หน้า: 1 ... 35 36 37 38 39 40 41 [42] 43
 
ผู้เขียน หัวข้อ: รายงานโรคคนไข้ฉุกเฉินประจำคืนนี้  (อ่าน 145344 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้

ธรรมดาหมอแมวก็ซีดๆอยู่แล้วด้วย  กร๊าก
บันทึกการเข้า

Las Noches Rubicundior
เหนื่อยแย่เลยค่ะหมอ  (เหงื่อแตกพลั่ก)
บันทึกการเข้า
ผมร่วงแย่เลย เศร้า
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เจ็บไหมแอน  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
ร่วงลงไปซบตัก ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ตักอรเหรอ  เกย์แอบ
บันทึกการเข้า


ตักศิลา
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
งั้นร่วงต่อไป..
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ทะลุไส้ติ่ง  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
คนละจู๋แล้ว โวย


เฮ้ย ตูพาเป๋เองนี่หว่า
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
จุ๊พๆ  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ความสวยไม่รับประกัน แต่ความมันเดี๊ยนรับรอง
-=7วันอันตราย=-
สำหรับปีนี้ก็เช่นเดียวกับทุกปี คือมีโควต้าให้ว่าให้อุบัติเหตุตายได้3ศพในจังหวัดนี้
ของสาธารณสุขดีหน่อย ไม่ค่อยบ้าจี้ตามมหาดไทย ตายเท่าไหร่ก็ได้
ของมหาดไทย / ตำรวจ รู้สึกเหมือนกับว่าการรายงานยังมีผลต่อการพิจารณาความดีความชอบของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เข้าเรื่องเลยแล้วกัน
วานซืนนี้ มีรถคว่ำ ตายไป1ศพ ไม่รู้รายละเอียด เพราะไม่ใช่เวรผม (แต่พยาบาลโทรตามให้ไปช่วย ง่ะ พอดีอยู่ตลาดไกลจากรพ.1/2ชม. เลยไปไม่ได้)
วันนี้ เมื่อสักครู่ตอนทุ่มกว่าๆ มีมากันสองคน(ศพ)  ตำรวจนำส่งเป็นชายหนุ่มอายุ20กว่าๆทั้งสองคน
หยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นแล้วทั้งคู่ ม่านตาขยายแล้วทั้งคู่
พยาบาลในห้องฉุกเฉินตอนนั้นเหลืออยู่4คน พนักงานทั่วไป2คน ดังนั้นต้องแบ่งกันช่วย
พอเริ่มปั้มหัวใจได้สักพักนึง ก็เลยตรวจให้ละเอียดขึ้น
คนแรกใส่เสื้อขาว ม่านตายังขยายไม่มาก เลือดยังสดๆอยู่ ... ช่วยต่อไป
คนที่สองใส่เสื้อเขียว คลำที่ต้นคอเจอลักษณะกระดูกคอหัก ที่หน้าก็เจอรอยหัก ที่กะโหลกก็เจอรอยแตกยุบสองที่ ... ก็เลยตัดสินใจบอกพยาบาลให้หยุดปั้มหัวใจคนนี้ซึ่งไม่มีหวังแล้ว ให้ไปช่วยอีกคนที่ยังพอมีหวังแบบริบหรี่

ผมหยิบท่อช่วยหายใจจะใส่เข้าไป เลือดสดๆไหลปรี่สวนออกมาจนต้องเอาเครื่องดูดมาดูด
ระหว่างหยิบเครื่องดูดตาก็มองไปที่สัญญาณไฟฟ้าหัวใจที่ปราศจากชีวิต จากนั้นก็ดูดเลือดออกมาจากปากได้เป็นแก้วๆ
เสือกท่อช่วยหายใจผ่านสายเสียงเข้าไปแล้วใช้ถุงลมบีบลมเข้าปอด ก่อนจะได้กลับมาเป็นเลือดสดๆที่ขังอยู่ภายในปอด

หลังจากผมสั่งการการให้ยากับพยาบาลแล้ว ก็เดินออกไปหาข้อมูลจากญาติก่อน
เรื่องราวที่ได้จากญาติ ของทั้งสองคนนี้น่าเศร้ากว่าที่เห็นทีแรก

ผมเดินออกไป มีคนรออยู่ข้างนอก4คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยสำหรับกรณีอุบัติเหตุที่มากันสองคน
ก็เลยถามว่าเป็นญาติใคร
ผู้ชาย(ซึ่งหน้าคุ้นๆ)บอกว่าเป็นพ่อของคนที่ถูกปั้มหัวใจอยู่
ส่วนผู้หญิงถามถึงผู้ชายใส่เสื้อสีเขียวอีกคนที่เห็นว่าถูกเข็นไปนอนที่ห้องพักฟื้นและไม่ได้ปั้มหัวใจ
ผมก็เลยบอกไปตามตรงว่าอีกคนนั้นเสียชีวิตตั้งแต่ก่อนมาแล้ว โดยที่คอหัก ... หลังจากนั้นผู้หญิงสามคนก็ร้องไห้ปล่อยโฮกันหมด

เรื่องราวมีอยู่ว่า สองคนนั้น เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพิ่งกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงปีใหม่
คนที่ยังปั้มหัวใจอยู่ กลับมาที่บ้านได้1วัน ซื้อขนมเปี๊ยะมาให้พ่อ พอเอาขนมให้พ่อก็บอกว่าจะออกจากบ้านไปข้างนอก
พอออกจากบ้านไป พ่อก็หั่นขนมเปี๊ยะ กำลังเตรียมหยิบจะกิน ก็มีคนมาตะโกนเรียกว่าลูกรถชน
รวมๆระยะเวลาเกิดเหตุจนมาถึงโรงพยาบาลอยู่ที่ราวๆ20-30นาที
ส่วนอีกรายนึงผมไม่ทราบรายละเอียดมากนัก

คนที่เสียใจที่สุดในวินาทีนั้น ณ ตอนนั้น คงไม่พ้นผู้หญิงที่ถามผมถึงผู้ชายเสื้อเขียว
เพราะเธอเป็นยายของชายหนุ่มทั้งสองคน ซึ่งตายแน่ๆไปแล้วคนนึง ส่วนอีกคนก็มีความหวังที่ริบหรี่เลือนลางมาก

ผมเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พยาบาลยังปั้มหัวใจอยู่ ระหว่างนี้ก็มีโทรศัพท์จากอำเภอและจังหวัด สอบถามและให้ส่งรายงานเรื่องผู้ตายเป็นระยะๆเหมือนกับจะไม่สนใจว่าทางโรงพยาบาลกำลังพยายามช่วยคนอยู่
ทางเราตอบไปว่า กำลังช่วยคนเจ็บอยู่ ...
ทางนั้นตอบกลับว่า แล้วคุณเขียนรายงานเสร็จหรือยัง ...
ผมไม่ได้รับโทรศัพท์เอง แต่ดูเหมือนว่าทางฝั่งนั้น ต้องการให้ทางโรงพยาบาลทำรายงาน แต่อย่าเพิ่งส่งfaxไปให้เป็นตัวเลขหลักฐาน เนื่องจากจังหวัดนี้อนุญาตให้คนตายได้3คนเท่านั้น

ผมถามพยาบาลอีกครั้งว่าให้ยาไปเท่าใดแล้ว จากนั้นดูนาฬิกา ... เราช่วยกันมา20กว่านาทีได้ แต่ร่างที่นอนอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบสนอง เลือดที่ไหลออกจากหูทั้งสองข้างเริ่มจับแข็งและหยุดไหลแล้ว
ผมประเมินม่านตาอีกครั้ง ก่อนจะสะกิดพยาบาลที่นวดหัวใจให้เปลี่ยนกันแล้วก็ขึ้นไปนวดหัวใจแทน เพื่อนวดในช่วงสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะหยุดการช่วยชีวิตหรือไม่
จากนั้นประเมินอีกครั้งแล้วก็หยุด ...
สัญญาณหัวใจยังเงียบราบเรียบดังเดิม ฟังเสียงปอดและหัวใจก็เงียบสนิท

จากนั้นก็เดินออกไปบอกพ่อของชายหนุ่ม แล้วก็ให้นำศพทั้งสองไปถ่ายเอกซ์เรย์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอื่นๆ
ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์จากนอกโรงพยาบาล บอกว่าเป็นแม่ จะสอบถามอาการลูกชาย
พยาบาลบอกเพียงแต่ว่าให้รีบมารพ.เพราะว่าอาการไม่ดี
ส่วนญาติๆของผู้ตายก็ทยอยเดินทางมาเรื่อยๆ บางคนมาถึงเดินไปดูศพก็เป็นลมล้มตึงตรงนั้น ต้องหามกันเข้ามา
ผู้ชายตัวใหญ่ที่เห็นศพญาติสนิท ร้องไห้ดิ้นไปมาบนเตียง ญาติผู้หญิงหลายๆคนร้องไห้อยู่นอกตัวตึก
คุณลุงคนนึงที่ทำงานในโรงพยาบาลสองคนก็มาดูศพ ... ผมลองถามดูก็ปรากฎว่าเป็นญาติของลุง
ผมมาอยู่ที่นี่สามปี มีญาติของลุงที่เสียจากรถจักรยานยนต์คว่ำไปแล้ว4คน ...

เมื่อเอกซ์เรย์เสร็จ ผมเดินกลับไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ก็เห็นผู้หญิงอีกคนนึงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตระหนก ... เนื่องจากมีญาติที่อยู่หน้าโรงพยาบาลบอกเธอแล้วว่าลูกชายของเธอตายแล้ว

ผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับญาติอีก
...................................................................
ครั้งนี้ก็คล้ายๆกับทุกๆครั้ง
จะแปลกสักหน่อยที่ครั้งนี้การตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา
อุบัติเหตุมันเกิดได้ตลอดเวลาครับ

คนเราหลายคน ใช้ชีวิตที่ตั้งอยู่บนความเสี่ยง
บางคนขี่จักรยานยนต์อย่างเร็ว แต่ไม่ใส่หมวกกันน๊อค
บางคนดื่มเหล้าเมา
บางคนจับกลุ่มเป็นแก๊งกัน เที่ยวไปทุกงาน ยกพวกตีกันประปราย
หลายๆคนที่ไม่ตาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บขึ้น เห็นเป็นเรื่องสนุก
บางคนโดนยิงมากระสุนฝังใน ก็จับเอาลูกกระสุนที่ยังฝังอยู่โยกไปโยกมาสนุกสนาน
บางคนกินเหล้าเมามา โวยวายไม่ยอมให้เย็บไม่ให้รักษา ... พอสร่างเมาแล้วก็คุยอวดเพื่อนพ้องเป็นที่สนุกสนาน ถึงความขลังของเครื่องราง ของความกล้าบ้าบิ่นของตน

ผมมองแล้วสะท้อนใจ เพราะท่ามกลางความสนุกสนานของคนเจ็บที่รอดมาได้นั้น มีแต่น้ำตาของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่
ระหว่างที่ลูกนั่งโยกกระสุนที่ตุงตรงขาเล่น แม่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ระหว่างที่ลูกนอนโม้เรื่องเครื่องรางของขลังกับเพื่อน พ่อแม่ก็ไหว้พระขอให้ลูกอย่าเป็นอะไรมาก
และสำหรับคนที่ไม่มีโอกาสลืมตาหรือบอกลาอีกต่อไป พ่อแม่และญาติๆก็ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่รอบๆ

ปีใหม่นี้ ระวังอุบัติเหตุกันด้วยนะครับ

บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

ขอบคุณหมอแมวมากค่ะ  ไหว้ ที่บอกเล่าประสบการณ์อันมีค่า

ขอเป็นกำลังใจให้หมอแมวผ่านเจ็ดวันอันตรายนี้ไปได้ด้วยดี

อ่านแล้วทำให้รู้ว่า "ชีวิตพริบตาเดียว" จริง ๆ

บันทึกการเข้า
ขอบคุณหมอแมวครับ ฮือๆ~

ต่อไปนี้จะระวังตัวให้มากขึ้นครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

เพียง คำพูดคำสูดท้าย  จะรักแค่เธอไปจนวันตาย...
แนะนำตัว                     bij evol
หน้า: 1 ... 35 36 37 38 39 40 41 [42] 43
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!