ต้องประสบเอง ถึงจะรับรู้ได้ถึงความลำบากที่แท้จริง
ย้ายพ่อกับแม่ไปนอนที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนน้องนอนเฝ้าอยู่ที่บ้านทุกวัน ไม่ค่อยได้นอน ต้องคอยผวาลุกมาดูน้ำกลัวมันขึ้นอีก
กลางวันต้องลอยคอเกาะเชือกฝ่าน้ำเชี่ยวๆออกมา รอรับอาหารกล่องและไปโรงพยาบาลหาพ่อกับแม่และชาร์ตแบตโทรศัพท์ เนื่องจากไฟฟ้าโดนตัดไปตั้งแต่วันเสาร์
ของบริจาค บอกตรงๆว่ายังไม่ได้รับเลยไม่ว่าจะจากช่องไหน เพราะไม่สามารถรับทราบข่าวสารใดๆได้เลย แต่ถึงรู้ก็ต้องลอยคอออกมาอยู่ดี เนื่องจากไม่มีเรือวิ่งเข้าไปถึง น้องเคยถามเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเขาบอกว่ายังเชี่ยวอยู่ไม่กล้าเอาเรือฝ่าน้ำเข้าไป (แต่บอกให้น้องตูลอยคออกไปรับที่ถนน
)นึกถึงสภาพที่ลอยคอแล้วยังต้องแบกข้าวของด้วยนี่ มันลำบากสิ้นดี(อันนี้เจอกับตัวเมื่อปี 38) นี่ที่บ้านยังพอมีของแห้ง(มาม่าอย่างเดียวเลย น้องออกไปซื้อมาตุนไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว)และแก๊สที่น่าจะพอใช้อยู่ซัก 5 วัน
เสาร์นี้ว่าจะกลับไปดูสภาพบ้าน เสาร์ที่ผ่านมาแม่บอกไม่ต้องไปเพราะไปก็เข้าไม่ถึงบ้าน ถนนขาด
ส่วนน้องสาวตอนนี้ฝื่นขึ้นทั้ังตัว เพราะแช่น้ำนาน และอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว