หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 26
 
ผู้เขียน หัวข้อ: แผ่เมตตา  (อ่าน 84403 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยาปัชฌา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิดฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 ธ.ค. 2011, 13:10 น. โดย Alsmile » บันทึกการเข้า

sometimes you need to let things go.
หลวงพี่อย่าใช้อักษรสีจีวรซิครับ อ่านยาก  กร๊าก ไหว้

//อ๊ะ แก้แล้ว  ไหว้
บันทึกการเข้า

กาก
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยาปัชฌา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิดฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พ.ย. 2011, 12:07 น. โดย Alsmile » บันทึกการเข้า

sometimes you need to let things go.
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยาปัชฌา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิดฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พ.ย. 2011, 12:07 น. โดย Alsmile » บันทึกการเข้า

sometimes you need to let things go.
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยาปัชฌา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิดฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พ.ย. 2011, 12:07 น. โดย Alsmile » บันทึกการเข้า

sometimes you need to let things go.
โอ้ นี่แหละครับ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแบบที่ต้องการ  กร๊าก

เดี๋ยวหาประเด็นคาใจมาถามครับ เรียบกรียความคิดในหัวก่อน
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
เจ๋ง กรี๊ดดดดด

เดี๋ยวขอนึกคำถามก่อนเช่นกันครับ
ตอนนี้อ่านหนังสือ "พระพุทธเจ้ามีจริงหรือ" ของ a book อยู่พอดี
(ซื้อตอนอยู่ใน a day เล่มนั้นไม่ทัน ขายดีมากจนต้องดึงคอลัมน์หลักมาแยกขายเป็นเล่ม และแพงกว่า fuc yea)
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
มีฝรั่งคนนึงบอกว่า
ศาสนาคือเครื่องมือไว้ควบคุมคนและสังคม
ของชนชั้นปกครอง ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนก็เหมือนกัน
ฝรั่งคนนั้นจะบาปไหมครับ

แล้วถ้าเขาไม่ได้นับถือศาสนาล่ะครับ มันจะผิดบาปข้อไหน
เพราะเขาเชื่อว่าบาปบุญก็เป็นแค่สิ่งสมมติในศาสนา


บันทึกการเข้า


ภิกษุในช่วงเวลานี้ ยังคงถือว่าเป็นเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ตามจุดมุ่งหมายเดิมของศาสดารึเปล่าครับ

ในสมัยพุทธกาลภิกษุธุดงค์ในหน้าฝน(ซึ่งไม่ได้ผิดวินัยอะไร)
เพียงแต่ชาวบ้านบอกว่า ทำให้ต้นกล้าที่ท่านเหยียบย่ำเสียหาย พุทธองค์เลย บัญญัติช่วงเข้าพรรษาขึ้นมา
ต่างอะไรกับมือถือ คอมพิวเตอร์ (ที่จุดมุ่งหมายในทางดีเหมือนกัน)
คิดว่าถ้าพุทธองค์อยู่ใน พศ นี้ จะมีบัญญัติอะไรขึ้นมาเพิ่มรึเปล่าครับ

อีกคำถามนะครับ
จริงๆ แล้วภิกษุควรทำอะไรกันแน่ เพื่อบรรลุ เพื่อเรียนรู้ เพื่อเผยแพร่ ?
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
มิ้นเคยถามญาติคำถามนึง สงสัยจริงๆ แต่เขาเข้าใจว่าเราไปกวนเขา

อยากถามว่า ทำไมเราต้องสวดมนต์ภาษาบาลีคะ ในเมื่อยังไงต้องสวดภาษาไทยซ้ำอีกรอบ
บันทึกการเข้า
ลุงร่มเอาจู๋นี้ใส่สารบัญด้วยนะครับ เจ๋ง
บันทึกการเข้า

แต่ละคำถาม เจ๋งอะ
เดี๋ยวขอไปคิดบ้าง  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ตั้งตารออ่านอย่างใจจดจ่อ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

지금은 소녀시대 , 앞으로도 소녀시대 , 영원히 소녀시대
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยาปัชฌา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิดฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พ.ย. 2011, 12:08 น. โดย Alsmile » บันทึกการเข้า

sometimes you need to let things go.
โอ้ เยี่ยมเลย เฝ้ารอสิ่งนี้มานาน ไหว้

ผมเป็นคนที่หลวงพี่พูดถึงครับ เป็นคนไม่มีศาสนา
เป็นมานานแล้ว นับๆดูก็เกือบๆจะสิบปีที่มีความคิดแบบนี้
ทุกคนที่รู้จักก็รู้ดี โดยเฉพาะที่นี่ กร๊าก

อันนี้นี่รวมถึงในทะเบียนบ้าน ในบัตรประชาชนด้วยนะครับ ระบุเลยว่าไม่นับถือศาสนาใด
บัตรประชาชนแบบเมื่อก่อนจะมีระบุศาสนา ก็จะขีดละ (แบบนี้ : ศาสนา - )
แต่บัตรประชาชนเดี๋ยวนี้ไม่มีช่องนี้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามีเหตุผลอยู่
ผมเดาเอาว่ามันคือทิศทางทั่วไปของรัฐประชาธิปไตยสมัยใหม่
เพราะเราเป็นรัฐฆราวาสที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่รัฐศาสนา
ที่จะเอาศาสนามาผูกโยงกับการจัดระเบียบใดๆของรัฐ
เอาให้ชัดๆคือ ทิศทางของรัฐที่พัฒนาแล้วทั้งหลาย
จะมุ่งไปในทิศทางเดียวกันคือ ไปในกรอบความคิดที่ว่า "ศาสนาคือรสนิยมส่วนบุคคล"

ซึ่งหากจะพูดถึงแบคกราวด์ทางความคิด ว่าเกิดมาอยู่เมืองนอก มีประสบการณ์ทางสังคมความคิดแบบฝรั่งหรือไร
อันนี้ถึงแม้ว่าจะเคยไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก แต่ก็เกี่ยวกันน้อยมากครับ
เพราะโตมาครอบครัวที่มีปู่เป็นเจ้าอาวาส บ้านข้างวัดอยู่กับวัดนี่แหละ
ในหมู่บ้านเล็กๆที่มีบรรยากาศพุทธแบบชาวบ้านออริจินอลสุดๆ
รวมถึงตั้งแต่เด็ก ก็ศึกษาธรรมะสายหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ไปบ่อยมากๆ
(บ้านอยู่แถวนั้น) ฝึกสมาธิมาค่อนข้างเคร่งครัด ผ่านวัดหนองป่าพงนี่แหละ
รวมถึงโตมาหลายๆช่วงก็อาศัยอยู่กับครอบครัวมุสลิม ละหมาดเป็น เข้ามัสยิดได้

แต่โดยสรุปรวมแล้ว ก็ทำให้เห็นว่าบทบาทของศาสนาต่อสังคมนั้นคืออะไรบ้าง
และเราควรวางบทบาทของเราต่อศาสนายังไง รวมถึงมีมุมมองต่อศาสนาในสถานะสถาบันยังไง
(หมายถึงตัว สถาบัน-Establishment เลยนะครับ ไม่ใช่อภิธรรม) สุดท้ายจึงเห็นกระจ่างว่า
ศาสนาคือรสนิยม และไม่นับถือศาสนาใด เลือกเอามาใช้ได้จากทุกอย่าง
แต่แน่นอนว่า แนวคิดนี้ผิดในทุกศาสนา คือมิจฉาทิฏฐิในพุทธ
ส่วนพุทธและคนไม่มีศาสนา ก็เป็นกาเฟร(คอนนอกศาสนา-มีนัยของการสงสารเห็นใจด้วย)ในอิสลาม
เพราะทุกศาสนาก็ถือว่าตนคือ"ความจริงสุงสุด"ด้วยกันทั้งหมดอยู่แล้ว

เราโตมาในสังคมพุทธของไทย เราก็จะมีกรอบการมองโลก - Cognitive Structure แบบพุทธไทย
และถือว่าคนที่คิดนอกเหนือจากนี้คือผิดแน่ๆอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่มุมมองที่มองออกมาจากศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
จะตัดสินว่าแนวคิด"บางชนิด"นั้นผิด

อธิบายมุมมองของตนเองก่อนนะครับ ยินดีมากที่จะได้สนทนากับหลวงพี่
ในที่นี้ ผมควรบอกด้วยว่า ผมไม่อยู่ในกรอบความคิดแบบช่วงชั้นทางสังคมของไทย
คือมองไม่เห็นสถานะของบุคคล ไม่ว่าจะที่อายุหรือสถานะทางสังคม
พระสำหรับผมก็คือมนุษย์ พระมหากษัตริย์สำหรับผมก็คือมนุษย์
ทุกคนคือมนุษย์เท่าเทียมกันหมดบนพื้นฐานการถกเถียงของเหตุผล
ขอเพียงเราทำมันอย่างสุภาพและมีเหตุผลพอ เพราะยิ่งเราคิดว่าทุกคนคือมนุษย์เท่ากัน
เรายิ่งต้องใส่ใจและเคารพทุกคนเท่ากัน

ยังไม่ได้เสนอหรือถามอะไรเลย ปูพื้นไว้ก่อนครับผม
เนื่องจากหลายๆคนแถบนี้ ถกเถียงกันเรื่องศาสนาการเมืองสังคมกันมายาวนานหลายปี
รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว จึงขอย่นย่อมาให้หลวงพี่อ่านในไม่กี่ย่อหน้า ไหว้



บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 26
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!