ทำไมอะ หมูทอด ไก่ทอด ไข่เจียว ข้าวผัด ผัดผัก อะไรพวกนี้เป็นเมนูแรกๆ ที่หัดทำเลยนะ
คือตอนเด็กๆ ต้องอยู่บ้านคนเดียว มันง่ายสุดแล้วที่จะคุ้ยตูเย็นมาทำพวกนี้
อันนี้จากการวิเคราะห์ของตูนะ ยาวและมีสาระนิดหน่อย
คือสัญชาติญาณในการทำอาหารของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันไงบวบ
เพราะมันเป็นหนึ่งใน Cognitive Structure ที่มาจากการถูกเลี้ยงดูในวัยเด็ก
การเรียนรู้เรื่องการทำอาหารมันเป็นการเรียนแบบ Apprentice
จากการเป็นลูกมือช่วยหยิบช่วยหั่นในครัวเวลาพ่อหรือแม่หรือปู่ย่าตอนเข้าครัว
หรือไปช่วยหิ้วของเวลาไปซื้อของที่ตลาด
ก็จะได้ความชำนาญว่าจะเลือกซื้อวัตถุดิบไหนดีไม่ดียังไงได้ด้วย
หรือแค่เห็นพ่อแม่ทำกับข้าวก็อาจจะยังพอช่วยได้บ้างน่ะนะ
ถ้าครอบครัวไหนไม่ค่อยทำกับข้าวที่บ้าน ซื้อแกงถุงหรืออาหารสำเร็จอย่างเดียว
หรือบางบ้านไล่เด็กออกไปจากครัวไม่ให้มาวุ่นวาย
ถึงเวลาอาหารก็รออยู่บนโต๊ะแล้ว
เด็กก็มีโอกาสน้อยมาก ที่จะเรียนรู้และมีสัญชาติญาณติดตัว
ยกตัวอย่างนิทาน โอกาสที่จะมีสัญชาติญาณในการทำกับข้าวก็มีน้อย
เพราะอยู่กับพ่อกับแม่ แล้วทั้งพ่อและแม่ก็เน้นกินข้าวนอกบ้าน หรือซื้ออาหารถุงมาแกะกิน
พอโตมาถ้าต้องทำกับข้าวเอง มันก็ขาดพื้นฐานการเรียนรู้เรื่องรสชาติในวัยเด็กจริงไหม
แล้วที่ตูบอกว่า มือใหม่หัดทำอาหาร
ไม่ควรทำอาหารพวก ผัดๆ ทอดๆ
เนื่องจากโอกาสที่จะอร่อยสมบูรณ์แบบมีน้อย
เพราะมันต้องใช้ความชำนาญหลายประการ
เริ่มตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ
เช่น ถ้าหั่นไม่เท่ากันเวลาผัดก็สุกไม่เท่ากัน
ไหนจะการควบคุมความร้อน ไฟแรงไปก็ไหม์ เบาไปก็เละอมน้ำมัน
ไหนจะการควบคุมตะหลิว กระทะ ความเร็ว
บางทีผัดเครื่องปรุงไม่เข้ากัน บางทีน้ำมันกระเด็นใส่
มือใหม่บางทีก็ถอดใจได้ง่ายๆ
พาลเลิกหรือเกลียดการทำอาหารไปเลยก็มี
ยกตัวอย่าง ในครัวร้านอาหารแบบฝรั่ง
คนที่จะเป็นพ่อครัวผัดหรือที่เรียกว่า Saucier ได้
ก็จะเป็นคนที่เก่งที่สุด มีประสบการณ์สูงสุด
อาจจะเป็นรองก็แต่พ่อครัวใหญ่หรือ Head Chef แค่นั้นเอง
หรือร้านอาหารจีน พ่อครัวผัด ในตำแหน่งกระทะ 1
ก็จะเป็นคนที่เก่งที่สุดเหมือนกัน
จะยืนตำแหน่งนี้ได้ ก็เป็นคนที่ไต่เต้ามาจากตำแหน่งอื่น
ตั้งแต่หั่น ล้าง เตรียมวัตถุดิบ แค่ยืนตำแหน่งหน้าเขียง
จัดเตรียมวัตถุดิบเครื่องปรุงส่งให้เชฟกระทะหนึ่ง ก็ต้องใช้เวลาแล้ว
แล้วคอยแอบเรียนรู้เวลาเขฟผัดแล้วค่อยไต่เต้ามาเป็นคนผัด
แล้วถ้าถามว่า การปรุงอาหารแบบไหนที่ตูแนะนำให้มือใหม่หัดทำ
ตูก็จะบอกว่า ให้ทำอาหารแนวต้มๆ ครับ
เพราะการต้ม โอกาสที่จะไหม้ก็มีน้อย
แล้วการต้ม จริงๆ ไม่ต้องไปทำอะไรมาก ไม่ต้องปรุงอะไรมาก
มันก็อร่อยของมันได้เองอยู่แล้ว
ยกตัวอย่างต้มจืดเกียมฉ่ายกระดูกหมู ทำแบบเลวๆ ไม่คิดอะไร
แค่ซื้อกระดูกหมู เกียมฉ่าย โยนใส่หม้อต้มน้ำ
เคี่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไร
เดี๋ยวมันก็อร่อยของมันเอง
ต้องขออภัยเจ้าของกระจู๋ที่ต้องเป๋ออกนอกเรื่องนะครับ