ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้ค่ะ
ไม่เคยรู้ประวัติและความเป็นมาของธรรมเนียมบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนังมาก่อนเลยค่ะ
---------------
เพลงสรรเสริญพระบารมี สำหรับเราแล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่มากกว่าเพลง
เป็นเสียงที่มีอะไรลึกซึ้งมากกว่าแค่"สัญญาณ"ให้ลุกขึ้นแสดงความเคารพ
เป็นสิ่งที่กระทบอารมณ์ความรู้สึกเหนือล้ำกว่าการเป็นแค่"พิธีกรรม"แสดงความจงรักภักดี
บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
เวลาได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี (โดยเฉพาะเวอร์ชั่นดนตรีไทย ใช้อังกะลุง ที่คุณหนูหรั่งพูดถึง) มันจะรู้สึกเหมือนมีอะไรสั่นสะเทือนจิตใจน่ะค่ะ ยิ่งคิดถึงพระองค์ท่าน คิดถึงข่าวที่เคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก คิดถึงสารพัดสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทุ่มเทเพื่อประชาชนแล้ว มันอดซาบซึ้งไม่ได้จริง ๆ เข้าใจเลยค่ะความรู้สึกที่คุณแอนบอกว่ามันบีบคั้น.... และคุณโก้บอกว่าขนลุกบ้าง(ขนคงอยากถวายความเคารพด้วยค่ะ) น้ำตาคลอบ้าง เพราะเราเองก็เป็นเหมือนกัน (หรือเพราะที่เขาว่า ว่าคนแก่อารมณ์อ่อนไหว
)
สำหรับเรื่องที่ว่าการสอนให้คนมีจิตสำนึก ของแบบนั้นส่วนมากต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ มันก็เหมือนพวกจิตเมตตา หรือการรู้จักเห้นใจ/สงสารผู้อื่นนั่นแหละ ถ้าปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เด็กก็จะมีความรู้สึกพวกนั้น รู้จักเข้าใจความเจ็บปวดของคนอื่น หรือสัตว์อื่น แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้ปลูกฝังมา ก็มีโอกาสสูงค่ะ ที่จะโตมาเป็นคนไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น
อย่างน้องชายของเราที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ที่บ้านไม่เคยเลี้ยงสัตว์ใด ๆ ก็ไม่รู้จักรักสัตว์หรือสงสารสัตว์ค่ะ เคยขัดใจอะไรไม่ทราบ เดินเข้าไปเตะแมว(ตอนนั้นอยู่ในวัดด้วยนะนั่น) เตะจนแมวร้องแง้ว!!! เหตุเกิดต่อหน้าต่อตาเราเลย (คว้าไม่ทัน) เราปรอทแตกทันทีค่ะ จับไหล่น้อง (5 ขวบ) ให้หันมาจ้องหน้า แล้วสอนในทันใด บอกว่าเราตัวโตกว่า แข็งแรงกว่า ไปทำสัตว์ตัวเล็ก ๆ ทำไม มันก็เจ็บเป็นเหมือนคนนะ แล้วก็ถามว่า มันทำอะไรให้? มันแค่เดินผ่าน ไม่ได้ทำร้ายอะไรเรา อยู่ ๆ ไปเตะมันทำไม ถ้าน้องเดินผ่านผู้ใหญ่แล้วผู้ใหญ่ลุกขึ้นมาเตะบ้าง จะเจ็บมั้ย ร้องไห้มั้ย? เสียใจมั้ย!!! แล้วก็อะไรอีกไม่ทราบ จำไม่ได้แล้ว จำได้แค่ว่ามันพรั่งพรูออกไปเยอะไปหมด....
ตอนนั้นดุไปร้องไห้ไปค่ะ เพราะเครียดมั้ง แล้วก็ไม่เข้าใจ สับสนด้วย ว่าทำไมน้องเราใจคอเป็นแบบนี้.... ใจสั่นเลยนะคะ สงสารแมวด้วย ตกใจด้วย แล้วก็โกรธด้วย มึนมาก หน้าชา บอกไม่ถูก... คุณแม่กับคุณน้า(แม่ของน้อง)ก็ยืนดู.... คงเห็นเราจัดการได้ เลยเข้ามาช่วยพูดเสริมอีกตอนเราพูดจบแล้ว ไม่ได้แทรกกลางค่ะ
โอย นอกเรื่องไปไกล....
จะบอกว่าความที่ซาบซึ้งหรือไม่ ถวายความเคารพอย่างจริงใจหรือไม่ อาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ผ่านมาของคนคนนั้นก็ได้ค่ะ ว่าได้รู้ซึ้งถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่านหรือเปล่า มีจิตใจผูกพัน เคารพรักท่านหรือเปล่า
แต่นอกเหนือไปจากนั้นคือการรู้กาลเทศะค่ะ แบบที่คุณแอนได้อ้างอิงคุณโก๋สิจ๊ะ เอาไว้
การไม่เห็นด้วย การเห็นต่าง หรือการสวนกระแส ไม่จำเป็นต้องมีการแสดงออกอย่างก้าวร้าว ดื้อรั้น หรือหัวชนฝาค่ะ อย่างน้อยรักษามารยาทบ้างก็ดี อย่างเวลาเข้าวัด ไปกราบพระในวิหารหรืออุโบสถ ก็ไม่มีที่ไหนเขียนไว้ว่าให้ถอดหมวก แต่ด้วยมารยาทแล้ว ทุกคนเขาก็ถอดหมวกกันทั้งนั้น ถ้าจะมีคนผ่าเหล่า ไม่ยอมถอดหมวกอยู่คนหนึ่ง ย่อมไม่แปลกที่ชาวบ้านร้านช่องเขาจะไม่พอใจ อาจมองแบบรังเกียจจนออกนอกหน้า หรือาจมีคนดุด่าว่ากล่าว ดีไม่ดีโดนเอาไปซุบซิบนินทาลับหลังต่ออีกเป็นปี ๆ เลยทีเดียว
ส่วนตัวแล้วคิดว่าในเมื่อเลือกที่จะทำตัวสวนทางกับสังคมเองทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ ก็ต้องเตรียมใจรับผลที่ตามมาด้วยค่ะ
การรู้กาลเทศะก็คือมารยาททางสังคมอย่างหนึ่งน่ะค่ะ และคนเราถ้ารักจะอยู่ร่วมกันกับคนอื่นในสังคมแล้ว ก็ย่อมควรที่จะมีมารยาทด้วย
ป.ล. โดนตัดหน้า 2 คน