เป็นคำตอบที่คิดว่าจะได้รับจากนักบวชในสังกัดศาสนาใดศาสนาหนึ่งทุกประการเลยครับ
ผมจำได้ตอนเรียนอิสลามกับโต๊ะอิหม่าม คาดว่าจะได้รับคำตอบแบบไหน
ก็ได้รับดังนั้นสมดังใจ การสนทนานี้ก็เช่นเดียวกันครับ
(ไม่ได้จะชาล้นถ้วยนะครับ แต่คาดเอาไว้แบบนี้จริงๆ
ศาสนาคือความจริงสูงสุดหนึ่งเดียว ไม่เคยเปลี่ยน
คำตอบมันจึงจะต้องเป็นแบบนี้เสมอไป)
ศาสนาเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของสังคมที่สำคัญมาก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
เรายังมีกรอบความคิดอื่นๆให้จำเป็นต้องมอง เพราะสังคมมนุษย์ประกอบด้วยกรอบความคิดต่างๆมากมาย
แต่อย่างที่หลวงพี่ว่า มันคือทางโลกย์ ไม่ได้จุดมุ่งหมายของสงฆ์
สวนคำตอบที่ผมและคนอื่นๆในสังคมที่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายทางศาสนาสนใจ ก็ย่อมต้องเป็นทางโลกย์
ไม่ใช่จุดมุ่งหมายบรรลุธรรม เพราะมันคือโลกที่เราอยู่ และต้องวิวัฒนาการไปบนพื้นฐานความคิดนี้เป็นหลัก
โดยมีศาสนาเป็นตัวช่วยอีกปัจจัยหนึ่ง ดังนั้นที่หลวงพี่สงสัยว่าจะค้นหาคำตอบทำนองนี้ไปทำไม
ก็เพราะนี่เป็นสิ่งที่ทำหน้าขับเคลื่อนโลกครับ เศรษฐศาสตร์ การเมือง วัฒนธรรม แนวคิดทางสังคมทั้งหลาย
ศาสนาก็ด้วย เพราะโลกขับเคลื่อนด้วยสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเลย ที่ผมทำคือการพยายามรักษาสมดุล
ของการเอาองค์ความรู้ของทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องศาสนามารวมกันและชวนคนอื่นคิดพูดคุยกัน
ผ่านมุมมองชนิดต่างๆ เพราะเราทุกคนต่างก็รู้ว่า มันจำเป็นทั้งหมดและเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ส่วนในฐานะนักบวช หลวงพี่ก็ย่อมจะมองว่านี่ยังไม่ดีพอ
เพราะจุดมุ่งหมายทางธรรมนั้นแน่นอนว่าต้องสำคัญที่สุด
ซึ่งก็เข้าใจและเคารพในจุดยืนนั้นเสมอครับ
มีหลายส่วนที่หลวงพี่ตีความหรือเข้าใจเจตนาผมผิด(โดยเฉพาะเรื่องรับความคิดฝรั่งอะไรทั้งหลาย
รวมถึงที่ยกตัวอย่างฝรั่งฆ่าเมียกรณีเดียวแล้วนำมาสรุปทั้งเผ่าพันธ์ฝรั่ง
- เห็นชัดว่าหลวงพี่ยังสลัดกรอบความคิดแบ่งมนุษย์หยาบๆฝรั่งไทยอะไรแบบนี้ไม่หลุด)
รวมถึงการสนทนาแลกเปลี่ยนกันเรื่องสังคม การเมือง วัฒนธรรมของที่นี่
ก็สนทนากันแบบเอาเป็นเอาตายแบบนี้เสมอครับ โดยที่ทุกคนก็ยังฮาตุ้มเม้งกัน
ไม่ได้มีอารมณ์หรือความขุ่นมัวใดๆเจือปนกันอยู่ รวมถึงไม่ได้หมายจะเปลี่ยนความคิดเอาชนะอะไรกัน
ไม่ว่าจะเห็นตรงเห็นแย้งเห็นต่างอย่างไร หรือมีจุดยืนที่ต่างกันทางความคิดแค่ไหน
การเอาความคิดทั้งหลายมาแผ่กันออกมาและมีสาธารณะคอยดูตรวจสอบทักท้วงเสนอแนะ
ผู้อ่านก็จะได้ประโยชน์เสมอ เราไม่ได้กำลังเอาชนะคะคานกันทางความคิดหรือเปลี่ยนแปลงความคิดใคร
นี่เป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนมุมมองและเรียนรู้กันและกัน ผมค้นพบว่าได้ประโยชน์จากสิ่งนี้เสมอ
และผู้ที่ได้อ่านก็จะได้ประโยชน์ รวมถึงสังคมโดยรวมจะได้ประโยชน์เสมอ
ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้บริหารประเทศ เราในฐานะพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย
การถกเถียงกันทางความคิดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมเสมอครับ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดด้วยซ้ำ
เพราะอำนาจสูงสุดของระบอบนี้อยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่แค่ที่ผู้บริหารประเทศ
คุณภาพของสังคมประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ การถกเถียงโต้แย้ง
กันเยอะๆเกี่ยวกับสังคมที่เราอยู่ ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของสังคมประชาธิปไตยโดยรวม
(ส่วนเรื่องเสียเวลา สำหรับผมนั้นไม่ครับ ผมว่างมาก
)
ในแง่การโต้แย้งทางความคิด ผมเป็นคนเปลี่ยนความเห็นได้ง่ายมาก ถ้ามีสิ่งไหนเป็นเหตุผลที่ดีกว่าที่เข้าใจอยู่
หรือมีข้อมูลมาหักล้าง สามารถเปลี่ยนได้เดี๋ยวนั้นเลย เพราะไม่มีจุดอะไรจะต้องยืน ไม่ได้มีหน้าที่รักษาแนวคิดไหน
รวมถึงไม่คิดว่าตัวเองเป็นอิสระอะไรด้วย ก็เข้าใจอยู่เสมอว่าเป็นเพียงมนุษย์ที่อยู่ท่ามกลางโลกที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตลอด
จึงเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง ค้นหา ศึกษา ผิดบ้าง ถูกบ้าง รับเอาแนวคิดใดๆในโลกได้หมด
สนทนากันไปนานๆก็จะค้นพบเองครับ ว่าที่เห็นเขียนถกกันเอาเป็นเอาตาย
จริงๆก็นั่งฮาๆอยู่ปกตินี่ล่ะครับ
ประเดี๋ยวจะเปลี่ยนให้กลายเป็นกระจู๋น่าเบื่อไปอีก
ขอเสนอประเด็นนี้แต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะจริงๆแล้ว
เราอุตส่าห์ได้หลวงพี่ที่คุยสนุกแบบนี้มาร่วมสนทนา ผมยังมาถามอะไรน่าเบื่ออยู่ได้
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับพ้ม