... ช้างสารซ่านซับมัน รันแรงร้ายเกินกำหนด
ลือชาทั่วปรากฏ มาลดกายให้กบกิน ...
หนังสือสุภาษิตภาคใต้ จากข้อความข้างต้น หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดสงสัยว่า ช้างตัวใหญ่ยอมให้กบตัวเล็กนิดเดียวกินได้อย่างไร คำถามนี้ยากเป็นความที่มีนัยแห่งข้อธรรมที่ลึกซึ้ง ซึ่งผู้ประพันธ์สุภาษิตถอดความมาจากภาพปริศนาธรรม
ภาพปริศนาธรรม เป็นการถ่ายทอด หรือ อธิบายข้อธรรมด้วยภาพมีองค์ประกอบเป็นภาพสัตว์ชนิดต่าง ๆ ทั้งประเภทจตุบาท ทวิบาท และสัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่ ช้าง กบ นก งู สาระในภาพสื่อให้เกิดความคิดในเชิงเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นความเป็นไปตามสภาพธรรมของโลกโดยลำดับ
เนื้อหาของภาพเป็นเป็นตอน ๆ ต่อเนื่องกันเป็นชุด ภาพปริศนาธรรมชุดนี้มี ๖ ตอน ถ่ายทอดมาจากบทธรรมปฎิจจสมุปบาท
ภาพที่ ๑ เริ่มต้นด้วยภาพสระน้ำ ๓ สระ มีคำอธิบายประกอบภาพว่า น้ำ ๓ สระคือตัณหาทั้งสาม ได้แก่
๑. กามตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในกาม ได้แก่ กามคุณซึ่งสนองความต้องการทางประสาททั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
๒. ภวตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในภพ ได้แก่ ความอยากในภาวะของตัวตนที่ จะได้ จะมี จะเป็น
๓. วิภวตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในวิภพ ได้แก่ ความอยากในความพรากพ้นไปแห่งตัวตน จากความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งอันไม่ปรารถนา
ภาพที่ ๒ เป็นภาพช้างมีน้ำ ๓ สระอยู่ภายในท้อง มีคำอธิบายประกอบภาพว่า ช้างสาร คือ ชาติ กลืนน้ำ ๓ สระ คือ ตัณหาทั้งสาม
ภาพที่ ๓ เป็นภาพกบ ภายในท้องกบมีช้าง ซึ่งมีน้ำ ๓ สระอยู่ภายในท้องช้างนั้น มีคำอธิบายประกอบภาพว่า กบ คือ โลภะกลืนชาติ ชาติกลืนตัณหาทั้งสาม
ภาพที่ ๔ เป็นภาพงู ภายในท้องงูมีกบ ซึ่งมีช้างอยู่ในท้องกบ และมีน้ำสามสระอยู่ในท้องช้างนั้น มีคำอธิบายประกอบภาพว่า งู คือ โทสะกลืนโลภะ กลืนชาติ กลืนตัณหาทั้งสาม
ภาพที่ ๕ เป็นภาพนกไส้ ภายในท้องนกมีงู ซึ่งมีกบอยู่ในท้องงู มีช้างอยู่ในท้องกบ และมีน้ำสามสระอยู่ในท้องช้างนั้น มีคำอธิบายประกอบภาพว่า นกไส้คือโมหะกลืนทั้งนั้นบินไปจับต้นอ้อ
ภาพที่ ๖ เป็นภาพต้นอ้อ ซึ่งนกไส้บินไปเกาะอยู่นั้น และมีหนู ๔ ตัวกำลังกัดกินโคนต้นอ้อนั้น มีคำอธิบายภาพว่า ต้นอ้อคือตัวอาตมา หนู ๔ ตัว คือ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ
การถ่ายทอดบทธรรมปฏิจจสมุปบาท เป็นภาพเปรียบเทียบให้เห็นกิเลสที่ปรุงแต่งเป็นปัจจัยต่อ ๆ กันไป เป็นร่างกายที่มีจิตประกอบด้วยกิเลสเป็นความทุกข์ เนื่องจากกิเลสซ้อนกันอยู่เช่นนั้น
ภาพปริศนาธรรมดังกล่าวนี้ ในสมัยโบราณนิยมเขียนภาพลงในสมุดไทย นอกจากนั้นยังพบในงานลายรดน้ำบนตู้พระธรรม และในงานจิตรกรรมฝาผนังตามโบสถ์ วิหาร ก็มีบ้าง ซึ่งบรรพบุรุษไทยสร้างสรรค์ขึ้น
ใช้เป็นอนุศาสน์สำหรับให้คนทั้งหลาย ได้รำลึกถึงความเป็นไปอันไม่แน่นอนของชีวิต ดังเช่นต้นอ้อเป็นไม้ไม่มีแก่น เป็นที่ตั้งที่อาศัยของจิตอันประกอบด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน ซ้อนกันอยู่มีความแก่ ความเจ็บ ความตายเบียดเบียนกัดแทะเป็นนิจ
ฉะนั้น ควรที่คนทั้งหลายพึงพิจารณา และเตรียมพร้อมไว้ไม่ให้เกิดความประมาทในชีวิตนั่นเอง
เท่มั้ย