อ้าวแต่call sheetของผมความหมายเดียวกะcontract sheet แฮะคือเป็นใบที่ใส่ชื่ออีเมลเบอร์ดติดต่อของทุดคนในทีม
ส่วนเรื่องเวลาon locationมันรวมในเบรคอยู่แล้วขอภายในสิ้นเดือนนี้นะครับจะเอาตัวอย่างงานมาให้ดู
สรุปให้ฟังง่ายๆอีกที
1.ไปรับบรีฟกับลูกค้าเอเจนซี่(อันนี้จะได้สตอรี่บอร์ด)
2. เอามาแตกบอร์ดเพื่อเอาไปเป็น--ชู้ตติ้งบอร์ด(ความหมายตรงตัวเลยครับคือบอร์ดที่เอามาถ่ายครับจะถูกดัดแปลงโดยผู้กำกับครับ)
3. ประชุมทีมเพื่อแจกแจงหน้าที่
4. ผู้ช่วยจะหาเรฟเฟอร์เร้นเพื่อไปขายลูกค้าและเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในทีม
5. ลองเทสช๊อตที่ต้องใช้แมคคานิคหรือพวกฟู้ดช๊อต
ุ6. รวมความคืบหน้าเพื่อทำพรีเซ้นขายลูกค้า
ึ7. อินเทอร์นอลอันนี้คือขายลูกค้าเอเจนซี่เพื่อให้เอเจนซี่คัดกรองและแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อนที่จะไปขายลูกค้าโปรดักซ์
8. ขายทุกอย่างที่มีให้ลูกค้าโปรดักส์เลือกเช่นโลเกชั่น ตัวแสดง เสื้อผ้าฯลฯ(อันนี้จะเรียกว่าพรีโพ(Preproduction))
9. ประชุมทีมอีกทีเพื่อเอาคอมเม้นลูกค้าโปรดักส์มาปรับและทำงานต่อ
10. ทำงานต่อเช่น ไปบล๊อคช๊อต(คือการไปดูโลเกชั่นจริงที่ลูกค้าโปรดักซ์เลือกไว้แล้วมาร์กเฟรมก่อนถ่าย)ฟิตติ้ง(การลองเสื้อผ้าและเทสบทของตัวแสดงที่ลูกค้าโปรดักซ์เลือก)ฯลฯ
11. พรีโพรอบที่2เพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดให้ลูกค้าโปรดักส์ดูเมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็จะได้ถ่ายถ้ายังก็วนลูปเดิมและขายลูกค้าโปรดักซ์อีกรอบ
12. ถ่าย
13. อันนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนของโพสโพรดักชั่นพวกตัดต่อ
14. ดับเบิ้ลเฮด(ให้ลูกค้าโปรดักซ์และเอเจนซี่มาดูไลน์เรื่อง)แต่ก่อนถึงอันนี้เอเจนซี่จะเข้ามาดูก่อน
15. ทำสีหนังถ้าเป็นฟิลม์จะเรียกว่าเทเรซีนเป็นเครื่องแพงมากไว้ทำสีฟิมล์(ถ้าไปห้องตัดจะมีห้องonline กับ offlineต่างกันตรงอุปกรณ์แบะคุณภาพและราคาซึ่งแน่นอนห้องonlineแพงกว่ามาก)
16. (vtr)อันนี้ทำเสียง
17. ส่งมาสเตอร์
ปล.อันนี้คือคร่าวๆนะครับแล้วก็ช่วงหลังโพสโพรอาจจะเรียงไม่ถูกนะครับเพราะผมไม่ค่อยไปเข้าไปดูเท่าไหร่