กำลังถกในกรุ๊ปลับของบรรดาผู้คุมกฏคณะอยู่เหมือนกันครับ
(ถ้าใครรู้จัก มีคุณ Spanky กราฟิกชื่อดังคือหนึ่งในผู้คุมกฏ)
ถกกันสนุกเลยเชียว จริงๆของคณะก็คงคล้ายๆของถาปัด
และก็อย่างที่บวบว่า คือเด็กมันมีใจ ให้ทำอะไรมันก็ง่าย
ที่คณะมันดีตรงที่ ไม่มีใครศรัทธาความเป็นประเพณี อาวุโส ระเบียบวินัย
หรืออะไรแบบนั้นอยู่แล้ว แม้แต่รุ่นพี่รุ่นพ่อ ทุกคนเป็นนักออกแบบหมด
เลยเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลก ของเด็ก ไม่มีมีใครสนเรื่อง
ต้องอนุรักษ์ หรือต้องเคารพอาวุโส อะไรงั้นน่ะนะครับ รวมถึงในตอนซ่อมเอง
ก็มีหลักการไม่กี่อย่างว่า สามัคคีกัน สนิทกันให้ได้ เพราะหลังจากนี้
เวลา 4 ปี สไตล์ รูปแบบการใช้ชีวิต ปัจจัยในชีวิต มันจะกัดกร่อนให้แต่ละคนแยกห่างอยู่แล้ว
นี่ก็คือช่วงเวลาที่ทำให้ทุกคนใกล้ชิดกัน แล้วข้อที่สองคือ ต้องสร้างสรรค์
สร้างสรรค์อย่างมาก ถึงมากที่สุด เหมือนมันคือเกมประลองสมองตลอดเวลา
ถ้าไม่สร้างสรรค์พอ ถึงจะโดนเล่น ซึ่งอันนี้เราเถียงไม่ได้เลย ในฐานะจะเป็นนักออกแบบ
(แต่ไม่มีการเรื่องไม่เคารพพี่ ไม่มีกฏข้อนีเลยด้วยซ้ำ)
แล้วนอกนั้นกฏเกณฑ์ปลีกย่อยอย่าง ห้ามมุกลามก สองแง่สองง่ามนิดเดียวก็ไม่ได้
ผู้ชายห้ามเข้าใกล้ผู้หญิงเกินเมตร ห้ามอะไรรุนแรง ห้ามโดนตัวน้อง
ไม่มีคำหยาบ แม้แต่กูมึงก็ไม่ได้ ตะโกนก็จริง แต่ต้องสุภาพทุกคำ และมีเหตุผลทุกคำ
กฏเยอะเลยล่ะ และช่วยกันระวังตลอดเวลา คนทำงานเอาใจใส่มันค่อนข้างเยอะ
ก็เลยออกมาโอเคทุกปี แล้วก็สนุกมากโดยตลอด และส่งผลลัพธ์ที่ดีมาก
อย่างที่เห็น ผมจบมากี่ปี ก็ยังไปมหาลัยได้ตามปกติ ไม่แปลกแยกแต่อย่างใด
แต่จุดบกพร่องเป็นจุดๆ หรือการเอา SOTUS บางส่วนมาใช้เป็นเครื่องมือ
(ไม่ได้ยกย่องสรรเสริญ ไม่ได้พูดถึงด้วยซ้ำ) ก็ตั้งคำถามเป็นจุดๆกันไป
รวมถึงเรียกน้องปีที่ทำซ่อม มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นอยู่ประจำ ก็ทุกศุกร์
(รุ่นพ่อ เป็นเจ้าของออฟฟิศออกแบบดังๆนี่ล่ะ)
เวลาที่คุยกันนี่ พูดเป็นแนวทางเดียวเลยนะครับ
ว่าระบบที่ใช้กันนี่ คืองานออกแบบ ที่ทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ในบริบทสังคมในตอนนั้น
พอทำไปเรื่อยๆ มันก็ถูกเรียนว่าประเพณี ซึ่งไม่มีใครสน ถ้าบริบทสังคมมันเปลี่ยน
โลกมันเปลี่ยน เด็กมันเปลี่ยน ก็เท่ากับโจทย์ในการออกแบบมันเปลี่ยนไปแล้ว
เรียกง่ายๆว่า วิธีการมันล้าสมัย เราก็ต้องออกแบบใหม่ ให้ตอบโจทย์และจุดมุ่งหมายมากขึ้น
ส่วนเรื่องของ มมส.นี่ ติดตามตั้งแต่มันโพสแรกๆจนมันลงข่าวประชาไท
และลงดราม่า คนที่ทำนี่ ผมว่าเท่นะ คือไม่ได้รู้เรื่องเค้าทั้งหมดหรอก
แต่ส่วนเดียวที่เห็นนั้นน่ะ คำพูดของประธานเชียร์ คนที่มาพูดใส่กล้อง
มันคือด้านเดียวที่ชัดเจนมากๆ และผมว่าคงเป็นจุดเปลี่ยนสุดๆของที่นั่นเลย
และเป็นที่มาที่ทำให้ผมเอามาคุยในหมู่รุ่นพี่นี่ด้วย ว่าต้องมีการเปลี่ยนยังไง
คือเท่าที่เห็น รุ่นพี่ก็หวังดีและมีจุดประสงค์ที่ดีแหละ แต่วิธีการมันล้าสมัยไปแล้วอะ
วิธีตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้ ผมว่าหลอกเด็กรุ่นนี้ยากละ อาจจะยังได้
แต่มันไม่มีพลังเท่าเดิมแล้ว ก็ต้องปรับเปลี่ยนอยู่ดี