หน้า: 1 [2] 3
 
ผู้เขียน หัวข้อ: งานคอนเซป  (อ่าน 11426 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
 ว้าววว ว้าววว ว้าววว ว้าววว ว้าววว
บันทึกการเข้า

คือเหมือนแบบอาจารย์อยากให้ออกแบบกล่อง cd ที่เห็นแล้วน่าซื้อเก็บ
โดยที่ไม่ต้องสนใจศิลปินว่าเป็นใครอะครับ

ตอนแรกเอา cd ของ slur ให้อาจารย์ดู
ก็เพราะเห็นออกแบบสวยดีนู้นนี่นั้นแต่อาจารย์บอกน้อยไป ขายศิลปินมากไป  (เหงื่อแตกพลั่ก)
ก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี หาอ้างอิงไม่ถูกด้วย
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
อันนี้อีกวง เป็นรุ่นพี่ที่สาธิต slow reverse อันนี้ผมมี







ตัวอย่างเพลง

http://www.youtube.com/watch?v=jr3uGdXjC64&feature=player_embedded#!

สวยดีทั้งปก ทั้งคนร้อง หื่น

จะว่าไปคนผู้ชายหน้าตาคล้ายพี่บวบแฮะ หมีโหด~



คือมันอาจจะต้องเกิดจากการวิเคราะห์ก่อนว่าวงที่เราทำนั้นน่ะ เพลงแบบไหนอะไรยังไง
แล้วภาพที่มันจะสื่อสารเข้ากับเพลงมั้ย คือเห็นปกซีดีแล้วรู้ว่าแนวเพลงเป็นแบบไหน
อันนี้คงต้องให้พี่เก้อพูดขนายความอีกนิดนึง ผมไม่อินเรื่องเพลงเท่ากับพี่เก้อ

ส่วนเรื่องเทคนิกที่จะมารองรับนี่ก็อีกเรื่องนึงครับ แล้วแต่จะใช้ แล้วแต่ไอเดีย
(คอนเซปกับไอเดียไม่เหมือนกันนะ)

อันนี้เป็นคุยกันของพี่ๆที่ทำปกซีดีเบเกอรี่ยุคแรก
http://www.designpaibonpai.com/2009/12/15-waroot-and-bakery-graphic/
อาจจะฮาไปหน่อย แต่ผมว่าได้แนวคิดหลังฟังจบนะ
บันทึกการเข้า
สวยดีทั้งปก ทั้งคนร้อง  ว้าววว ว้าววว ว้าววว
บันทึกการเข้า

พี่ทอม วรุฒ ปันยารชุนนี่ล่ะครับ คือปีเตอร์ ซาวีลลย์ของเมืองไทย
ถ้าทุกวันนี้ก็คงเป็น บริษัท SlowMotion ครับ ที่ทำได้ในระดับความคิดนั้น
(แก็งค์ Dude Sweet นั่นแหละ) แต่ก็อย่างว่าครับ
คนกลุ่มนี้นี่ ใช้เซนส์และรสนิยมนำเลยครับซึ่งกว่าจะได้มาซึ่งรสนิยมกลุ่มนี้ (คือกลุ่มออกแบบเพื่อดนตรีเนี่ย)
มันเป็นเรื่องที่จะว่าโชคช่วยก็ได้ คือต้องโตมากับมันเสพของพวกนี้มาน่ะครับ
ถ้าอยู่ดีๆมาคิดมาทำเอานี่ ยังไงก็ไม่เวิร์ค กลุ่มคนที่ผมชอบพวกนี้คือบางอันไม่ได้คิดอะไร
รู้สึกยังไงก็ทำเลย เอารสนิยมมาจับ ซึ่งอันนี้มันสายมารสุดๆ ถ้าเราเกิดมาไม่ได้เป็นยังงั้น
คือโตมากับเพลงแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ก็ต้องใช้เวลาสะสมอีกนานล่ะครับ

พอพูดเรื่องการออกแบบเกี่ยวกับดนตรี รสนิยมนี่แทบจะต้องมาเป็นหลักเลย
เพราะดนตรีมันเกี่ยวพันกับยุคสมัย แฟชั่น ทำยังไงให้วงนั้นมันเจ๋งในสายตาคน
ทำให้คนอยากหยิบอยากซื้อ มันไม่ได้เป็นความงามที่ตั้งอยู่โดดๆ
มันต้องเข้าใจความรู้สึกคนที่ชอบเพลงด้วย ซึ่งถ้าเราไม่มีส่วนนี้
สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ หาตัวอย่างไอ้ที่เราคิดว่าดี เจ๋ง น่าหยิบ
เพื่อกำหนดกรอบ"กลุ่มรสนิยม"ให้แคบเข้ามา ดูด้วยว่าอยู่ในวิสัยที่เราพอจะทำได้
แล้วเอาไอ้สิ่งนั้นเป็นแกนทางความคิด แล้วก็พยายามทำให้เหมือน

นี่เหมือนจะพูดสนับสนุนให้ลอกนะครับ ก็ถูก  หมีโหด~
คืองานออกแบบมันต้องมีเข็มทิศนั่นแหละครับ
เหมือนตอนเด็กเราต้องเริ่มด้วยการลอกโงกุนจาดโทริยาม่านั่นแหละ
เราถึงจะรู้ว่าลายเส้นที่ดีคือยังไง ถ้าเราไม่รู้ความต้องการของตัวเอง ไม่รู้สิ่งที่ตัวงานต้องมี
(เพราะมันต้องอาศัยความเข้าใจเฉพาะด้านหลายอย่าง)
เราก็ต้องใช้ทางลัดด้วยการดูงานที่มีของพวกนี้ครบอยู่แล้ว
แล้วดำเนินตามวิธีคิดนั้น เพราะยังไงรับรองว่าสุดท้ายก็ออกมาไม่เหมือนเค้าหรอก กร๊าก


บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
ไม่เหมือนแน่ๆ  กร๊าก
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
 กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดด อ๊าง
บันทึกการเข้า

คือเหมือนแบบอาจารย์อยากให้ออกแบบกล่อง cd ที่เห็นแล้วน่าซื้อเก็บ
โดยที่ไม่ต้องสนใจศิลปินว่าเป็นใครอะครับ

ตอนแรกเอา cd ของ slur ให้อาจารย์ดู
ก็เพราะเห็นออกแบบสวยดีนู้นนี่นั้นแต่อาจารย์บอกน้อยไป ขายศิลปินมากไป  (เหงื่อแตกพลั่ก)
ก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี หาอ้างอิงไม่ถูกด้วย
ถ้ามันเป็นคอนเส็ปว่าขายศิลปิน ก็จะอธิบายอะไรอีก
คือถ้าเรารู้ว่าจะทำอะไร แล้วจะออกมายังไง อาจารย์ก็คงติได้แค่ว่า ที่ทำออกมามันไม่ตรงคอนเส็ป
บันทึกการเข้า

กำลังโหลดข้อมูล .....
โอ้ว ตั้งกระทู้ได้ตรงกับที่อยากรู้มากเลยตอนนี้
เพราะมิดเทอมโปรเจคก็ต้องทำ booklet CD เพลงเหมือนกัน ต้องไม่ธรรมดา แต่คงไม่ขนาด pop up คงแบบพับเท่ๆ
เอาจริงๆอย่างที่พี่เก้อบอก งานดนตรีมันต้องอิงรสนิยมจริง ละเลือกวงเอง ก็ต้องเอาวงที่ชอบ
อย่างที่เลือกทำ ก็เลือก Two door cinema club เพราะชอบวงนี้มาก และน่าจะตอบโจทย์วงนี้ได้มากกว่าำทำวงอื่นๆ
เพราะเพิ่งมีแค่อัลบั้มเดียว กับ 1 ep คิดว่าน่าจะง่ายหน่อย ไม่เหมือนเอาพวก U2 , blur ,oasis มาทำ ไอพวกนี้มันตายตัวอยู่แล้ว
สไตล์ชัดเจน เอามาทำใหม่ ถ้าไม่ดีงี้มีหวังตกม้าตายเอาง่ายๆ

จะว่าไป งานส่ง 28 นี้แล้ว ยังไม่เริ่มสเก็ตเลย  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

โจทย์เดียวกันเลยป่ะเนี่ย  กร๊าก

ตอนนี้เลือกวง the bottom blue (อาจารย์บังคับเอาวงในไทย)
ชอบสไตล์นุ่มๆ softๆ เรโทนิดๆ น่าจะไปรอด  เศร้า
เลือกกระดาษกับสเกตบ้างแล้ว กำลังดูไอเดียทำกล่อง cd หลายๆแบบอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ธ.ค. 2010, 03:01 น. โดย iSharp » บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
คือจานให้ทำ booklet อะไรก็ได้แหละ แต่เลือกที่จะทำ cd เอง ดูท้าทายและทำอะไรได้เยอะีดี

โปรเจคนี้เปลืองตังค์มาก  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

อ้อ คาดว่าจะโดน booklet ด้วยเร็วๆนี้เหมือนกัน  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
จริงๆเวลาเราพูดคำว่ารสนิยม กับคนอื่นๆทั่วๆไป
คำนี้มันบรรจุความหมายในแง่ลบ ในแง่ของการดูถูกไว้ด้วย

แต่พูดกันในการเรียนออกแบบ ถ้าจะต้องให้คะแนนกันเนี่ย
ต้องถกกันยาวเลยนะครับ เพราะมันเป็นประเด็นที่ไม่มีคำตอบตายตัว เป็นค่าสัมพัทธ์ เป็นภวะวิสัย
ไม่มีใครรู้แน่ว่าอันไหนถูกต้องที่สุด แต่บังเอิญว่า มันก็มีค่าเฉลี่ยพอให้อ้างอิงอยู่บ้าง
มีงานระดับมาสเตอร์พีซที่เป็นที่ยอมรับพอให้เป็นหลักเกี่ยวอยู่บ้าง
แล้วพอทำงานจริงๆเยอะๆ ก็จะยิ่งรู้ว่า มันวัดกันที่ตรงนี้จริงๆ

เรื่องของเรื่องคือ เรื่องคอมโพส สี กริด ไทโป ทุกอย่างเราเรียนรู้ได้หมด
แต่ไอ้รสนิยมนี่ล่ะ ไอ้ของยังงี้มันเรียนกันแทบไม่ได้ ไม่มีใครสอนกันได้
มันมาจากสิ่งที่เราเสพมาตลอดชีวิต เราคือผลลัพธ์ของเพลงที่เข้าหูเราทุกวัน
ของหนังที่เราดู ของงานกราฟิกแบบที่เราชอบ หญิงแบบที่เราปิ๊ง มันอยู่ในของพวกนั้น
ของพวกนั้นมันมาฟอร์มและกล่อมเกลารสนิยมเรา แล้วทีนี้ ตั้งแต่เกิดจนโต เราจะไปควบคุมมันได้ไหมล่ะ
หรือเราจะรู้ตัวไหมล่ะ ว่าต้องเอามันมาประกอบอาชีพตอนโต ถ้ารู้ตั้งแต่เด็ก
ป่านนี้ฟังแมนิคส์สตรีทพรีชเชอร์ตั้งแต่ ม.1 แล้ว

ถึงจะมีหลายคนที่สุดท้ายมาประกอบสร้างมันได้
อย่างตอนเรียนของผม ก็มีหลายคนมากที่ตอนเข้ามายังคอมโพสแบบงานประกวดภาพวาดประจำจังหวัดอยู่เลย
แต่จบออกมาด้วยรสนิยมที่ดี และปัจจุบันก็ทำงานรีทัชแบรนด์ยักษ์ๆ
ด้วยสังคมที่ข้นคลั่กหล่อหลอม พูดให้เห็นภาพง่ายกว่านั้นคือ ตอนเรียนมันโดนล้อจนเสียหมา
เรื่องที่มันเปิดเพลงเจมส์ฟัง (อันนี้พูดแบบไม่สนใจว่าใครจะเป็นแฟนเพลงเลยนะ)
ก็ทำนองนี้ล่ะครับ ของมันหล่อหลอมกันได้ เอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมทางสุทรียศาสตร์แบบไหน
เราก็กลายเป็นคนแบบนั้นล่ะ ตอนนี้โตแล้ว เราควบคุมมันเองได้ เรียนรู้มันเองได้

แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเปลี่ยนแปลงแบบนั้นล่ะก็ ก็บ๊ายบายเลยครับ
เพราะผมแทบไม่เคยเห็นใครที่เกิดมาเป็นยังไงแล้วมาเปลี่ยนรสนิยมความชอบกันตอนโตได้จริงเลย
คนที่ทำอะไรเชยๆก็จะทำอยู่ยังงั้น เพื่อนในห้องคนที่มันไม่ได้สนใจสังคม
ทำอะไรเชยๆมาแต่แรก จนจบ จนทำงาน ก็ยังทำเชยมาจนทุกวันนี้

ออกจะเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่ แต่พอตอนเราประเมินคุณค่างาน
มันใช้เวลาน้อยที่สุดแล้วครับ ที่จะบอกว่างานไหนเชยชิบหาย กับงานไหนล้ำสุดๆ
เป็นสิ่งที่โคตรจะคอมม่อนเซนส์จนไม่ต้องการคำอธิบายอะไรเสริมเลย

ช่วยเรื่องทำปกซีดีได้มั่งไหมเนี่ย กร๊าก

บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM

ถกกันยาวจริงๆ เรื่องรสนิยมนี่ เอาจริงๆ รสนิยมปลั๊กแต่ก่อนกับตอนนี้นี่ต่างกันสุดขั้ว
เมื่อก่อนเหรอ ฟังเบเกอรี่ นี่ถือว่าชิคนำหน้าเพื่อนๆสุดๆแล้ว ในขณะที่เพื่อนๆกำลังอินอยู่กับบอดี้สแลม
อินดี้คืออะไรยังไม่รู้ แต่เราฟังสครับบ์ สเลอ นั่นโน่นนี่ แต่พอเข้ามหาลัยปุ๊ป รสนิยมเปลี่ยนไปอีกละ
เริ่มแอนตี้ความเกร่อ เกลียดโรคนี้มาก เห็นใครชอบอะไรที่เราชอบมากๆปุ๊ป ร่างกายก็จะหลั่งสารเกลียดสิ่งที่ชอบไปโดยพลัน
ใครเคยเป็นบ้าง?  ง่ะ
จนตอนนี้ฟังเพลงเยอะมาก ฟังเยอะแยะไปหมด ฟังกันแทบจะครอบจักรวาลเลยทีเดียว
เพราะเพลงสมัยนี้มันหาฟังง่าย โหลดง่าย และที่รสนิยมฟังเพลงเปลี่ยนไป เพราะสังคมมันหล่อหลอมจริงๆ
ไม่ใช่สังคมที่เรียนนะ แต่คงเป็นกลุ่มคนที่เราเข้าไปคบหา บางทีเฟซบุ๊คก็มีส่วนทำให้ รสนิยมเปลี่ยนไปเหมือนกัน
เด่วนี้ เพลงไทยโดนๆนี่ชอบเยอะนะ แต่จะฟังก็ต่อเมื่อต้องการที่พึ่งทางใจ อกหัก อะไรประมาณนั้น
ส่วนเพลงที่ชอบฟัง ก็เอาไว้ฟังสนุกๆมันส์ๆไป 

รสนิยมนี่ส่งผลมาถึงงานจริงๆนะ แต่ก็ยังอิงแฟชั่นอยู่ดี  ฮือๆ~
ถ้าถามว่างานปลั๊กเชยมั้ย คงไม่ใช่ แต่คงเปลี่ยนไป ปรับตัวตามกาลเวลามากกว่า
บันทึกการเข้า

เดี๋ยวนี้ผมก็ยังเป็นนะ
แบบว่าชอบอะไรอยู่แล้วเฮ้ย ทำไมไม่มีใครชอบ ไม่มีใครรู้จักวะ
กุไม่สน กุแนว กุฟัง กุชอบ พอคนเริ่มรู้จัก คนเริ่ม พวกนี้เห่อ พวกนี้เกร่อ เลิกฟัง ไปฟังอย่างอื่น

บางทีก็เกรียนโดยไม่รู้ตัว  กร๊าก
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!