หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 ... 34
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมเนียมของภาพยนตร์  (อ่าน 114573 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
 กรี๊ดดดดด ว้าย เห็นด้วยด้วยคนได้มะ
เมื่อกี้เจ๊ดาก็มาถามในเอ็มเหมือนกันว่ารู้สึกไง

มันบอกไม่ถูกอ้ะ
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
ที่โรงหนังพัทยา ก็มีชาวต่างชาติที่ไม่ยืน แต่แฟนคนไทยก็บอกให้ลุก

เค้าก็หันหลังมาดู เลยตกใจรีบลุกยืนขึ้นทันที พอจบเพลงสรรเสริญปุ๊บ

พี่แกคงประทับใจมาก ก็เลยตบมือซะดังลั่น แล้วตะโกนพูดเป็นภาษาอะไรออกมาไม่รู้ คงประมาณว่ายอดเยี่ยมอะไรแบบนี้เนี่ยแหละ  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

หนังเย็บมือ Homemade www.facebook.com/oxhour
เรื่องนี้พูดยากแฮะ พวกบอกว่ายืนทำไมก็อ้างสิทธิ (ที่ออกจะเกินไป)

พอบอกว่าทำไมไม่ลุกอย่างงู้นอย่างงี้ก็โดนพวกที่ไม่ลุกก็หาว่า Royalism  หน้ามึน

ที่บอร์ดโรงเรียนผมก็มีพวก(รุ่นพี่)คิดต่างแบบหัวตะวันตกเยอะอยู่ เห็นแล้วก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปร่วมด้วยเท่าไหร่ แอบกลัวอยู่เล็กๆ

เชิญทัศนาได้ครับ : http://www.suanboard.net/view.php?p=view&kid=48174
บันทึกการเข้า
สิทธิเสรีภาพ กับ กาลเทศะ บางทีก็ขัดกัน

อย่างที่อ่านๆข่าวเรื่องนี้มาบ้าง ผมคิดว่า การยืนตรงสงบนิ่ง เมื่อเพลงแห่งลัทธิอำนาจนิยมดังขึ้น ถือเป็นประเพณีจารีตที่ควรปฏิบัติตามสังคมไทย
เพื่อทำความเคารพสถาบันปกครองที่มอบอำนาจให้แก่ภาคประชาชน และให้อธิปไตยแก่ประชาชนให้เจริญก้าวหน้านำหน้า

โดยไม่ได้บีบบังคับ และเต็มใจด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณา และ ชาติบ้านเมืองที่เราเคารพรักจริงๆจากใจ

ทุกครั้งที่เพลงแบบนี้ดังขึ้น สิ่งนึงที่ผมรู้สึกคือ เราเป็นอิสระจากอำนาจนิยมแล้วครึ่งตัว เราสามารถพัฒนาตามแนวทางที่ร่วมกันได้แล้ว
รำลึกถึงความเสียสละอันใหญ่หลวงของสถาบันปกครองในอดีตที่หล่อหลอมให้เรามีวันนี้ วันที่อำนาจอธิปไตยอยู่ในความวบคุมของชาวไทยทุกคน

หากแต่สิทธิเสรีภาพทำให้เราลุ่มหลงมันมากไปจนไม่สนใจวัฒนธรรมประเพณีความเป็นมา กาลเทศะ
มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง การทำตัวแปลกแยกมิใช่การแสดงว่าเป็นบุคคลที่มีเสรีภาพแต่อย่างใด

การที่โลกเปลี่ยนแปลง แปลว่าเกิดการพัฒนา
อีกหน่อยเราอาจยืนตรงกับทุกบทเพลงตามที่ยกมาเพิ่ม เพื่อ ความมั่นคง ยามชาติบ้านเมืองแบ่งแยก
หรือ เราอาจไม่ต้องยืนตรงหรือฟังเพลงอะไรก็ได้ สนใจหรือไม่สนใจก็ได้ ตามระดับสังคมที่พัฒนาไปในทางใด

ถ้าวันนี้ผมไปดูหนัง ในโรงหนังอันเป็นที่สาธารณะ การยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญ เป็นสิ่งที่ควรทำ ตามจิตสำนึก ที่ผมจะกระทำ
เพียงเพื่อย้ำเตือนตัวเองว่า ประเทศไทยนี้ มีทุกฝ่ายร่วมไม้ร่วมมือกันเพื่อชาติบ้านเมืองของเราทุกคน ภายใต้รัฐธรรมนูญ

แต่คนที่ไม่ทำ ก็ไม่ได้สนใจ ไม่มีใครจำเป็นต้องเหมือนกัน สีเดียวกัน ในเวลานี้

//ปุ่ม ค. เสียติดมั่งไม่ติดมั่ง แก้คำผิด  ง่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เม.ย. 2008, 23:20 น. โดย แน็ก » บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้ค่ะ
ไม่เคยรู้ประวัติและความเป็นมาของธรรมเนียมบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนังมาก่อนเลยค่ะ  ฮิ้ววว

---------------

เพลงสรรเสริญพระบารมี สำหรับเราแล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่มากกว่าเพลง
เป็นเสียงที่มีอะไรลึกซึ้งมากกว่าแค่"สัญญาณ"ให้ลุกขึ้นแสดงความเคารพ
เป็นสิ่งที่กระทบอารมณ์ความรู้สึกเหนือล้ำกว่าการเป็นแค่"พิธีกรรม"แสดงความจงรักภักดี

บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง

เวลาได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี (โดยเฉพาะเวอร์ชั่นดนตรีไทย ใช้อังกะลุง ที่คุณหนูหรั่งพูดถึง) มันจะรู้สึกเหมือนมีอะไรสั่นสะเทือนจิตใจน่ะค่ะ ยิ่งคิดถึงพระองค์ท่าน คิดถึงข่าวที่เคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก คิดถึงสารพัดสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทุ่มเทเพื่อประชาชนแล้ว มันอดซาบซึ้งไม่ได้จริง ๆ เข้าใจเลยค่ะความรู้สึกที่คุณแอนบอกว่ามันบีบคั้น.... และคุณโก้บอกว่าขนลุกบ้าง(ขนคงอยากถวายความเคารพด้วยค่ะ) น้ำตาคลอบ้าง  เพราะเราเองก็เป็นเหมือนกัน (หรือเพราะที่เขาว่า ว่าคนแก่อารมณ์อ่อนไหว  คริคริ)

สำหรับเรื่องที่ว่าการสอนให้คนมีจิตสำนึก ของแบบนั้นส่วนมากต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ มันก็เหมือนพวกจิตเมตตา หรือการรู้จักเห้นใจ/สงสารผู้อื่นนั่นแหละ ถ้าปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เด็กก็จะมีความรู้สึกพวกนั้น รู้จักเข้าใจความเจ็บปวดของคนอื่น หรือสัตว์อื่น แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้ปลูกฝังมา ก็มีโอกาสสูงค่ะ ที่จะโตมาเป็นคนไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น

อย่างน้องชายของเราที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ที่บ้านไม่เคยเลี้ยงสัตว์ใด ๆ ก็ไม่รู้จักรักสัตว์หรือสงสารสัตว์ค่ะ เคยขัดใจอะไรไม่ทราบ เดินเข้าไปเตะแมว(ตอนนั้นอยู่ในวัดด้วยนะนั่น) เตะจนแมวร้องแง้ว!!! เหตุเกิดต่อหน้าต่อตาเราเลย (คว้าไม่ทัน) เราปรอทแตกทันทีค่ะ จับไหล่น้อง (5 ขวบ) ให้หันมาจ้องหน้า แล้วสอนในทันใด บอกว่าเราตัวโตกว่า แข็งแรงกว่า ไปทำสัตว์ตัวเล็ก ๆ ทำไม มันก็เจ็บเป็นเหมือนคนนะ แล้วก็ถามว่า มันทำอะไรให้? มันแค่เดินผ่าน ไม่ได้ทำร้ายอะไรเรา อยู่ ๆ ไปเตะมันทำไม ถ้าน้องเดินผ่านผู้ใหญ่แล้วผู้ใหญ่ลุกขึ้นมาเตะบ้าง จะเจ็บมั้ย ร้องไห้มั้ย? เสียใจมั้ย!!! แล้วก็อะไรอีกไม่ทราบ จำไม่ได้แล้ว จำได้แค่ว่ามันพรั่งพรูออกไปเยอะไปหมด....

ตอนนั้นดุไปร้องไห้ไปค่ะ เพราะเครียดมั้ง แล้วก็ไม่เข้าใจ สับสนด้วย ว่าทำไมน้องเราใจคอเป็นแบบนี้.... ใจสั่นเลยนะคะ สงสารแมวด้วย ตกใจด้วย แล้วก็โกรธด้วย มึนมาก หน้าชา บอกไม่ถูก... คุณแม่กับคุณน้า(แม่ของน้อง)ก็ยืนดู.... คงเห็นเราจัดการได้ เลยเข้ามาช่วยพูดเสริมอีกตอนเราพูดจบแล้ว ไม่ได้แทรกกลางค่ะ ฮือๆ~

โอย นอกเรื่องไปไกล....

จะบอกว่าความที่ซาบซึ้งหรือไม่ ถวายความเคารพอย่างจริงใจหรือไม่ อาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ผ่านมาของคนคนนั้นก็ได้ค่ะ ว่าได้รู้ซึ้งถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่านหรือเปล่า มีจิตใจผูกพัน เคารพรักท่านหรือเปล่า

แต่นอกเหนือไปจากนั้นคือการรู้กาลเทศะค่ะ แบบที่คุณแอนได้อ้างอิงคุณโก๋สิจ๊ะ เอาไว้

การไม่เห็นด้วย การเห็นต่าง หรือการสวนกระแส ไม่จำเป็นต้องมีการแสดงออกอย่างก้าวร้าว ดื้อรั้น หรือหัวชนฝาค่ะ อย่างน้อยรักษามารยาทบ้างก็ดี อย่างเวลาเข้าวัด ไปกราบพระในวิหารหรืออุโบสถ ก็ไม่มีที่ไหนเขียนไว้ว่าให้ถอดหมวก แต่ด้วยมารยาทแล้ว ทุกคนเขาก็ถอดหมวกกันทั้งนั้น ถ้าจะมีคนผ่าเหล่า ไม่ยอมถอดหมวกอยู่คนหนึ่ง ย่อมไม่แปลกที่ชาวบ้านร้านช่องเขาจะไม่พอใจ อาจมองแบบรังเกียจจนออกนอกหน้า หรือาจมีคนดุด่าว่ากล่าว ดีไม่ดีโดนเอาไปซุบซิบนินทาลับหลังต่ออีกเป็นปี ๆ เลยทีเดียว

ส่วนตัวแล้วคิดว่าในเมื่อเลือกที่จะทำตัวสวนทางกับสังคมเองทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ ก็ต้องเตรียมใจรับผลที่ตามมาด้วยค่ะ

การรู้กาลเทศะก็คือมารยาททางสังคมอย่างหนึ่งน่ะค่ะ และคนเราถ้ารักจะอยู่ร่วมกันกับคนอื่นในสังคมแล้ว ก็ย่อมควรที่จะมีมารยาทด้วย

ป.ล. โดนตัดหน้า 2 คน  เหวอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เม.ย. 2008, 23:31 น. โดย Moji » บันทึกการเข้า
จำได้ว่าเคยเล่าเรื่องพระเจ้าจอร์จที่สองกับเรื่องประวัติความเป็นมาของGod save the king แต่จำไม่ได้แล้วว่าไปเล่าที่ไหน
 :08:หากูเกิลก็ไม่เจอ
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
เรื่องนี้พูดยากแฮะ พวกบอกว่ายืนทำไมก็อ้างสิทธิ (ที่ออกจะเกินไป)

พอบอกว่าทำไมไม่ลุกอย่างงู้นอย่างงี้ก็โดนพวกที่ไม่ลุกก็หาว่า Royalism  หน้ามึน

ที่บอร์ดโรงเรียนผมก็มีพวก(รุ่นพี่)คิดต่างแบบหัวตะวันตกเยอะอยู่ เห็นแล้วก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปร่วมด้วยเท่าไหร่ แอบกลัวอยู่เล็กๆ

เชิญทัศนาได้ครับ : http://www.suanboard.net/view.php?p=view&kid=48174

สะดุด คห 9  ง่ะ
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
สะดุด คห 9  ง่ะ


...เลยตาม นานา ไปอ่าน............ เฮ้ย!?

เราลืมเรื่อง อยู่ร่วมกันอย่างแตกต่างกันไปแล้ว จริงๆเหรอ  ฮือๆ~
ประชาธิปไตย ไม่ใช่คนส่วนน้อยต้องเห็นตามคนส่วนใหญ่นะ นั้นมัน... โถ่ ประเทศชาติ  ฮือๆ~ ฮือๆ~ ฮือๆ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เม.ย. 2008, 23:58 น. โดย แน็ก » บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ


ประชาธิปไทย


บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
...เลยตาม นานา ไปอ่าน............ เฮ้ย!?

เราลืมเรื่อง อยู่ร่วมกันอย่างแตกต่างกันไปแล้ว จริงๆเหรอ  ฮือๆ~
ประชาธิปไตย ไม่ใช่คนส่วนน้อยต้องเห็นตามคนส่วนใหญ่นะ นั้นมัน... โถ่ ประเทศชาติ  ฮือๆ~ ฮือๆ~ ฮือๆ~

สะดุดด้วยคนค่ะ....
เห็นด้วยกับคุณแน็กค่ะ การอยู่ร่วมกันแม้จะแตกต่าง ก็เป็นพื้นฐานส่วนหนึ่งของสังคมมนุษย์นะคะ เพราะมนุษยชาติไม่ได้แกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันหมดแบบปั๊มบล็อกอิฐ

ความเห็น 9 (และความเห็น 19 18 ของคนเดิม) แรงและสุดโต่งเกินไปจริง ๆ ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 00:26 น. โดย Moji » บันทึกการเข้า
ชอบอันนี้เ..

ความคิดเห็นที่ 221   

   เรียน คุณโชติศักดิ์
ผมว่าการที่คุณกล่าวอ้างว่าการจะยืนหรือ ไม่ยืนเป็นสิทธิส่วนบุคคล ความเชื่อคือสิทธิส่วนบุคคล และ การนับถือหรือจะเกลียดอะไรก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่คุณพูดมามันก็ฟังขึ้นแต่ คุณคงลืมคิดอะไรมากมายไปกว่านี้ครับ หลังจากที่ผมได้ดูหน้าตาคุณแล้วผมว่าคุณน่าจะอยากดังมากกว่าการมาเรียกร้องอะไรบ้าๆ บอมากกว่า ผมจะอธิบายให้คุณฟังครับ

คำว่าสิทธิอาจแปลว่าสิ่งที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายครับ หรือ มีกฎหมายมารับรองในการกระทำนั้นเช่น คนไทยมีสิทธิในการเดินทางเข้าออก ประเทศได้ตลอดเวลาครับ แต่ทุกอย่างก็มีกฎหมายมากำกับและ ลิดรอนสิทธิในบางเรื่องครับ ยกตัวอย่างครับ ผมมีสิทธิที่จะพูดอะไรก็ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะมีสิทธิไปด่าคุณหรือ ด่าใครได้ ผมมีสิทธิที่จะข้ามถนน ทุกที่ ที่ผมอยาก เพราะ ภาษีของผมสร้างถนนมา แต่ ฏกหมายบังคับให้ผมข้ามได้ในทางม้าลายครับ ผู้ร้ายต้องถูกขังคุก เพราะทำผิดกฏหมายครับ แต่เขาจะมาบอกว่าเขาถูกริดรอนสิทธิไม่ได้ ถามว่าผมควรให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายจราจรมั้ยครับ เพราะมันริดรอดสิทธิของผมในการขับรถไม่เกิน 80 กม ต่อ ชม. ทุกอย่างที่รอบตัวคุณมีการริดรอดสิทธิตลอดครับ ไม่เช่นนั้นสังคมจะอยู่กันไม่ได้ครับ
เรื่องการเคารพสถาบัน กฏหมายไม่ได้บังคับให้คุณต้องรัก แต่กฎหมายบังคับให้คุณต้องทำความเคารพครับ ถ้าคุณบอกว่าคุณคิดต่าง หรือ ไม่ชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณกระทำได้ คิดได้ แต่สิ่งที่คุณควรทำคือเสนอให้ผู้แทน อาจจะเป็น พรรคปชป หรือ พปช ของคุณแก้ กม.ก่อนครับ ไม่ใช่ฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าทุกคนให้ว่าดี ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายให้ยืนเคารพ คราวนี้คุณก็ไม่ต้องยืนครับ แต่ตราบใดกฎหมายบังคับ คุณต้องทำครับ
คุณโชติศักดิ์ ขออนุญาติผมตำหนิคุณน่ะครับ ว่าคุณมันเลวจริงๆ ครับ อยากดังแบบไม่เข้าท่า หาดีไม่ได้ ต้องทำอย่างนี้ สมเพช มากกว่า ชืนชมครับ
โสภณ
บันทึกการเข้า

ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จัก และฉันได้มาพบเธอ มันทำให้ฉันต้องเปลี่ยน  เปลี่ยนแปลงหัวใจฉันไป ได้เรียนรู้สิ่งใหม
^
^
^
ชอบเหมือนกัน

ไปดูความเห็นที่ 221 ยังไงเนี้ย หาไม่เจอ  งง

// อ่าว กรรม ที่ ประชาไท หรอกเหรอ
เจ้า 221 มัน....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 00:28 น. โดย แน็ก » บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
ทีแรกว่าจะไม่อ่าน แต่พอนานาสะดุด
เลยตาม
สะดุดหัวทิ่มเลย  หมีโหด~

อ่านไป อ่านไป อืมมมม ประเทศไทย มันมาถึงจุดนี้แล้วหรือ  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า
ถ้ามีคนแบบนั้นเยอะๆ นานาว่าคงแย่นะ
ถ้างั้นแผ่นดินพุทธก็ไม่ควรมีคนศาสนาอื่น งั้นเหรอ   ง่ะ

บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ


ดูความคิดแล้วไม่น่าจะเป็นพุทธนะ เพราะพุทธสอนให้คิด
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 ... 34
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!