เมื่อเมืองขึ้นยกทัพมาถึงเมืองกะหมังกุหนิงท้าวกะหมังกุหนิงออกมต้อนรับ พระอนุชาของท้าวกะหมังกุหนิง ทั้ง ๒ พระองค์
คือ ระตูปาหยัง และระตูประหมัน ก็ยกทัพมา เมื่อทั้งสองรู้ถึงสาเหตุที่ท้าวกะหมังกุหนิงจะยกทัพไปแย่งชิงนางบุษบา
ก็ทรงห้ามปราม โดยให้เหตุผลว่า พระธิดาที่สวย ใช่จะมีแต่พระธิดาของท้าวดาหา เมืองอื่นก็มี และอีกประการหนึ่ง
เมืองดาหาเป็นเมืองใหญ่ วงศ์อสัญแดหวา มีเมืองพี่เมืองน้องที่เก่งกล้า ถ้าทำศึกกับเมืองดาหา ก็เท่ากับทำศึกกับวงศ์อสัญแดหวา ซึ่งเปรียบดังแสงอาทิตย์ ส่วนเมืองกะหมังกุหนิงเปรียบเหมือนหิ่งห้อย แต่ท้าวกะหมังกุหนิงไม่เชื่อพระอนุชา
ทั้งสอง เพราะรักลูก เกรงว่าถ้าวิหยาสะกำ จะตายเพราะตรอมใจถ้าไม่ได้นางบุษบา ซึ่งถ้าหากวิหยาสะกำตาย
ท้าวกะหมังกุหนิงก็คงต้องตายด้วย เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ต้องตายเพราะลูก
ฝ่ายราชทูตที่ไปสู่ขอนางบุษบา ได้ส่งพระราชสารของท้าวกะหมังกุหนิงให้ท้าวดาหา เมื่อท้าวดาหาทรงทราบใจความของในพระราชสาร ก็ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากได้ตกลงให้นางบุษบาเป็นตุนาหงันกับจรกาไปแล้ว และบรรดาข้าวของ-
เครื่องราชบรรณาการที่ท้าวกะหมังกุหนิงส่งมาก็ไม่ขอรับ ราชทูตได้แจ้งเตือนให้ท้าวดาหาทราบว่า ท้าวกะหมังกุหนิงจะยก
กองทัพมาแย่งชิงนางบุษบา
เมื่อราชทูตของเมืองกะหมังกุหนิงกลับไปแล้ว ท้าวดาหาก็ให้ทหารไปแจ้งข่าวพระเชษฐา ก็คือท้าวกุเรปัน และพระอนุชา
ทั้งสอง ก็คือท้าวสิงหัดส่าหรี และท้าวกาหลัง นอกจากนี้ยังแจ้งไปยังเมืองของจรกา ให้ยกทัพมาช่วยรบโดยเร็ว
เมืองกุเรปัน เมื่อรู้ข่าวศึก ก็กังวลพระทัยมาก เนื่องจากอิเหนาอยู่กับนางจินตหราที่เมืองหมันหยาจึงสั่งให้แต่งจดหมายขึ้นมา ๒ ฉบับ ส่งไปเมืองหมันหยา ให้อิเหนา ๑ ฉบับ และให้ท้าวหมันหยา ๑ ฉบับ ให้เดินทางภายใน ๑๕ คืน
แล้วก็สั่งให้กะหรัดตะปาตี (เป็นโอรสที่เกิด มะเดหวี มเหสีลำดับที่ ๒ มีศักดิ์เป็นพี่ของอิเหนา)ยกทัพไปสมทบกับทัพของอิเหนา
ที่จะยกมาจากเมืองหมันหยา โดยให้ยกทัพไปคอยที่ทางร่วมจะไปเมืองดาหา