ขอมาสายดาร์คแปป คือมีเพื่อนเป็นจริงๆ แล้วการเป็นคนรอบข้างของแม่งเนี่ย หนักมากกกกก
ปัญหาใหญ่สุดคือ เค้ามีพฤติกรรมที่กระทำต่อเราแล้วเราไม่โอเค
เช่น พอมีจังหวะได้ระบาย ก็จะหาเรื่องตำหนิคนที่รับฟัง (เหมือนเอาคืน)
หรือฝืนมาเรียน ทำงานกลุ่ม แต่เทงาน เพื่อนต้องแบกงานให้ ฯลฯ
แล้วเราไม่สามารถ reflect กลับไปหาเค้าได้เหมือนคนปกติอะค่ะ
ถ้าเป็นคนปกติเราก็จะเถียงมัน เตือนมัน ด่ามัน ว่าทำไมมึงพูดหรือมึงทำแบบนี้
สรุปคนรอบข้างเหมือนเป็นกระโถนอารมณ์ ต้องบอกตัวเองว่า เฮ้ย มันป่วย ต้องเข้าใจมันนะ
เฮ้ย มันป่วย ตามใจมันหน่อย มันมีเหตุผลของมัน แต่ในใจคือกรีดร้อง อีเหี้ย ทำไมมึงทำกับกูยังงี้

สมองก็พยายามเข้าใจว่ามันป่วยมันเลยปากหมา แต่จิตใจเราเสียความรู้สึกไปแล้ว
มันเลยกัดกินทั้งคนป่วยทั้งคนฟัง เพราะคนป่วยไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวเอง แต่เค้าทำร้ายคนรอบข้างด้วย
สุดท้ายหลายๆคนทนไม่ได้ ตัดความสัมพันธ์ ขอไม่ยุ่งกับมันไปสักระยะ
อีคนป่วยก็ป่วยหนักกว่าเก่าอีกเพราะเสียใจที่โดนเท ก็วนอยู่ยังเงี้ย เป็นหนักกว่าเก่า

แบบเข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีอาชีพแพทย์
อย่างน้อยระยะห่างระหว่างหมอกับคนป่วยมันก็ตั้งอยู่บนจรรยาบรรณ จะไปปรึกษาเมื่อไหร่หมอก็พร้อมจะฟัง
ชีวิตส่วนตัวไปทำร้ายใครก็ไม่เกี่ยวกับหมอ หมอไม่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของคนป่วยเท่าคนรอบข้าง
หมอเลยใจเย็นได้ มองอะไรเป็นกลางได้ ประมาณนั้นมั้ง

นี่ถึงกับไปปรึกษาจิตแพทย์เลยนะ ว่าโดนคนป่วยเหี้ยใส่ทำยังไงดี
สรุปหมอบอกสงสารเค้าแค่ไหนก็ต้องสงสารใจตัวเองก่อน
อย่าทำเกินลิมิต อย่าฝืน อย่าสงสาร อย่าโกหก ไม่มีอะไรดีขึ้น
แล้วคนไข้บางคนก็ไม่ค่อยเชื่อหมอด้วย
แบบรักษามานาน จับ pattern หมอได้ว่าแบบนี้คือการรักษา ไม่เชื่อหมอ ไม่เชื่อใครเลย ก็มี
ประสาทแดกมาก
