนขุนกอง..ก่อสร้าง
ของสวนส่วนเจ้าของ..ขายน่า ท่าเอย
สาวแก่แม่ม่ายบ้าง..บกน้ำลำเรือฯ

(๓๘) โรงหิบหนิบอ้อยออด..แอดเสียง
สองข้างรางรองเรียง..รับน้ำ
อ้อยไส่ไล่ควายเคียง..คู่วิ่ง เวียรเอย
อกพี่นี้ชอกช้ำ..เช่นอ้อยย่อยรยำฯ

(๓๙) หีบหันนั้นและเหล้..กระลาการ
ขู่ข่มเหงหักหาร..ห่อนเว้น
เข้าพวกคิดอ่านพาล..เอาผิด พ่อเอย
กลหีบหนิบนิดเน้น..นึกช้ำน้ำใจฯ

(๔๐) บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน..สวนไสว
เวียงชื่อศรีท้าวไท..ท่านตั้ง
เวียงราชคลาดแคล้วไกล..กลับรฦก นึกเอย
ยามยากจากเมืองทั้ง..ถิ่นปลื้มลืมกเษมฯ

 (๔๑) บางม่วงทรวงเศร้าคิด..เคยชวน
ม่วงเกบมม่วงสวน..ศุกรย้า
ม่วงอื่นรื่นรันจวน..จิตไม่ ใคร่แฮ
ม่วงหม่อมหอมห่วนหน้า..เสน่เนื้อเจือจรรฯ

(๔๒) จันต้นผลห่ามให้..หวนหอม
แมลงภู่วู่เวียนตอม..ไต่เคล้า
เพียงพี่ที่สุดถนอม..เสน่ห์แจ่ม จรรเอย
พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า..โศกร้างห่างจรรฯ

(๔๓) ล่วงทางบางใหญ่บ้าน..ด่านคอย
เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย..เลื่อนช้า
สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย..เพลินชื่น ชมเอย
แลเหล่าชาวสวนหน้า..เสน่ห์น้องคลองสนอมฯ

(๔๔) คลองคดลดเลี้ยวล้วน..หลักตอ
เกะกะรเรือรอ..ร่องน้ำ
คดคลองช่องแคบพอ..พายถ่อ พ่อเอย
คนคดลดเลี้ยวล้ำ..กว่าน้ำลำคลองฯ

(๔๕) ล่วงย่านบ้านวัดร้าง..เรือนโรง
ตกทุ่งถึงคลองโยง..หย่อมไม้
วัดใหม่ธงทองโถง..ที่ติด ตื้นแฮ
ควายลากฝากเชือกไขว้..เคลื่อนคล้อยลอยเลนฯ

(๔๖) คนขี่ตีต้อนเร่ง..รันควาย
ถอนถีบกีบกอมตกาย..โก่งโก้
เหนื่อยนักชักเชือกหงาย..แหงนเบิ่ง เบือนแฮ
คนหวดปวดป่วนโอ้..สอึกเต้นเผ่นโผนฯ

(๔๗) ทุกข์ใดในโลกล้น..ล้ำเหลือ
ไม่เท่าควายลากเรือ..รับจ้าง
หอบฮักจักขุเจือ..เจิ่งชุ่ม ชลเอย
มนุษย์ดุจติดค้าง..เฆี่ยนเร้าเอาเงินฯ

(๔๘) สังเวชเหตุด้วยทรัพย์..ศฤงคาร
พาสัตว์วัตนสงสาร..โศกเศร้า
ตรวดน้ำร่ำศีลทาน..ทั่วสัตว์ สวัสดิ์เอย
จงสุขทุกค่ำเช้า..ชาติพ้นชนมานฯ

(๔๙) ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย..เฟือยแขม
คาแฝกแซกเซียดแซม..ซับซ้อน
ในพุ่มกุ่มกกแกม..กอย่า รย้าแฮ
นกหกวกเวียนหว้อน..วิ่งเต้นเผ่นโผนฯ

(๕๐) นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง..ทุ่งนา
คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา..ปากโง้ง
ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา..เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ
ศีรษะกระกรุมโล้ง..เล่ล้านบ้านเราฯ

 (๕๑) นกกทุงฝูงใหญ่กลุ้ม..กลางหนอง
ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง..คู่เคล้า
คิดเช่นเล่นลำคลอง..คลอนุช น้อยเอย
สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า..ฝึกน้องคล่องใจฯ

(๕๒) กาน้ำดำแหวกหว้าย..วาริน
คาบขยอกขแยงกิน..เก่งแท้
เด็กโห่โผล่พลุนบิน..บ่เปียก ปีกแฮ
ยางกรอกดอกบัวแซ่..สนั่นร้องซ้องเสียงฯ

(๕๓) กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน..เวหา
ร่อนร่ายหมายมัจฉา..โฉบได้
ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา..กินสัตว์ สูเอย
โจมจับปรับไหมใช้..เช่นข้าด่าตีฯ

(๕๔) ยางเจ่าเซาจับจ้อง..จิกปลา
กินเล่นเป็นภักษา..สุขล้ำ
กระลาการท่านศรัทธา..ถือสัตย์ สวัสดิ์แฮ
บนทรัพกลับกลืนกล้ำ..กล่าวคล้ายฝ่ายยางฯ

(๕๕) ออกแควแม่น้ำปาก..คลองโยง
แตนด่านบ้านเรือนโรง..เรียดคุ้ง
ชื่อลานตากฟ้าโถง..ทุ่งรอบ ขอบแฮ
เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง..ฟากฟ้าสากลฯ

(๕๖) ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง..ตากปลา
แต่ปากว่าตากฟ้า..เฟื่องฟุ้ง
กว้างขวางทร่างวัดวา..ไว้ช่อง คลองแฮ
ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง..ยอดแย้มแซมไสวฯ

(๕๗) รอนรอนอ่อนอกโอ้..อัสดง
เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง..ลับฟ้า
มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง..พี่เปลี่ยว เดียวเอย
เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า..นึกคร้ามหวามถวิลฯ

๕๘) ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง..เขตคัน
ย่อมย่านบ้านกระจันจรร..กจ่างฟ้า
เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน..โศกสอื้น อกเอย
จรรอื่นชื่นแต่หน้า..ใช่เนื้อเจือจรรฯ

(๕๙) ลำภูดูหิ่งห้อย..พรอยพราย
เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย..รอบก้อย
วับวับจับเนตรสาย..สวาดิสบ เนตรเอย
วับเช่นเห็นหิ่งห้อย..หับหม้านนานเห็นฯ

(๖๐) ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม..โขลงหลวง
หมอเท่าเจ้าเล่ลวง..ล่อคล้อง
ใช้เล่นเช่นกับดวง..เนตรนุช พี่เอย
บ่วงรักดักพี่ต้อง..ติดให้ใช้แรงฯ

 (๖๑) ล่องทางบางบ้านส..ศรีธร
แปรชื่อครือจรรจร..แจ่มแจ้ง
เรือนตั้งฝั่งสาคร..คนเงียบ เลียบแฮ
บ้านไร่ใครหนอแกล้ง..กล่าวอ้างอย่างจรรฯ

(๖๒) ยามดึกครึกครื้นลั่น..ลมฝน
ถึงย่านบ้านขโมยมล..มืดคลุ้ม
จรเข้เร่คำรน..ร้องฮุ่ม ฮูมแฮ
มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม..แข่งขู้ฟูลอยฯ

(๖๓) ราตรีหนีตเข้เค่า..บ้านขโมย
เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย..ด่วนพุ้ย
ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย..ปรายสัต สนัดแฮ
ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย..มุ่งทุ่มกุมภาฯ

(๖๔) น่ากลัวตัวตเค่ขู้..ฟูขนอง
ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง..ฟ่องเฟื้อย
เคียงคู่สู่สมสอง..สังวาด สวาดแฮ
ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย..เล่นน้ำปล้ำขนองฯ

(๖๕) เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง..มองมัน
ว่าตเข้ขบกัน..ปกับท้อง
บูรานท่านว่าสัน-ดานสัตว์ กำหนัดแฮ
ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง..ติดค้างนางเมียฯ

(๖๖) หนีศึกว่าปะซุ้ม..เซิงเสือ
ได้กับเราแล้วเหลือ..หลากล้ำ
หลบตเข้เค่าจอดเรือ..ริมเขต ขโมยแฮ
บกก็เสือเรือซ้ำ..สัตเข้เฉโกฯ

(๖๗) รุ่งเช้าเบาอกสริ้น..โศรกสบาย
ลาย่านบ้านขโมยหมาย..มุ่งข้าม
น้ำขึ้นรื่นลมชาย..เฉื่อยส่ง ตรงเอย
ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ..สัตว์น้ำคล่ำขนองฯ

(๖๘) บางปลาตาบ้านอยู่..หญิงชาย
สองฮ่องสองเรือนราย..ร่ายกล้วย
ชาวป่าน่านอนสบาย..บ่ครั่น ตวันเอย
มีคู่อูเข้าด้วย..ดั่งนี้ที่สบายฯ

(๖๙) ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม..เซิงหนาม
สองฝั่งรังรำราม..รกเรื้อ
แพงพวยผักบุ้งงาม..งอนทอด ยอดเอย
บนบกนกกับเนื้อ..หว่างไม้ไผ่สลอนฯ

(๗๐) บางปสีที่ถ่านตั้ง..ตวงซาย
เผาไผ่ไม้ซากราย..เรียดถ้า
หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย..เช่นพูด อูดเอย
ดำทมื่นทื่นหน้า..แนบน้องลองโลมฯ

(๗๑) นาวาคลาเคลื่อนคล้อย..ลอยลำ
ล่วงย่านบ้านบางรกำ..รกไม้
สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ..แทงพวก ฉมวกแฮ
ปลาติดปลิดปลดได้..ดุกต้องช่อนชโดฯ

 (๗๒) บางยุงคุ้งลาดล้วน..เหล่าควาย
ลงปลักทลักทลาย..เล่นน้ำ
ดำผุดฟูดฟาดหงาย..แหงนเบิ่ง เทิ่งแฮ
ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ..ปล่อยห้อยอควายฯ

(๗๓) เขาควายรายร่องนิ้ว..นิทาน นานเอย
ว่าพญาพาลีทยาน..ยุดพลิ้ว
ศีรษะกระบือกระบาน..บั่งบั่ง ยังแฮ
นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว..เหนี่ยวเน้นเห็นรอยฯ

(๗๔) บ้านไซไซใหญ่ย้อย..สร้อยไสว
คิดเช่นเล่นต้นไซ..แซ่ซ้อง
ผูกกิ่งชิงช้าไกว..แกว่งชัก เชือดเอย
เคยขี่พี่กับน้อง..แนบเนื้อเจือใจฯ

(๗๕) เลยทางบางบ้านแห่ง..หินมูล
เดิมว่าเตาเผาปูน..ป่นไว้
อาภัพลับชื่อสูร..เสียเปล่า เราเอย
อกพี่นี้และได้..ดุจอ้างอย่างปูนฯ

(๗๖) ถึงคลองร้องเรียกบ้าน..บางหลวง
ลำฦกนึกถึงดวง..ดอกฟ้า
เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง..แสนเทวษ ทุเรศเอย
อุ้มรักหนักอกถ้า..เทียบเถ้าเขาหลวงฯ

(๗๗) บางน้อยพลอยนึกน้อย..น้องเอย
น้อยแนบแอบอกเคย..คู่เคล้า
เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย..เชือนชื่น อื่นแม่
น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า..จิตรน้อยลอยลมฯ

(๗๘) บางหวายท้ายคุ้งช่อง..คลองมี
แดนนครไชยศรี..สุดสริ้น
เข้าแดนสุพรรณบุรี..รื้อเปลี่ยว เดียวเอย
ทุ่งท่าป่ายุงริ้น..รกเรื้อเบื่อชมฯ

(๗๙) ชุมนักผักตบซ้อน..บอนแซง
บอนสุพรรณหั่นแกง..อร่อยแท้
บอนบางกอกดอกแสลง..เหลือแหล่ แม่เอย
บอนปากยากจะแก้..ไม่สริ้นลิ้นบอนฯ

(๘๐) บางสามศาลเจ้าทร่าง..ปางหลัง
อารักศักดิ์สิทธิ์วัง..แว่นแคว้น
สุขีที่ข้าหวัง..วานช่วย ด้วยแฮ
กำจัดศัตรูแม้น..มุ่งร้ายตายเองฯ

(๘๑) ถึงบ้านด่านดักตั้ง..ฝั่งกระแส
สองพี่น้องคลองแคว..ค่ามคุ้ง
ตลิ่งตลิบโตล่งแล.. ตานสลับ สล้างเอย
สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง..ถิ่นอ้อกอแขมฯ

(๘๒) ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง..ธารา
ลอยเล่นเห็นคนถลา..หลบสริ้น
สลิดสลาดสลับปลา..ช่อนดุก พลุกแฮ
กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น..กระโดดเหล้นเห็นตัวฯ

(๘๓) นานาปลาว่ายเคล้า..คลอเรือ
สีเสียดซิวกระโสงเสือ..ซ่าสร้อย
เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ..หลายหลาก มากเอย
กริมกระตรับนับร้อย..เร่หว้ายรายเรียงฯ

(๘๔) แก้มช้ำดำที่แก้ม..แต้มดำ
ดูเคลื่อนเหมือนจนำ..แนะน้อง
แรกรักปรักปรางประจำ..จุมพิต นิดเอย
ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง..แต่งแต้มแก้มสมรฯ

(๘๕) เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ..น้องหญิง
อ่อนแอบแนบอกอิง..อุ่นล้ำ
นวลจันนั่นนวลจริง..แต่ชื่อ ฦาเอย
นวลที่พี่กลืนกล้ำ..กลิ่นเนื้อเหลือนวลฯ

(๘๖) ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ..หวดหาง
ฮืดฮาดฟาดโผงผาง..พ่นน้ำ
ปลาค้าวเหล่าสวายคาง..เบือนบิด เบี้ยวแฮ
กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ..เคลื่อนคล้อยลอยแลฯ

(๘๗) บางซอกอไผ่ล้อม..หลายกอ
บ้านบ่มีสีซอ..สักน้อย
เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ..พยุโยก โชกแฮ
ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย..เอื่อยอ้อซออินทร์ฯ

(๘๘) ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้..อาทวา
สองฝั่งฝ่ายวิหกา..กู่ก้อง
เร่ร่อนว่อนเวหา..หาเหยื่อ
นกเถื่อนเหมือนจะร้อง..เรียกให้คนชมฯ

(๘๙) ถึงที่สีสนุกนั้น..น้องเอย
สนุกแต่ชาวบ้านเคย..ค่ำเช้า
พวกพี่ที่จากเชย..ชวดสนุก ทุกข์แม่
สนุกที่ดูสูเจ้า..สนุกเถ้านั้นเองฯ

(๙๐) ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย..เฟือยตวาง
ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง..กลบน้ำ
ซ้อนซับทับถมทาง..ที่แคบ
เรือขัดตัดฟันค้ำ..ค่อยกว้างทางจรฯ

 (๙๑) แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้..ไรราย
ถึงย่านบ้านตเภาทลาย..ทลุท้อง
เดิมที่นี่เป็นชาย..ทเลหาด ลาดแฮ
เรือสัดพลัดมาต้อง..ติดเข้าตเภาทลายฯ

(๙๒) แลลิ่วทิวทุ่งต้น..ตานราย
ลิบลิบลมปลิวปลาย..ไปล่แปล้
เล่คนคัดปีกฉาย..เฉิบเช่น เห็นแฮ
เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ..พิศให้ใจเพลินฯ

(๙๓) บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ..ลำคลอง
คนเหล่าเชาปมงมอง..มุ่งข้า
สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง..ปิดเรือก เฝือกแฮ
เหม็นเน่าคาวปลาร้า..เรียดคุ้งคลุ้งโขลงฯ

(๙๔) ริมน้ำทำทีขึ้น..ขอดปลา
เกล็ดติดตัวตีนตา..ตมูกแก้ม
คิดคู่สู่เสน่หา..หอมชื่น รรื่นเอย
โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม..ติดเนื้อเหลือหอมฯ

(๙๕) บางสแกแลสล่างงิ้ว..ทิวราย
เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย..แช่มช้อย
งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย..สวาดิเช่น เห็นเอย
งิ้วพี่ที่แน่งน้อย..นึกหน้าอาไลยฯ

(๙๖) ยามยลต้นงิ้วป่า..หนาหนาม
นึกบาปวาบวับหวาม..วุ่นแล้ว
คงจะปะงิ้วทราม..สวาดิเมื่อ ม้วยแฮ
งิ้วกับพี่หมีแคล้ว..คึ่นงิ้วลิ่วสูงฯ

(๙๗) ถึงบ้านคันชั่งแท้..เที่ยงตรง
เพียงพี่ที่ดำรง..รักน้อง
เคยคู่ซู่ซื่อตรง..สัจคิด สนิทเอย
ยามยากจากพวกพ้อง..พี่ให้ใจหายฯ

(๙๘) เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย..เฟือยไสว
พงไผ่ไม้รำไร..รอบคุ้ง
แลขวาป่าแฝกไฟ..ฟอนเรียน เกรียนแฮ
ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง..ถิ่นกว้างวางเวงฯ

(๙๙) ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม..ตามแหลม
วัดเก่าเศร้าโทรมแรม..รกร้าง
ผู้ใดไม่ซ่อมแซม..สร้างวัด สวัสดิ์เอย
เพียงพี่ที่อ้างว้าง..ทเวทให้ใจหายฯ

(๑๐๐) ลมตกนกว้าว่อน..ร่อนบิน
โฉบฉาบคาบปลากิน..กู่ก้อง
ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน..เดินซ่อง มองแฮ
ถิบถ่อกรอปีกจ้อง..จ่อมน้ำปล้ำปลาฯ

(๑๐๑) ถึงบางนางแม่หม้าย..ไร้ผัว
เปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองมัว..หม่นไหม้
คราวใครใคร่ฝากตัว..ต่อม่าย หมายเอย
พร้อมจิตคิดจะได้..ดับหม้ายกลายมีฯ

(๑๐๒) ตวันออจรเข้ฟู่..คู่เคียง
ยาวใหญ่ไล่เรือเรียง..เราะท้าย
เด็กตวาดผาดแผดเสียง..แซ่สุ่ม ขยุมเอย
มันบ่หยุดผุดหว้าย..วู่คว้างขวางเรือฯ

(๑๐๓) เดชะพระพุทธิเจ้า..เข้าฌาน
เคยชนะพญามาร..แม่นแล้ว
รฦกถึงจึ่งบันดาน..ดุจเช่น เห็นแฮ
จรเค่เหห่างแคล้ว..คลาดคล้อยถอยหนีฯ

(๑๐๔) ถึงช่องคลองน้ำชื่อ..กฤษณา
เข้าตอกออกดอกตำรา..ว่าไว้
คิดสบพบถ้ำมหา..สนุกแน่ แม่เอย
นึกจะปลงคงได้..กระดากเจ้าเฝ้าหวงฯ

(๑๐๕) บางเลนเป็นที่หลุ้ม...แหล่งปลา
แปลงปลักคลักคงคา..ขุ่นข้น
ไทเจ๊กเดอใหญ่พา..พวกซ่อน ช้อนเอย
บุญส่งจงหลีกพ้น..ทุกถั้วตัวปลาฯ

(๑๐๖) บางบัวบ้านชื่อพร้อง..สนองนำ
นึกเช่นเห็นบัวคำ..คู่พร้อง
เค่าเหนียวเกี่ยวมาทำ..แทนเค่า เจ้าเอย
คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้อง..ขัดค้างขวางเชิงฯ

(๑๐๗) ลมเรื่อยเฉื่อยชื่นใช้..ใบดลา
ถึงย่านบ้านดารา..รกเรื้อ
สองเรือนเพื่อนพูดจา..เจ่านั่ง รวังเอย
คิดใคร่ได้ชิดเชื้อ..ช่วยเฝ้าเหย้าเรือนฯ

(๑๐๘) ใบร่มลมเรื่อยแหล้น..ลีลา
เหล่าหนุ่มชุ่มชื่นพา..เพื่อนร้อง
อิเหนาเค่ามลกา..กลเม็ด มากแฮ
ฟังเสนาะเพราะพร้อง..พรักพร้อมซ้อมเสียงฯ

(๑๐๙) ถึงชีปขาวย่านบ้าน..โบรำ
ชีไม่เห็นกาดำ..ตื่นร้อง
เชาบ้านย่านนั้นทำ..แทงพวก ฉมวกแฮ
ซางแต่คำพร่ำพร้อง..ชื่อนี้ชีปขาวฯ

(๑๑๐) ขาวอื่นหมื่นสิ่งล้วน..นวลขาว
แพรพ่าฟ้าดินดาว..ดุจพร้อง
ขาวดูครู่เดียวคราว..หนึ่งเบื่อ เหลือแฮ
ขาวบ่เบื่อเนื้อน้อง..น่วมนิ้วผิวขาวฯ

มันมีมากกว่า 300 บท
แต่เว็บ pixiart มันมีแค่ 300 บท
ืที่เหลือคงถอดใจก่อน
แต่เว็บ pixiart มันจัดหน้าเป็นตาราง เลยก็อปมาลำบาก
ได้มาจากเว็บนี้
http://peseenam.com/webboard/01237.html
มันมีถึง 110 เลยได้แค่นี้

อย่างน้อยตัดหนทางปั่นไป 420 โพส  ฮี่ๆ
บันทึกการเข้า

หมู หมา กา ไก่
ขี้หมู ขี้หมา ขี้กา ขึ้ไก่
คลิกแล้วมันส์สสส
พลาดแล้วพี่แอน

มีแค่เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว
จูรูญจรัศรัศมีพราว พร่างพร้อย

สองเล่มค่นี้แหละ ความจริงผมอ่านดูก็คิดว่าน่าจะจบแค่นี้
เว้นแต่จะด้นเรื่องสุนทรภู่ต่อไปเรื่อยๆ



มันปนโคลงอะไรซักอย่าง
แต่ผมไม่เคยอ่านของจริงเต็มๆ



ง่ะ อารมณ์ขันครับ
ถ้าอ่านเดือนช่วงฯ ก็จะทราบว่ามาจากนิราศสุพรรณ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
อยากแต่งโคลงเก่งๆ มันดูดีกว่ากลอนแปดเยอะเลย
ติดตรงเอกเจ็ดโทสี่ตลอด เหนื่อยฉิบ


ตอบพี่แอน
ผมอ่านจนลืมไปแล้ว จริงๆนะ ไม่ใช่อารมณ์ขัน
ช่วงหลังอ่านหนังสือหนักหัว อ่านเยอะก็ลืมเยอะ  ง่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 เม.ย. 2006, 09:37 น. โดย เต่า » บันทึกการเข้า

เอามั่ง
ไม่ยาก จมปลักอยู่กับมันพักนึง
พยายามอย่าไปขุดคลังคำยากๆ แบบศัพท์แสงบรรลือโลกอะไรงั้น
แล้วจะรู้ว่ามันไม่ยากจริงๆ ลันล้า
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ไม่รู้สิ แต่ว่าแต่งโคลงให้สวยไม่ได้

มีคนบอกว่าง่ายเยอะ แต่พยายามมาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้ดีๆซักบทเลย
ตอนนี้หันกลับมารื้อฟื้นวาดรูปแทน แทบจะลืมไปหมดละ

ลืมง่ายนี่เกี่ยวกับอายุมากรึเปล่าครับ
บันทึกการเข้า

เอามั่ง
หน้า: 1 [2] 3 4 5
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!