วันที่ 2
สภาพร่างกาย :
นอนแค่ห้าชั่วโมงแต่ทำไมรู้สึกดีขึ้นวะ
สภาพจิตใจ :
ยังโอเค
ข้อคิดประจำวันวันนี้ผมก็ยังสบายมาก ผมอยู่กับเพื่อน มันพ่นควันใส่ผมทุกลมหายใจ แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย
ตอนนี้ผมคิดว่าจุดสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่เวลาหรอก
จุดสำคัญของผมมันอยู่ที่ความใจหายที่ว่า "ชาตินี้ผมจะไม่ได้พ่นควันออกจากปาก (แบบที่ผมเคยคิดมาตลอดว่ามัน) เท่สุดติ่งแบบนี้อีกแล้วนะ"
บางทีการติดบุหรี่ก็อาจจะเป็นการแบ่งชนชั้นกันแบบเล็กๆ ก็ได้
ระหว่างคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ไม่เคยกินเหล้า กับคนที่ทำทุกอย่างเพื่อทอนอายุตัวเองให้สั้นลง แค่ให้ตัวเองเกิดความรู้สึก "แตกต่าง" จากคนอื่น เป็นกลุ่มก้อนประหลาดที่แสดงถึงความเท่ ความไม่กลัวตาย (แต่บางคนกลับกลัวผี) ความเก๋า ความเครียด
ความรู้สึกที่ว่า "กูโตแล้ว กูซื้อบุหรี่ได้ กูเลือกที่จะสูบบุหรี่เพื่อให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น" กำลังเหือดแห้งหายไปตามกาลเวลา
บางทีไอ้ที่ผมเป็นอยู่อาจไม่ใช่การติดบุหรี่ แต่อาจจะเป็นการ "เห่อ" บุหรี่
แล้วที่ผมไม่รู้สึกอยากจะสูบหรืออะไรเลย คือผมกำลังจะเลิกเห่อ "บุหรี่" รึเปล่าหนอ
อดูดอันดีตดื่มผมอาจจะสูบบุหรี่เพราะต้องการหลีกจากความธรรมดาและจำเจที่ผมคิดว่ามันไม่เจ๋งพอ
ทัศนคติที่ผมต้องเปลี่ยนเพื่อเลิกบุหรี่ คือการมองว่าผมมีอะไรที่เจ๋งและเท่กว่าชาวบ้านชาวช่องเขาบ้าง คือการที่ผมจะแสดงออกได้บ้างว่าผมเป็นผู้ใหญ่ที่มีหลักความคิดความอ่านผิดไปจากเด็กมัธยมแล้วบ้าง นอกจากสิ่งที่ผมคิดไปเองว่ามันเท่นักหนาที่เรียกว่า "การสูบบุหรี่" ...
เพื่อนฮือ(และเฮ)ฮากันเป็นอย่างมากเมื่อไอ้กิ๊งผู้ซึ่งปากไม่เคยว่างเว้นมะเร็งมาเป็นเวลาห้าปีเต็ม กำลังจะเลิกบุหรี่!!!
ทำให้ผมรู้ว่าบางทีการสูบบุหรี่ก็เท่น้อยกว่าการติดบุหรี่แล้วจะเลิกเยอะ
คืนนี้ผมกำลังจะไปกินเลี้ยงวันเกิดเพื่อน แน่นอนว่าต้องมีเหล้า มีบุหรี่ และคงดูดกันปากเขียวปากดำเป็นแน่
ถ้าผมดูดบุหรี่ตอนเมาเพราะความเคยชิน จะถือว่าผมแพ้รึเปล่า
กระจู๋นี้คงเปื่อยก่อนเวลาอันควรเป็นแน่แท้