หน้า: 1 [2] 3
 
ผู้เขียน หัวข้อ: Project The artist  (อ่าน 8819 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
โอเค....เดี๋ยววันนี้เจอเพื่อน ขออนุญาติเอาความเห็นไปแชร์ให้เพื่อนฟังด้วยนะคะ

มันต้องคิดให้รอบก่อนลงมือ โย่ว!
บันทึกการเข้า
ยังไงก็ต้องมี server side อยู่ละ ก็ทำมันทั้งเว็บด้วยเลยครับ สนับสนุนอีกเสียง

ว่าแต่อันนี้จริงจังแค่ไหนครับ ไม่เห็นมีโมเดลการหาเงินเลย เพราะกว่าจะปั้นจนเสร็จก็เหนื่อยอยู่ คงลงทุนเกินคำว่าทำเล่นเยอะไปนิด
บันทึกการเข้า

ชื่อ Earth ครับ เรียกเอิดก็ได้ | Earthchie's Blog
ในฐานะยูสเซ่อ เล่นเฟซบุคยังชอบเล่นเป็นเว็บมากกว่าเลยอ้ะ
บีฮ้าน พินเทอเรส มีเป็นแอปในมือถือหมดนะ แต่เปิดนับครั้งได้เลย
(มันดูรูปไม่ถนัด สามจีก็ว่องไวเหลือเกิน TT)

พี่ปาล์มสู้ๆเน่อ  กรี๊ดดดดด จะบอกว่าสนใจขายของแหละ
แต่ของยังไมไ่ด้สั่งทำเลย น่าจะได้ช่วงสิ้นเดือน  ฮ่าๆ ฮือๆ
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
อีกปัญหานึงของงานอาร์ตคือ ระวังความเกรียนขี้ก๊อบของคนไทยนะครับ


 
บันทึกการเข้า

นักเขียนการ์ตูนรายปี
อีกปัญหานึงของงานอาร์ตคือ ระวังความเกรียนขี้ก๊อบของคนไทยนะครับ


 

นี่แหละเรื่องที่คิดไม่ตกค่ะ จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไรดี

ส่วนเรื่องการลงทุน...เพื่อนเป็นคนลงทั้งหมดค่ะ
ปาล์มเป็นกระบอกเสียงช่วยหาคนมาขาย
คอนเซปท์หาเงินคือ ให้ลงฟรี6เดือน-1ปีแรก
หลังจากนั้นน่าจะเก็เปอร์เซนต์ซักไม่เกิน10% ของยอดขาย
เก็บแบบเบาๆ ทำเอาความสุขค่ะ
แผนการเงินเขาบอกว่า "ผมรองรับได้ถึง4ปี...ถ้าเกินกว่านี้ยังไม่มีรายได้เข้าจากทางไหนเลยก็คงเจ๊งจริงๆล่ะ"

เชื่อว่าไม่เจ๊งค่ะ

ปาล์มมันก็พวกจับแพะชนแกะช่วยอะไรได้ก็ช่วย
ก็ว่าจะพาศิลปินทั้งหลายที่มีสินค้าเข้าคอนเซปท์กับทาง Mother museum ไปขายตามงานด้วยค่ะ
มันน่าจะเกิดเป็นโปรเจคต่อโปรเจคที่สามารถชื่อมโยงกันได้ค่ะ

น้องนานาๆๆๆ อยากเห็นของจากฝีมือนานา กรี๊ดๆ พี่เป็นติ่งแฟนคลับงานนานาล่ะ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
ก็คงต้องจดลิขสิทธ์ทางปัญญาให้หมดทุกชิ้นงานมั้งครับ

น่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

 ไหว้
บันทึกการเข้า

There's only one "Jack Russell"
ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันทีที่สร้างสรรค์ผลงานครับ การจดเป็นแค่การ "จดแจ้ง" เฉยๆ ว่าเราคิดมาเรียบร้อยแล้วนะ ขอเอกสารยืนยันหน่อย
บันทึกการเข้า

ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันทีที่สร้างสรรค์ผลงานครับ การจดเป็นแค่การ "จดแจ้ง" เฉยๆ ว่าเราคิดมาเรียบร้อยแล้วนะ ขอเอกสารยืนยันหน่อย

นั่นล่ะครับ ที่อยากหมายถึง แต่อธิบายไม่เป็น  ไหว้ ขอบคุณไอซ์ครับผม  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

There's only one "Jack Russell"
อันนั้นคือตัวกฎหมายครับ ซึ่งเกรียนมันไม่ค่อยสนไง

ประมาณนี้
คนไทยรึเปล่า คนไทยต้องมีน้ำใจแบ่งปันกันหน่อยยยยย  (สัด)fuc yea
บันทึกการเข้า

นักเขียนการ์ตูนรายปี
อย่าง deviant art นี่เค้ามีกลยุทธ์ยังไงอ่ะครับ น่าลอกมันมาแฮะ
บันทึกการเข้า

ชื่อ Earth ครับ เรียกเอิดก็ได้ | Earthchie's Blog
เจ้านั้นนี่ได้ข่าวว่าเหรียนไทยลอกมากระจุย กร๊าก
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
แวะมาพูดถึงประเด็น แอพ vs เว็บ หน่อยนะครับ

แอพ ที่ย่อมาจาก Application นั้นเกิดมาก่อนหน้า Web นานมาก ตั้งแต่สมัยคนเริ่มเขียนโปรแกรมแทนที่จะเป็นบัตรเจาะรูโน่น (พระเจ้าเหาฮ่องเต้มหาราชที่ 12 เห็นจะได้) ที่เราเห็นในมือถือ หรือที่เรียกว่า Mobile App นั้นเกิดมาทีหลังก็จริงแต่ก็อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน แต่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเว็บมาก ส่วนเว็บนั้นเกิดจากตาทิม เบอร์เนอร์ส ลี แกอยากทำเอกสารให้มันเทพมากขึ้นก็เลยพัฒนา HTML ขึ้นมา และภายหลังก็เริ่มมีการเพิ่มความสามารถลงไปมากขึ้นเรื่อย ๆ

ความเห็นส่วนตัว ย่อหน้าข้างบนไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ ไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้น (แล้วจะเขียนทำไม?) คือ Mobile Application บนสมาร์ทโฟนหลากหลายยี่ห้อจะเป็นเทคโนโลยีที่เป็นตัวคั่นกลางระหว่างยุคต่อไป ก็คือยุคของเว็บ แต่ โมแอพ (ย่อเป็นคนญี่ปุ่นเลย) ก็จะไม่หายไปง่าย ๆ เช่นกัน คือจริง ๆ เราอยู่ในยุคที่ HTML เองก็มีความสามารถมากเกินพอที่จะทดแทนงานที่สามารถทำบนเครื่องได้โดยตรงทั้งหมดอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าการเขียนเว็บแอพ (แอพมาอีกละ) มันยังยากกว่าและการใช้งานก็ยังคงกินเครื่องอยู่มาก ดังนั้นยุคของ HTML ล้วน ๆ ก็เลยยังมาไม่ถึง

ผมเชื่อว่า ถ้าเป็นตอนนี้ ควรจะทำทั้งสองอย่าง ทั้งแอพและเว็บ คล้าย ๆ Facebook หรือ Google+ อาจจะเป็น Social Network ที่เน้นการขาย/แสดงผลงานของตัวเองขึ้นมาสักตัวก็ได้ จริง ๆ ก็มีวิธีการเขียนเว็บและแอพโดยอยู่บนพื้นฐานของโค๊ดชุดเดียวกันอยู่ครับ (อย่าง http://phonegap.com) ไม่ต้องพัฒนาแยกกันอีก ก็น่าจะทำให้พัฒนาได้ง่ายกว่า
บันทึกการเข้า

มาเยี่ยมชม blog ผมได้ที่ http://www.9tawan.com นะครับ :)
ตัวต้นขั้วมันโอเคนะครับ แต่พอ compile ออกมาเจอเรื่อง fragmentation ก็ยากหน่อย ที่จะเอาใจคนทุก OS ทุกแพลตฟอร์ม
หรือแม้แต่แพลตฟอร์มเดียวกัน อย่างแอนดรอยด์นี่ก็เป็นที่รู้กันว่าปัญหาเยอะฉิบหาย
ในขณะที่คนเขียนเว็บ (เหมารวมถึงพวก HTML เพียวๆ ด้วยละกัน) นั่นแค่ดักอะไรนิดหน่อยก็ทำงานในมือถือทุกค่ายทุกสัญชาติแล้วครับ

ในห้าปีนี้คิดว่าเราจะได้เห็นเว็บที่ค่อยๆ ทำได้มากขึ้น จนมาทดแทนแอป
และไอคอนของแอปก็จะเป็นแค่ shortcut ไปโผล่เข้าเว็บ (แบบ Firefox OS) มากขึ้นเรื่อยๆ ตามที่เทคโนโลยีจะอำนวยครับ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
อำนวยกำคราด อำนาจกำใคร
บันทึกการเข้า

กาก
จริง ๆ ก็มีวิธีการเขียนเว็บและแอพโดยอยู่บนพื้นฐานของโค๊ดชุดเดียวกันอยู่ครับ (อย่าง http://phonegap.com) ไม่ต้องพัฒนาแยกกันอีก ก็น่าจะทำให้พัฒนาได้ง่ายกว่า

phonegap (แถม titanium อีกตัว) นี่มันดีที่มัน port ไปหา mobile plateform อื่นๆ ได้ง่าย แต่ web plateform ผมว่าไม่ใช่ละ
คือถึงจะใช้สกิลด้านการทำเว็บมาพัฒนาได้ (ประหยัดเวลาเรียนรู้) แต่ยังไงก็ต้องพัฒนาแยกกับเว็บครับ

แถมแอพพวกนี้ไม่ตอบโจทย์ 100% เพราะตัวเฟรมเวิร์ค phonegap เองก็มีปัญหาของมันเหมือนกัน (ช้า, custom ได้ไม่ละเอียด)
บันทึกการเข้า

ชื่อ Earth ครับ เรียกเอิดก็ได้ | Earthchie's Blog
หน้า: 1 [2] 3
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!