แท้งเสรี เป็นปราการด่านสุดท้ายที่แพทยสภาอั้นไว้ครับ เท่าที่ทราบมา ไม่ว่าอย่างไรแพทยสภาก็ยังไม่มีแนวคิดที่จะให้มีการทำแท้งเสรีโดยแพทย์เกิดขึ้นในไทย
งานควบคุมป้องกันเอดส์ในบ้านเรา มีอยู่สามระดับครับ
ระดับ 1 ป้องกันเด็กที่ยังใสสะอาด ไม่ให้ไปมีอะไรกับแฟนก่อนวัยอันควร
ระดับ 2 ป้องกันคนที่ยังไม่ติดเอดส์ คนที่ไม่ท้อง ไม่ให้ท้องหรือติดเอดส์
ระดับ 3 ป้องกันคนที่เป็น ไม่ให้ไปแพร่เชื้อ
งานแรก เป็นหน้าที่หลักของกระทรวงศึกษาธิการ และหน้าที่ของครอบครัว ในการอบรมเด็ก
งานที่สองและสาม เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข
การรณรงค์ให้ใช้ถุงยาง คืองานในภาระหน้าที่ระดับที่2ครับ
การที่มีการรณรงค์ให้ใช้ถุงยาง ก็คือให้ใช้ถุงยาง ... ข้อดีที่มีชัดเจนคือ ป้องกันวัยรุ่นไม่ให้ติดเอดส์ ไม่ให้ท้อง
ข้อเสียที่ยังไม่ชัดคือ ทำให้เด็กอยากมีเพศสัมพันธ์มากกว่าเดิม
ข้อเสีย(บ้าๆ)ที่คนชอบเอามาอ้างเนี่ย ... จริงๆมันไม่ชัดเจน... แต่ไอ้ข้อเสียที่ชัดเจนอย่างเช่นเหล้า และ บุหรี่ ... ดันไม่มีใครสนใจ
ถ้าจะห้ามไม่ให้แจกถุงยางเพราะอ้างว่าทำให้เด็กใจแตก สู้เอาเวลาไปห้ามเด็กกินเหล้าสูบบุหรี่ดีกว่า
งานวิจัยในหลายประเทศออกมาชัดเจนว่า
เด็กที่กินเหล้าเป็นประจำ มีแนวโน้มว่า30%ในกลุ่มนี้ จะมีเพศสัมพันธ์ (แล้วเพศสัมพันธ์ก็ต้องมีคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป)
เด็กที่สูบบุหรี่บ่อยๆ 10% จะมีเพศสัมพันธ์
ผมไม่แน่ใจว่าสถานะการณ์ของสังคมมันเลยการอบรมสั่งสอนให้รู้จักยั้งคิดแล้วหรือเนี่ย จึงได้มาถึงด่านการป้องกัน ถ้าเลยด่านนี้สงสัยต่อไปคงต้องเปิดให้ทำแท้งได้เสรีแน่
สถานการณ์ มันเลยขั้นการอบรมสั่งสอนอย่างเดียวมาหลายปีแล้วนะครับ
คลินิกทำแท้งหลายแห่งมันตั้งมาได้ตั้ง10-20ปี ดังนั้นปัญหานี้มันไม่ได้เพิ่งเกิด
เรื่องการป้องกัน มันไม่ได้มีเป็นด่านๆ ... ระหว่างที่ทำขั้น2 ขั้นที่1 ก็มีการทำอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
เฮ้อ