หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 10
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กไม่ธรรมดา (แตกหน่อจาก ขจกต)  (อ่าน 43351 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้

บางคนเฟลมากเลยนะเรื่องไปหาหมอโรคจิตเนี้ย

ของเมืองนอกดูเหมือนเป็นหวัดก็ไปหายามากินนะ ไอการไปหาจิตแพทย์เนี้ย แต่บ้านเราคือคนบ้าแน่ๆ  fuc yea fuc yea fuc yea
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
จิตแพทย์เฟร้ย เรียกหมอโรคจิต แม่งเสียหมด  กร๊าก

นั่นแหละ เหมือนครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ก็ไปหาหมอไว้ก่อน อะไรแบบนั้น
บ้านเราขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้มากนะ
โรคประสาท โรคจิต ก็ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญบางอย่างมันเป็นเรื่องของเคมีในสมอง
ซึ่งต้องใช้เคมีบำบัด จะมาใช้จิตใจเยียวยาไม่ได้
แล้วมีปัญหาแนวนี้เมื่อไหร่ คนไทยซุกไว้ในบ้านหมด  เกรียน
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>


ไว้บ้าก็ค่อยไปหาหมอโรคจิต  fuc yea
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
เดี๋ยวตูพาไป  fuc yea
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>


ผมบ้าเพราะว่าสติไม่ดี ไม่ใช่เป็นคนไม่ดี ผมเป็นคนบ้าาาา  fuc yea
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
มันก็น่ายอมแพ้นิดนึงนะ  ฮ่าๆ ฮือๆ เพราะน้องมีสกิลทำหูทวนลมสูงมาก
แบบเจ้าตัวเค้าก็ไม่อยากรับรู้อะถ้าพูดด้วยตรงๆ ต้องปะเหลาะๆ  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะใครล่ะ คนเราเกิดมาหูทวนลมเองรึไง  fuc yea
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
งั้นลองพูดน้อยๆ แต่เอาแต่ที่สำคัญๆ
พ่อขี้บ่นเหมือนกันเลยไม่ฟังทุกเรื่อง จะว่าหูทวนลมก็ใช่ แต่มันเยอะเกินอะ ไม่รู้ฟังตอนไหนดี ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

จะพยายามเน่อ  หมีโหด~
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
หลักการพื้นฐานเลยว่าใครจะมองเห็นโลกเป็นยังไง
หรือจะมีปฏิกิริยา ความคิดต่อเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เติบโตมาในชีวิตยังไง
อยู่ที่ครอบครัวและวัยเด็กนี่แหละ

ถ้าตอนเด็กๆเรามีพ่อแม่ครอบครัวยังไง
เราก็จะ Project ขยายความเข้าใจนั้นไปสู่โลกทั้งใบ
จริงๆข้อนี้ถ้ายกตัวอย่างสัตว์เลี้ยงจะเข้าใจง่ายขึ้น
หมามันก็จะเอาคนที่มันรู้จักใกล้ตัวที่สุด ก็คือเจ้านาย
ไป Project โลกทั้งใบว่าเป็นแบบนั้น-ว่ามนุษย์เป็นแบบนั้นหมด
เจ้าของเลี้ยงหมายังไง มันก็จะมองโลกเป็นแบบนั้น

เรามีคนรอบตัวในวัยเด็กยังไง มันก็จะขยายเป็นวิธีมองโลกของเราเมื่อตอนโตขึ้น
รวมถึงโรงเรียน สังคมวัยเด็กด้วยน่ะนะ แล้วก็เป็นพื้นฐานความคิดความเข้าใจ
ไปแทบจะตลอดทั้งชีวิต(ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่) หมายถึงพื้นฐานจริงๆนะ พื้นฐานโครงสร้างรวมๆ
เพราะรายละเอียดหลักๆอื่นๆอีกมากมาย มันก็ต้องมาเรียนรู้ หรือสร้างเอาใหม่ในตอนโตอยู่ดี

ยกตัวอย่างของคนแบบง่ายๆกว้างๆ ถ้าคนที่โตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ใจดีครอบครัวน่ารัก
ก็จะไว้ใจหรือเชื่อใจคนได้ง่าย คิดว่าคนอื่นๆในสังคมก็จะดีกับเราแบบที่พ่อแม่ดีกับเรา ไว้ใจคนง่าย อะไรทำนองนี้เป็นต้น
สิ่งแวดล้อมในวัยเด็กก็มีส่วนอีกพอสมควร ลองสังเกตตัวเองดูก็ได้นะครับ
สิ่งต่างๆที่เราพบในวัยเด็ก มันอาจมีอิทธิพลหลายๆประการกับเราทุกวันนี้โดยที่เราก็ไม่ได้รู้ตัว
ในหนังฝรั่งเวลามีฉากจิตแพทย์ ถึงได้เป็นการนั่งคุยประวัติชีวิตวัยเด็กซะเป็นส่วนใหญ่
หรือการ์ตูนแบบ 20th Century Boy คือตัวอย่างที่ชัดมากของการเอา
หลักการทางจิตวิทยาอันนี้มาใช้ขยายเป็นเรื่องทั้งเรื่อง

ใครเรียนพวกนี้ช่วยมาคอนเฟิร์มด้วย อันนี้มั่วขึ้นมาเอง กร๊าก

บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
สำหรับจิตวิทยาตะวันตก ส่วนมากจะมองว่าวัยที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตแล้ว
ถ้าโดยภาพรวมทางทฤษฎี เขาให้ความสำคัญกับ 5 ปีแรกของชีวิตว่าสำคัญมาก
เขาให้ความสำคัญมากกับวัยเด็กระยะนี้ เหมือนกับบรรไดแรกแห่งชีวิตก็ว่าได้

ทางพุทธศาสนาเปรียบพ่อแม่ว่าดุจพระพรหมของลูก
ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะว่าความเชื่อสมัยนั้นกล่าวว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างโลก
แต่เพื่อปรับความเข้าใจให้ดีที่สุด คำสอนทางพุทธจึงยกให้พ่อแม่ว่าเป็นพรหมของลูก
เพราะโลกทั้งโลกของลูกจะถูกสร้างสรรค์ด้วยความรัก ความใส่ใจ ความห่วงใยและความเกื้อกูลอย่างมีเหตุผลของพ่อแม่

พ่อแม่จะเป็นผู้ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองด้วยความรักความใส่ใจต่อบุตรธิดา
พ่อแม่จึงเป็นผู้กำหนดรู้หน้าที่ตนว่าโลกของลูกควรประกอบด้วยอะไร ควรเป็นอย่างไร วิธีไหนดีที่สุด
สิ่งไหนที่ไม่ดีพ่อแม่จะปกป้องคัดกรองไม่ให้ลูกต้องประสบพบพาลกิดกั้นไว้ด้วยสติปัญญาความสามารถตนสุดกำลัง
สิ่งไหนที่ดีพ่อแม่จะพยายามคัดสรรปลูกปั้นและสร้างสรรค์ขึ้นไว้ด้วยสติปัญญาความสามารถตนสุดความพยายาม

นี่คือความหมายที่กล่าวว่าพ่อแม่คือพรหมของลูก เพราะเป็นผู้มอบโลกทั้งใบให้กับลูกตน
พ่อแม่จึงควรให้คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานในระยะเริ่มแรกของชีวิตลูก
ด้วยการขัดเกลาตามกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม ดังนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด ทุกเรื่อง

เพราะเมื่อลูกเจริญเติบโตขึ้นเท่าไหร ลูกก็จะเดินห่างไกลออกจกอ้อมอกของพ่อแม่ไปทุกขณะ
ลูกแต่ละคนจะก็ได้เติมเต็มช่องว่างของชีวิตตนให้สมบูรณ์ตามกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม จากการสังเกต เลียนแบบ จดจำและฝึกกระทำตาม
ท้ายที่สุดก็จะค้นพบรูปแบบวิธีการของตนเองในกระทำพฤติกรรมต่าง ๆ

แน่นอนว่าสังคมเพื่อน ย่อมมีปฏิกิริยาต่อโลกของลูกเมื่อก้าวเข้าสู่สังคม พ่อแม่จึงควรให้คำแนะนำในการเลือกคบเพื่อนที่เหมาะสม
รวมไปถึงให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่ลูกเมื่อต้องคบหากับใครเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนคือโลกของลูกที่ส่งผ่านทางกระบวนการขัดเกลาทางสังคมอีกใบ

จะเห็นได้ว่าบางครั้งอยู่กับพ่อแม่ลูกมีพฤติกรรมอีกแบบ
แต่เมื่อกลับเข้าสู่สังคมเพื่อนก็เป็นอีกแบบหนึ่งก็มี

บางครั้งพ่อแม่สอนดี แต่ลูกคบเพื่อนไม่ดีก็มี
บางครั้งพ่อแม่สอนไม่ดี ลูกอาจมองเห็นว่าไม่ควรเอาอย่าง เอาเป็นบทเรียนสอนใจทำให้ไม่ผิดซ้ำรอยพ่อแม่ก็มี
ฉะนั้นโลกของคนแต่ละคนบางครั้งไม่ได้ขึ้นกับพ่อแม่ ไม่ได้ขึ้นกับเพื่อน แต่ขึ้นกับตัวเขาเองก็มี
หรือบางรายก็ขึ้นกับกระแสสังคมก็มี ทั้งนี้เกิดจากการเรียนรู้ของเขา

การที่คนจะประจักษ์แจ้งในตนเอง(Self-Actualization) มันจึงขึ้นกับวุฒิภาวะของแต่ละคนด้วย
บางคนเป็นเด็กแต่ความคิดเป็นผู้ใหญ่มาก แต่บางคนเป็นผู้ใหญ่ แต่คิดได้เหมือนเด็กก็มี
ทั้งนี้มันขึ้นกับวุฒิภาวะทางจิตของคนเราด้วย

ส่วนตัวมองว่าอิทธิพลทางสังคมมีส่วนไม่น้อยต่อชีวิตของบุคคลต่าง ๆ ในสังคม
แต่หากใจคนมันไม่รับก็ยากอยู่ ฉะนั้นการขัดเกลาทางสังคมอย่างเดียวก็ไม่แน่จะรอด
หากควรคำนึงถึงการขัดเกลาทางจิตด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือต้องให้ผ่านกระบวนการขัดเกลาทางจิตสังคมไปด้วยพร้อมกัน
แล้วบุคคลจะบรรลุ Self-Actualization ในตนเองขึ้นมาได้

ดังนั้นที่บอกว่า "สิ่งต่างๆที่เราพบในวัยเด็ก มันอาจมีอิทธิพลหลายๆประการกับเราทุกวันนี้โดยที่เราก็ไม่ได้รู้ตัว
ในหนังฝรั่งเวลามีฉากจิตแพทย์ ถึงได้เป็นการนั่งคุยประวัติชีวิตวัยเด็กซะเป็นส่วนใหญ่
หรือการ์ตูนแบบ 20th Century Boy คือตัวอย่างที่ชัดมากของการเอา
หลักการทางจิตวิทยาอันนี้มาใช้ขยายเป็นเรื่องทั้งเรื่อง "

นั่นถือว่าเข้าใจถูกครับ แต่มันแค่ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น
บางคนดีต้น แต่คบเพื่อนผิดชีวิตก็พินาศ ก็มี หรือหากจิตใจเขาเข้มแข็ง มีปัญญาจำแนกความเหมาะสมได้ก็ยับยั้งจิตใจตนไว้ได้
บางคนต้นร้าย แต่ได้กัลยาณมิตรคอยเตือนสติ ก็อาจทำให้ชีวิตเขาเจริญงอกงาม ขึ้นได้มาได้
บางรายต้นดี ปลายดีก็มี หรือต้นร้ายปลายร้ายก็มี
โอกาสมันเป็นไปได้ครับ ถ้าเป็นไม่ได้คงไม่มีกรณีที่เราเรียกว่า "โจรกลับใจ" จริงมั๊ย

ในหนังฝรั่งนั่นเขาทบทวนประวัติเด็กเป็นส่วนใหญ่ เพราะทำตามกระบวนให้คำปรึกษาทางด้านจิตวิทยา
แต่นั่นเป็นขั้นต้นของกลุ่มจิตวิเคราะห์(Psycho-analysis) ที่เรารู้กัน ความคิดนี้มาจาก ซิกมันด์ ฟรอยด์ นั่นเองครับ
ระยะหลังมีหลายวิธีวิทยาการในการให้คำปรึกษาที่พัฒนาขึ้นมาอีกมากมายหลายวิธี
(ไม่เคยดูการ์ตูน  20th Century Boy เคยดูหนังเรื่องนี้แต่ไม่ได้ดูถึงภาคสาม  ฮี่...)

 อืมมมมห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พ.ย. 2011, 22:19 น. โดย Alsmile » บันทึกการเข้า

sometimes you need to let things go.
 หยี
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
แล้วพี่ถลอกล่ะ ?
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
อันนั้นอยู่ใน DNA เลยครับ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ขอขุดจู๋นี้หน่อยนะครับ

วันนี้ตีลูกไปหลายที
แต่คนที่เจ็บดันเป็นเราเอง...

ช่วงนี้บักตุลเป็นอะไรไม่รู้ครับ
ประมาณ 1 ทุ่มจะเริ่มงอแงแบบไม่มีเหตุผล
ประมาณว่า เราทำอะไรก็ผิดไปหมด..

ตัวอย่างเช่น จะปิดประตูบ้านก็ไม่ยอม เอาหัวมามุดกั้นไม่ให้ปิด ดึงออกมาก็ร้องไห้ทุรนทุราย
หรือแค่บีเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็ลงมาดิ้นพราก ร้องไม่หยุด
ถอดเสื้อผ้าไปอาบน้ำนี่ตัวดีเลย แค่กาเกงดึงลงเท่านั้นแหละ ร้องไห้แบบแหกปากเป็นชั่วโมง
สังเกตดูจะเป็นตอนหัวค่ำก่อนเข้านอน และตอนตื่นนอนใหม่ๆ

เป็นมาได้ซัก อาทิตย์นึงแล้วครับ
วันนี้เลยตี...ตีที่ขาไปประมาณ 10 ที แรงมาก
พอปล่อยเดินไปหาบี เหมือนจะเจ็บมาก เดินไม่ไหว...เราเลยไปอุ้ม
เรากอดกัน แล้วเค้าก็ค่อยๆหยุดร้อง สะอื้นซักพักก็หลับบนบ่า
ไอ้เรานี่น้ำตาจะไหล

ไปหาข้อมูล เค้าบอกว่าเป็นช่วง terrrible 2
ช่วงอารมณ์แปรปรวน
ตอนเด็กเคยได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้อาจจะต้องมีระบบมากขึ้น เลยหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ

ใครมีประสบการณ์ช่วงนี้ช่วยแชร์หน่อยนะครับ ว่ามีวิธีจัดการยังไงบ้าง
ไม่อยากตีอีกแล้ว..เจ็บจี๊ด
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 10
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!