หน้า: [1] 2 3
 
ผู้เขียน หัวข้อ: Project The artist  (อ่าน 8815 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เพื่อนและปาล์มมีโปรเจคจะทำ App The artist
เป็นแอพที่จะเป็นพื้นที่ให้ศิลปินเอางานตัวเองมาขาย
โดยไม่หักค่านายหน้าใดๆ

ที่มาที่ไปของมันก็คือ เพื่อนมีความรู้สึกว่างานอาร์ทิสดีๆทำไมต้องโดนพ่อค้าคนกลางโขกสับถึง70%
ก็เข้าใจค่ะว่าพ่อค้าคนกลางเขามีภาระเรื่องค่าที่ ค่าคน ค่าน้ำ ค่าไฟ
ถ้างั้นมันจะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีที่ๆนึงรวมศิลปิน ใครอยากทำอะไรมาขายก็ขาย
จะเป็นภาพวาด กระเป๋า ของแฮนด์เมด ฯลฯ
ก็มาลงที่เรา เหมือนที่ศูนย์รวมสินค้างานอาร์ทยังไงยังงั้น


โปรเจคนี้พึ่งคุยกับเพื่อนวันนี้ค่ะ เขาทำแอพไว้นานแล้ว
ลองเล่นเดโม่แล้วเออมันเวิร์คเลย
ไอ้เราก็เลยอยากเป็นกระบอกเสียง บอกต่อๆกันไปเผื่อมีใครจะสนใจค่ะ
ติดต่อPMมาหาปาล์มได้เลย หรือmail : iampalmแอดจีเมล.com ค่ะ


จริงๆยังมีอีกโปรเจคที่น่าสนใจคือ Mother museum อันนี้คุยกันจนเห็นรูปร่างระดับนึงแล้วค่ะ
เชื่อว่าจะเป็นอีกพื้นที่ๆให้เหล่าศิลปิน หรือคนชอบงานนิทรรศการได้ทำอะไรกันสนุกๆ
ย่อยของที่น่าเบื่อมาทำให้คนสนใจ แบบร่วมสมัย อาศัยนวัตกรรมอะไรก็ว่าไป
โปรเจคเกิดเมื่อไรจะมาป่าวประกาศกันอีกทีค่ะ


ปล. ลุงร่ม มาเป็นที่ปรึกษารับเชิญ บริษัทเค้ามั้ย มีอะไรให้สนุกเยอะเลยค่ะ  ลันล้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พ.ค. 2013, 20:39 น. โดย PalmySyd » บันทึกการเข้า
เอ๊ะ ทำไมถึงใช้รูปแบบแอปอะครับ
มันมีอะไรที่เหนือกว่าสื่ออื่นๆ รึเปล่า
(เช่นเว็บ หรือเอาง่ายๆ พ.ศ.นี้ก็เฟซบุ๊กต่างๆ)
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เพราะมองว่าอนาคตคนจะใช้แอพมากกว่าเวบค่ะ
เวบไซต์จะค่อยๆลดบทบาทลง
การตลาดบางคนก็มองว่าจะตายไป
มันก็เป็นมุมมองของนักการตลาดที่มอง product life cycleน่ะค่ะ
ไม่มีใครบอกได้ว่าจะตายเมื่อไร จะตายจริงหรือป่าว อาจจะเกิดการต่อกราฟ ทำให้ไม่ตายก็ได้นะ


อีกอย่างคือมองว่าคนอยู่กับมือถือตลอดเวลา
ฟังก์ชั่นแอพมันทำให้คนใช้งานง่าย
ถ่ายรูปปั๊บอัพโหลดได้เลย ประมาณFB อะไรยังงั้นค่ะ
บันทึกการเข้า
อาจจะดีนะ แต่เราจะกรองยังไงอะ กลัวว่าพอแอปออกไป
กลายเป็นตลาดธรรมดาไปเลย แบบขายอะไรก็ได้
บันทึกการเข้า
ทำเป็นแอปบนมือถือ มันมีข้อจำกัดเรื่องการแสดงผล คือหน้าจอมันเล็ก จะดูรูปอะไรมันก็ไม่เต็มตา
ยิ่งของที่จะลงขายเป็นพวกภาพวาด กระเป๋า ของแฮนด์เมด ยิ่งต้องดูละเอียดๆ เลย
คือถึงมันอาจจะไม่แพง แต่ของพวกนี้คนซื้อก็อยากดูให้แน่ใจว่าชอบและอยากได้จริงๆ

ต่างกับการซื้อโปรแกรม,ซื้อสินค้าบริการ(เช่นจองโรงแรม) หรือซื้อของที่รู้จัก/เคยใช้อยู่แล้ว
อันนี้ไม่ต้องดูรูปที่มีรายละเอียดมาก ก็ตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า


ปล. ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ อาจจะไม่ตรงกับนักการตลาด
บันทึกการเข้า
เคยคุยกะพี่คนนึง
เค้าว่าแพลตฟอร์มที่อยู่ยั้งยืนยงสุด
อยู่ในภาชนะเว็บดีกว่านะคะ แล้วจะแตกหน่อออกยอดเป็น mobile web, mobile app อะไรก็ว่าไป ไหว้
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
พอดีอยู่คนละฝั่งกับทฤษฎีที่ว่าแอปจะมาแทนเว็บน่ะครับ
ได้ยินมานานหลายปีละ เรื่องที่ว่าเว็บจะตาย จนกระทั่งโลกค่อยๆ ขยับไปนานเข้า
จนโลกในวันนี้มัไม่เหมือนเดิม เหมือนกับที่คนเริ่มแนวคิดแอปมาแทนเว็บก็ล้มหายตายจากไปแล้ว
เว็บก็ยังไม่ตาย แต่กลับกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ในขณะที่ฝ่ายที่ตายก็คือแอป (ในวันนั้นนะครับ)
แถมหลังจากการประกาศราวนั้นก็ดันมีไอแพด แท็บเล็ต ฯลฯ เกิดมาอีกมากมาย จนตอนนี้แว่นตายังมีเลย

ยิ่งมาดูเรื่องความหมลากหลายของแพลตฟอร์ม เรื่องอุปกรณ์ (อย่างที่คุณพ่อข้างบนว่าไว้)
ก็เลยยิ่งรู้สึกใหญ่เลยครับว่า device เกิดใหม่อีกมากมายมหาศาลเลยนะ ที่จะต้องมีการรันบนเว็บ
และแอปน่าจะเป็นหนึ่งภาชนะที่ทำให้เว็บนั้นมาแสดงผลได้ (ถ้าไม่มีแอปก็ใช้เบราว์เซอร์ได้อยู่ดี)

ก็เลยไม่แน่ใจว่าเรามองเห็นภาพตรงข้ามกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ เจ๋ง
ขออภัยที่พูดตรงๆ ครับ มันต้องมีคนแบบนี้ไว้มั่งเนอะ ไม่ได้เก่งหรือเชี่ยวชาญการตลาดอะไรครับ แค่สนใจด้านนี้
ลองถกกันได้นะครับ ไอเดียเริ่มต้นของปาล์มน่าสนใจแล้ว เลยมาช่วยเคาะๆ



ตัดหน้า fuc yea
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
โถๆ พิมพ์ซะยาว น้องดำ
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
โอ้.....ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ
ดีจังที่มีคนมาชี้ให้เห็นอะไรอีกทาง

สำหรับปาล์มมองว่า1-5ปีนี้ คนไทยยังจะใช้งานควบคู่กันระหว่างเวบและแอพค่ะ
จะเกิดการโอนถ่ายมายังแอพมากขึ้น
จริงที่พี่แอนว่าdeviceมีมากมายยิบย่อย การแบคทูเบสิคกลับมาที่เวบคือสิ่งที่ตอบได้หมด
แต่ถ้ามองในแง่การใช้งานปาล์มก็ยังรู้สึกว่าแอพจะตอบสนองความสะดวกในการใช้งานมากกว่า
อาจจะเหมาเอาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้ชีวิตที่ออสฯมานาน
ชีวิตแทบไม่ได้เข้าเวบเลยค่ะ ใช้งานผ่านแอพตลอด
และคนรอบข้าง รวมถึงคนอื่นๆก็ใช้แอพมากกว่า
ก็เลยตีคลุมเอาว่าตลาดไทยมักไหลตามต่างประเทศ
อเมริกาเอย ออสเอย จีนเอย มันคือทิศทางที่โลกพยายามเป็นไปค่ะ
ตรงนี้ยังไม่ได้ศึกษาถึงงานวิจัยแบบลึกๆนะคะว่า กราฟ ตัวเลขอะไรมันไปถึงไหนแล้ว
เดาเอากันง่ายๆจากเข้าเวบแล้วมันบังคับให้โหลดแอพนี่แหละ เว่ากันซื่อๆเลยเด้อค่า
บันทึกการเข้า
อาจจะดีนะ แต่เราจะกรองยังไงอะ กลัวว่าพอแอปออกไป
กลายเป็นตลาดธรรมดาไปเลย แบบขายอะไรก็ได้

ตอนนี้ที่คิดไว้จะมีตัวกรองแค่2อันคือ ตลาดแบรนด์กับตลาดอินดี้

ซึ่งจริงๆน่าจะมีตัวกรองที่ดีกว่านี้...คงต้องคราฟกันไปเรื่อยๆค่ะ^^
บันทึกการเข้า
ทำเป็นแอปบนมือถือ มันมีข้อจำกัดเรื่องการแสดงผล คือหน้าจอมันเล็ก จะดูรูปอะไรมันก็ไม่เต็มตา
ยิ่งของที่จะลงขายเป็นพวกภาพวาด กระเป๋า ของแฮนด์เมด ยิ่งต้องดูละเอียดๆ เลย
คือถึงมันอาจจะไม่แพง แต่ของพวกนี้คนซื้อก็อยากดูให้แน่ใจว่าชอบและอยากได้จริงๆ

ต่างกับการซื้อโปรแกรม,ซื้อสินค้าบริการ(เช่นจองโรงแรม) หรือซื้อของที่รู้จัก/เคยใช้อยู่แล้ว
อันนี้ไม่ต้องดูรูปที่มีรายละเอียดมาก ก็ตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า


ปล. ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ อาจจะไม่ตรงกับนักการตลาด

จริงค่ะ ไม่งั้นมันจะออกมาแนวอีเบย์ที่ต้องมาเดากันเอาเองว่าคุณภาพมันจะยังไงนะ จะโดนหลอกย้อมแมวรึป่าว
ซึ่งคงต้องขึ้นกับนโยบาย ตัวกรอง ข้อกำหนดต่างๆยิบย่อยอีก...ว่าไปก็เยอะเนอะ  fuc yea
บันทึกการเข้า
โอ้.....ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ
ดีจังที่มีคนมาชี้ให้เห็นอะไรอีกทาง

สำหรับปาล์มมองว่า1-5ปีนี้ คนไทยยังจะใช้งานควบคู่กันระหว่างเวบและแอพค่ะ
จะเกิดการโอนถ่ายมายังแอพมากขึ้น
จริงที่พี่แอนว่าdeviceมีมากมายยิบย่อย การแบคทูเบสิคกลับมาที่เวบคือสิ่งที่ตอบได้หมด
แต่ถ้ามองในแง่การใช้งานปาล์มก็ยังรู้สึกว่าแอพจะตอบสนองความสะดวกในการใช้งานมากกว่า
อาจจะเหมาเอาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้ชีวิตที่ออสฯมานาน
ชีวิตแทบไม่ได้เข้าเวบเลยค่ะ ใช้งานผ่านแอพตลอด
และคนรอบข้าง รวมถึงคนอื่นๆก็ใช้แอพมากกว่า
ก็เลยตีคลุมเอาว่าตลาดไทยมักไหลตามต่างประเทศ
อเมริกาเอย ออสเอย จีนเอย มันคือทิศทางที่โลกพยายามเป็นไปค่ะ
ตรงนี้ยังไม่ได้ศึกษาถึงงานวิจัยแบบลึกๆนะคะว่า กราฟ ตัวเลขอะไรมันไปถึงไหนแล้ว
เดาเอากันง่ายๆจากเข้าเวบแล้วมันบังคับให้โหลดแอพนี่แหละ เว่ากันซื่อๆเลยเด้อค่า


เอ พี่ว่าไม่ใช่พฤติกรรมคนไทยนะ (คนไทยเล่นไลน์กะเฟซบุ๊ก กร๊าก)
ลองเทียบเคียงกับ Etsy หรือ Pinterest ก็ได้ น่าจะเทียบเคียงกะโปรเจกต์ที่ปาล์มกำลังจะทำ
สังเกตว่ามันมาทางเว็บเป็นแกน แล้วจะปล่อยแขนขาเป็นแอปหรืออะไรลงแพลตฟอร์มไหนก็ว่าไป

หรือ Instagram หรือ Tumblr ก็ได้ เหล่านี้มาเป็นเว็บ แล้วแตกแขนงเป็นเส้นอื่น
เอาจริงๆ คือถ้าคิดจะเป็นแอปนำ แม่งจูนในแพลตฟอร์มเดียวให้รอด ยังอ้วกเลย fuc yea
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เห็นด้วยจ้า
ตูคนนึงนี่แหละที่ไม่ชอบความเป็นแอ๊บเลย
เหมือนง่ายแต่ยุ่งยากเพราะมันมาไม่ค่อยครบยังไงไม่รู้ (ในกรณีที่มีเว็บอยู่แล้วนะ)
จะใช้อะไรอยากผ่านเบราเซอร์ แล้วจะทึ่งกับอีเบราเซอร์ที่เป็น responsive มากกว่า  กรี๊ดดดดด


ปล. คนไทยซื้อของผ่านเน็ตยังเพิ่งค่อยๆโตเลย ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

นักเขียนการ์ตูนรายปี
พี่ว่าเป็นเว็บนำ มันเข้าถึงมากกว่ารึเปล่า
พอทำเป็นแอพปั๊บ หมายความว่าทิ้งคนที่ไม่ใช้สมาร์ทโฟนไปเลยนะ
หรือการตลาดเค้าสำรวจมาแล้วว่าคนที่ไม่ใช้สมาร์ทโฟนนี่ ไม่เข้ากลุ่มที่จะซื้องานศิลป์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
เป็นแอป ตูว่ายากนะ คือ มันต้องโหลดมาลงในเครื่องใช่ป่ะ ไอ้ขั้นตอนจะโหลดนี มันต้องมี 1 ครั้งที่ต้องตัดสินใจละ

แต่พอเป็นเว็บนี่ เปิดดูได้เลย ไม่ต้องคิด ชอบแล้วค่อยโหลดแอปมาลงเครื่อง
บันทึกการเข้า

กาก
หน้า: [1] 2 3
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!