หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10
 
ผู้เขียน หัวข้อ: :+: Novice Fashion :+:  (อ่าน 35185 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
จะมาบอกว่า เห็นเหมือนกับเก้อ

งานเข้ารอบโดยรวมๆ ตูก็ว่ามันก็โอเค
มีเพียงบางงานเท่านั้นที่คิดว่าไม่โอเค
แต่ก็ไม่อยากตัดสินอะไร จากรูปเล็กๆ ในเว็บ

แต่หัวข้อมันก็คลุมเคลือนะ
ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่า
กรรมการแต่ละท่านจะตีความยังไงด้วย







บันทึกการเข้า
กลับเข้าไปอ่าน ดราม่ากันแว้วว  กร๊าก กร๊าก กร๊าก กร๊าก กร๊าก จ๋ามาเอาขึ้นเว็บได้เลย
บันทึกการเข้า

ไม่ได้เข้า 4ชั่วโมง ดราม่าขึ้นมาเพียบเลย  กร๊าก
บันทึกการเข้า

เอ้อ ผมว่าอีกอย่างนึงก็เหมือนที่พี่ณตว่า
เรื่องหัวข้อนี่ ตีความ กำหนดกรอบกันยาก อย่างที่ว่า มันไม่ใช่กฏหมาย
ไม่มีโจทย์ศิลปะอันไหนชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น
พอตอนตัดสิน ก็ขึ้นอยู่กับว่า กรรมการจะตีความว่ายังไงด้วย
ซึ่งผมว่า ในโจทย์เดียวกัน ยังไงมันก็ต้องตรงกันบ้างนั่นแหละ
มันไม่ได้ถึงขนาดว่า แล้วแต่กรรมการเลยหรอก คำๆเดียวกัน
มันก็ต้องมีส่วนที่เข้าใจตรงกันมากกว่าจะไม่ตรงอยู่ดี

ผมว่าเรื่องนี้พี่ชิตแกพลาดตรงที่มาอธิบายเล็กอธิบายน้อย
คือผมว่าในฐานะเป็นกรรมการและเป็นเหมือนพรีเซนเตอร์ของงานด้วย
แกก็ต้องรับไปทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นผม ผมจะไม่มาพูดตอบทีละนิดทีละหน่อยแบบนี้
ผมจะอธิบายกว้างๆ รวมๆไม่บ่งชี้รายละเอียดแบบนี้ และคงเลือกระมัดระวังการใช้คำ
เพราะไม่ว่าเราจะเป็นใครมา ในฐานะผู้ตัดสินงานสาธารณะ เราต้องเลือกแสดงบทบาทให้ถูก
เหมือนเฮียฮ้อที่ลงมาเล่น คลุกฝุ่นเองเรื่องฟิล์ม ปรากฏว่าเสียลามไปจนถึงแบรนด์
อันนี้ยังอยู่ในวิสัยที่อธิบายได้ ก็อธิบายด้วยวุฒิภาวะ ปราศจากอารมณ์
ซึ่งจริงๆผมว่า ผู้จัดงาน ผ้บริหาร น่าจะมีสักคนที่มีวุฒิภาวะในการตอบพอที่จะทำให้ทุกอย่างเด็ดขาดได้
อันนี้จะว่าต้องอาศัยภาวะผู้นำก็พอได้ เพราะเวลามีปัญหาเกี่ยวกับคคน ความคิดของคน หรือที่เรียกว่าดราม่า
การไขปัญหา มันต้องอาศัยวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำอย่างสูง คือตอนนี้ไม่ว่าจะยังไง
พี่ชิตแกมารับหน้าแทนทั้งงาน ก็ต้องรับขี้ไปก่อน ที่ทำตอนนี้ ยังไงพี่แกก็เสีย(ของงี้ติดทนนานไปตลอดด้วยสิ)
ทางออกจากดราม่านี้มีไม่กี่ทาง สำหรับพี่แก ก็รอชมอยู่

เอาจริงๆ ผมยังรู้สึกจริงๆว่า ปัญหามันไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้นเลย
มันเหมือนถูกสุมโดยหลายปัจจัย และสังเกตดูก็ได้ พี่แกยิ่งตอบ ยิ่งต่อประเด็นดราม่า
ทั้งที่แกก็เป็นคนดีน่าคบหาคนนึงนะครับ ดูสิ ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ รุ่นใหญ่ระดับนั้น
แกพูดผิดแกก็ขอโทษ แล้วยินดีจะลงมาตอบ ลงมาคลุกฝุ่น เป็นมืออาชีพคนอื่นๆ ผมไม่คิดว่าจะมีใครทำแบบนี้นะ
บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
คิดเหมือนเก้อ (ไม่อยากพิมพ์เพราะยาวเกิน  กร๊าก)

บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
ชาร์ปพูดดีนะครับ โพสล่าสุด เคลียร์เลยล่ะ
ยกเว้นช่วงแวะไปแขวะเรื่องเด็กเส้น โอ้ เตินเชื้อไฟอีก กร๊าก
อันนี้คือข้อมูลใหม่หรือเปล่าครับ หรือแขวะเฉยๆ
บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
ส่วนเรื่องรสนิยม ตูว่ากรรมการทุกคน
ก็ต้องใช้รสนิยมส่วนตัวในการตัดสินอยู่แล้ว
ไม่มากก็น้อย

แต่ทีนี้คำว่ารสนิยม มันไม่ใช่แค่ว่า ฉันชอบ โดยไม่มีเหตุผลนะ
เพราะกว่าที่คนเราจะมีรสนิยมในเรื่องต่างๆ ได้
มันต้องผ่านประสบการณ์ และกระบวนการเรียนรู้
รวมไปถึงการตรวจสอบความคิดและความรู้สึกของตัวเอง
กว่าที่มันจะตกผลึกออกมาเป็นรสนิยมของตัวเองได้

แล้วยิ่งถ้ากรรมการ เป็นช่างภาพที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยแล้ว
มันมีที่มาที่ไปแน่นอน สำหรับคำว่ารสนิยม
ให้ลองนึกดูว่าตอนเราเริ่มต้นถ่ายรูปใหม่ๆ
เราเปลี่ยนแนวหรือความชอบส่วนตัวไปกี่หนกว่าจะถึงวันนี้
เมื่อเราเห็นงานมากขึ้น ถ่ายรูปมากขึ้น
รสนิยมเราเปลี่ยนไปแค่ไหน
กว่าที่งานจะคลี่คลายและเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว

แต่ทีนี้ การประกวดสาธารณะ
กรรมการจะบอกว่าผมชอบรูปนี้ เพราะถูกรสนิยมผม
มันอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้ว
ว่าที่กรรมการเลือกรูปเข้ารอบมา
ก็เพราะถูกรสนิยมของตัวเอง
แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากรู้
นั่นก็คือทำไมรูปเหล่านี้
ถึงถูกรสนิยมของกรรมการต่างหาก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ต.ค. 2010, 01:56 น. โดย ณต » บันทึกการเข้า
ชาร์ปพูดดีนะครับ โพสล่าสุด เคลียร์เลยล่ะ
ยกเว้นช่วงแวะไปแขวะเรื่องเด็กเส้น โอ้ เตินเชื้อไฟอีก กร๊าก
อันนี้คือข้อมูลใหม่หรือเปล่าครับ หรือแขวะเฉยๆ

แขวะเฉยๆ  กร๊าก กร๊าก กร๊าก กร๊าก กร๊าก
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
ถ้าพูดเพื่อแขวะเฉยๆ ผมมองว่ามันเป็นการกล่าวหาที่รุนแรงและเสียมารยาทมากเลยนะครับ
ผมว่ามันทำให้คำพูดของชาร์ปไม่มีน้ำหนักเลยแบบนี้

ส่วนเรื่องรสนิยม ตูว่ากรรมการทุกคน
ก็ต้องใช้รสนิยมส่วนตัวในการตัดสินอยู่แล้ว
ไม่มากก็น้อย

แต่ทีนี้คำว่ารสนิยม มันไม่ใช่แค่ว่า ฉันชอบ โดยไม่มีเหตุผลนะ
เพราะกว่าที่คนเราจะมีรสนิยมในเรื่องต่างๆ ได้
มันต้องผ่านประสบการณ์ และกระบวนการเรียนรู้
รวมไปถึงการตรวจสอบความคิดและความรู้สึกของตัวเอง
กว่าที่มันจะตกผลึกออกมาเป็นรสนิยมของตัวเองได้

แล้วยิ่งถ้ากรรมการ เป็นช่างภาพที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยแล้ว
มันมีที่มาที่ไปแน่นอน สำหรับคำว่ารสนิยม
ให้ลองนึกดูว่าตอนเราเริ่มต้นถ่ายรูปใหม่ๆ
เราเปลี่ยนแนวหรือความชอบส่วนตัวไปกี่หนกว่าจะถึงวันนี้
เมื่อเราเห็นงานมากขึ้น ถ่ายรูปมากขึ้น
รสนิยมเราเปลี่ยนไปแค่ไหน
กว่าที่งานจะคลี่คลายและเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว

แต่ทีนี้ การประกวดสาธารณะ
กรรมการจะบอกว่าผมชอบรูปนี้ เพราะถูกรสนิยมผม
มันอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้ว
ว่าที่กรรมการเลือกรูปเข้ารอบมา
ก็เพราะถูกรสนิยมของตัวเอง
แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากรู้
นั่นก็คือทำไมรูปเหล่านี้
ถึงถูกรสนิยมของกรรมการต่างหาก



เสริมจากพี่ณต อีกอย่างที่เห็นถึงความเข้าใจผิดของชาร์ป
ที่ไป อืมมม... เรียกว่าอะไร เรียกว่าตกหลุมของภาษาแล้วกัน
คือไปเอาภาษามาเล่นเพื่อเอาชนะ เช่น บอกว่า “ รสนิยม แปลว่า กูชอบ ”
ทั้งที่ถ้าหากเรียนศิลปะ หรือสุนทรียศาสตร์ เราก็จะเข้าใจว่า
โลกศิลปะทั้งมวล ก่อตัวขึ้นจากรสนิยมทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเป็นข้อยกเว้น
การไปตบแต่งให้มันกลายเป็นคำว่า กูชอบ นั้น ผมว่ามันคืออาชญากรรมทางสุทรียศาสตร์เลยล่ะครับ
ถ้าหากมันมาจากความเข้าใจผิดจริงๆ ก็ทำความเข้าใจกับมันได้ หรือถกเถียงกันได้
เพราะผมก็อาจจะผิด ชาร์ปอาจจะถูกก็ได้ แต่ถ้าตบแต่งมันเพื่อเอาชนะ ผมว่าเราจะไม่ได้อะไรเลย

ก็เข้าใจนะครับ ว่าที่พี่ชิตตอบ มันไม่ควรตอบ มันพลาด อย่างที่ได้วิจารณ์มาแล้ว
แต่แย้งในความผิดพลาดนั้นของพี่แกด้วยตรรกะนี้ของชาร์ป ผมว่าก็ผิดเพี้ยนเช่นกัน

ทั้งนี้ ผมเห็นว่าดีแล้ว ที่ชาร์ปคิดอะไรก็แสดงออกมาแบบนี้ล่ะ
เราถึงจะได้ตรวจสอบความคิดความเข้าใจของตนเอง มันต้องเอาความเห็นของเรามาปะทะกับคนอื่นๆแบบนี้
ความขัดแย้ง เห็นต่างนี่แหละ คือการเรียนรู้ด้านศิลปะที่แท้ ดังนั้นที่ชาร์ปแสดงความคิดเห็น
เยอะๆแบบนี้ ผมว่าดีแล้ว นี่คือวิธีการเรียนและพัฒนากระบวนการทางความคิดเลย

ส่วนเรื่องการให้เหตุผลนั้น ผมว่าตัวอย่างความเห็นของเบลในหน้าก่อนๆ
เรื่องการตกหลุมทางภาษา ไปจับเอาคำเล็กน้อย แล้วตบแต่งให้เป็นความหมาย
อย่างที่เราอยากให้เป็นเพื่อแขวะ ไม่มองเจตนา ไม่มองภาพรวม
จริงๆผมนี่ก็กลัวเหมือนกันเวลาถกเถียงอะไรกัน กลัวตัวเองจะตกหลุมนี้น่ะแหละ
ทีนี้ด้วยอาชีพที่ต้องนั่งเขียนบทคิดคำทั้งวัน จึงเบื่อวาทะสำนวนต่างๆมาก กร๊าก
เวลาแสดงความคิดเห็น เลยพยายามทำตัวให้หลุดจากกลลวงของคำของสำนวนทั้งหลาย
แล้วคิดแค่ว่า เราต้องการสื่อสารอะไร เอาความคิดเป็นหลัก ไม่ให้คำหรือใช้คำเพื่อลวง
หรือทำให้ตรรกะมันบิดเบี้ยว จะว่าไปดราม่าทั้งหลาย ก็ก่อขึ้นมาจากอะไรแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
สุดท้าย ที่แขวะที่อะไรกัน ผมก็ไม่เห็นว่าใครจะได้อะไรขึ้นมา นอกจากจะเกลียดขี้หน้ากัน

เคยมีคนอธิบายด้วยว่า สิ่งนี้มาจากอะไร มันคือพื้นฐานวัฒนธรรมไทยเรานี่แหละ
ศิลปะการโต้แย้งของไทยเรานั้นเรียกกันว่า โต้วาที คือใช้วาทะศิลป์เพื่อเอาชนะ
และตัดสินกันที่ใครใช้วาทะศิลป์ดีสุดเพื่อโน้มน้าวคน ไม่ต้องเป็นเหตุเป็นผลเลยก็ได้
อย่างญัตติต่างๆที่ตั้งกัน ถ้าฟังดีๆคิดด้วยตรรกะก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรมันดีกว่าอะไร ไม่ต้องโต้ก็ได้
มันเป็นศิลปะของการใช้วาทะล้วนๆ ไม่ใช่เรื่องของตรรกะและระบบเหตุผลอะไรเลย
พูดให้ถูกเป็นผิดก็ได้ถ้ามีวาทะศิลป์พอ ในขณะที่แบบเรียนมัธยมของตะวันตก สอนเรื่องการให้เหตุผล
ไม่มองด้วยซ้ำว่าความคิดเห็นนั้นถูกหรือผิดไหม ถ้าหาเหตุผลมายันความคิดตัวเองได้
เข้าใจวิธีการให้เหตุผล เขาจึงรับมือกับความขัดแย้งเป็น และนิยมขัดแย้งถกเถียงกัน
และเมื่อขัดแย้งกันเป็นสุดท้ายก็จะได้คำตอบ สิ่งนี้ผมว่าแตกต่างกันมาก (ผมนี่ มาในมาดเห่อฝรั่งอีกตามเคย กร๊าก)

ถ้าความจำผมไม่เลอะเลือน ในหลายๆกระจู๋ ที่เราหลายๆคนพูดเรื่องรุ่นใหญ่ๆ วงการถ่ายภาพ
ที่เต็มไปด้วยอีโก้ของแต่ละคนซัดสาด น่าเบื่อ ฯลฯ คิดว่าทุกคนคงจินตนาการกันออก
แล้วเราที่ก้าวเข้าไป เรากำลังทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า? อันนี้ผมว่าต้องตั้งคำถามกับตัวเอง
หลายๆความเห็นในหลายๆหน้าหลังของเรา กำลังกลายเป็นแบบนั้นหรือเปล่า
เพียงแต่เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน แล้วก็ไปร่วมกันซัดสาดในโน้น เราก็แขวะเค้าไป
บรรยากาศมันเฉียดจะล้ำเส้นที่เราเคยพูด เคยเบื่อ กันเลย ผมก็เห็นว่าหลังๆชาร์ป
และท่านอื่นๆ ก็ตบๆมันเข้าสู่โหมดเหตุผลแล้วล่ะ แต่ว่ายังมองเห็นความรู้สึกเหล่านั้นอบอวล
อยู่ระหว่างบรรทัด ถ้าถามผม ผมไม่คิดว่ามันต่างจากอะไรกับคนที่เราด่าๆกัน
ถึงแม้เราจะคิดว่าเราแขวะแบบนี้เพราะเราอยู่ฝ่ายถูกและมีเหตุผลให้เชื่อว่าเราถูกก็ตาม
บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
มีปุ่ม like มั้ยเนี่ย อยากกดให้พี่เก้อจริงๆ
บันทึกการเข้า
เรื่องเด็กเส้น ...
นี่อยากจะถามเค้าว่าที่เข้ารอบมาแต่บอกเหตุผลการตัดสินไม่ได้นี่เด็กเส้นหรือป่าว (ก็เลยขอซะหน่อย)
มันก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอ่ะ

อย่างที่พี่อนุชิตคอมเม้นผมในมัลติพลาย
http://rpashpix.multiply.com/photos/album/63/_Novice_Fashion_
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์ประกอบและเทคนิคล้วนๆ
แต่กับรูปที่เข้ารอบ

แอบอ้าง
19 ผมให้ความกล้า ที่นำเด็ก มานำเสนอ
ถ้าคิดนี่คือแบรนด์ เสื้อผ้า เด็ก มาจ้างให้เราถ่าย
และน้องเขาถ่ายทอด มาได้ดีมาก
แฟชั่นไม่ใช่เพียงเพียงสตรี อย่างเดียวครับ เด็ก และคนชรา ขอเอี่ยวด้วยได้ครับ
แอบอ้าง
ทั้ง 3 ที่กล่าวมาทั้งหมด
ผมให้เข้าในแง่สติปัญญาครับ
ส่งมาโดยไม่แคร์ ว่ากรรมการจะคิดยังไง
แต่พวกเขากล้าส่งมา
และเผอิญ ต้องกับรสนิยมผมครับ
แอบอ้าง
เอา คห. 28 ก่อนนะครับ
มีปัญหากันเหลือเกิน สำหรับการไม่เห็นหน้า ภาษากายก็เล่าได้ครับ
ในภาวะที่ถูกรัดรึง ถูกพันธนาการ ต่างๆ ผมรู้สึกถึงได้ภาวะบีบคั้น ภาวะค้นหาทางออก
เด็กคนนี้เก่งในแง่ความกล้า กล้าที่จะนำเสนอมาในรูปแบบนี้
สิ่งที่เข้าส่งมาเรื่องอารมณ์ ผมสัมผัสได้
แล้วลองนึกย้อนกลับในแง่เวลาการทำงาน
แค่ชวนใครมาเป็นแบบก็ปวดใจแล้ว ยังไม่นับถึงตอนถ่าย
สติปัญญาผมคาดไม่ถึงครับ

บางรูปแสงยังโอเวอร์อยู่เลย โดยเฉพาะ set ที่ถีบรถ ยังกะคนแต่งรูปไม่เป็น ฮ่าๆ ฮือๆ

ส่วน
รสนิยม แปลว่า กูชอบ
ก็ตามที่พี่เก้อว่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ต.ค. 2010, 03:32 น. โดย iSharp » บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับความเป็นดราม่า ใกล้ๆ ตัว
บทสรุปจะเป็นยังไงยังไม่รู้ แต่สำหรับตูแล้วเท่าที่อ่านผ่านมา
รสนิยมนี่มันเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจทำอะไรได้อีกหลายอย่างเลยนะเนี่ย
บันทึกการเข้า

ต๊กต๋าเปิ้นเป๋นดีไค่หัว ต๊กต๋าตัวเป๋นดีไค่ไห้
เคยมีคนอธิบายด้วยว่า สิ่งนี้มาจากอะไร มันคือพื้นฐานวัฒนธรรมไทยเรานี่แหละ
ศิลปะการโต้แย้งของไทยเรานั้นเรียกกันว่า โต้วาที คือใช้วาทะศิลป์เพื่อเอาชนะ
และตัดสินกันที่ใครใช้วาทะศิลป์ดีสุดเพื่อโน้มน้าวคน ไม่ต้องเป็นเหตุเป็นผลเลยก็ได้
อย่างญัตติต่างๆที่ตั้งกัน ถ้าฟังดีๆคิดด้วยตรรกะก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรมันดีกว่าอะไร ไม่ต้องโต้ก็ได้
มันเป็นศิลปะของการใช้วาทะล้วนๆ ไม่ใช่เรื่องของตรรกะและระบบเหตุผลอะไรเลย
พูดให้ถูกเป็นผิดก็ได้ถ้ามีวาทะศิลป์พอ ในขณะที่แบบเรียนมัธยมของตะวันตก สอนเรื่องการให้เหตุผล
ไม่มองด้วยซ้ำว่าความคิดเห็นนั้นถูกหรือผิดไหม ถ้าหาเหตุผลมายันความคิดตัวเองได้
เข้าใจวิธีการให้เหตุผล เขาจึงรับมือกับความขัดแย้งเป็น และนิยมขัดแย้งถกเถียงกัน
และเมื่อขัดแย้งกันเป็นสุดท้ายก็จะได้คำตอบ สิ่งนี้ผมว่าแตกต่างกันมาก (ผมนี่ มาในมาดเห่อฝรั่งอีกตามเคย กร๊าก)

ชีวิตช่วงนี้กำลังเจออะไรแบบนี้อยู่ประจำ อ่านแล้วได้ใจเลย  เจ๋ง
บันทึกการเข้า

เข้าใจละ คำว่ารสนิยมมันน่าจะหมายถึง เซ้นต์ของมืออาชีพที่สั่งสมประสบการณ์ ที่รู้ว่าอันนี้ดี อันนี้ยังไม่ดี

ชาร์ปอย่าลืมว่า นี้คือรอบแรกนะ
สมมติ มีช่างทาสีที่เก่งๆ กับอีกคนเป็นสถาปนิกสร้างบ้านได้ทั้งหลังแต่ทาสีไม่เป็น
ถ้าเอาสถาปนิกมาสอนทาสีน่าจะง่ายกว่าให้ช่างทาสีไปเรียนสถาปนิกนะ
พี่ว่าการแข่งนี้ก็เหมือนกัน  คนที่เข้ารอบเขา อู้ย.. :55:ก็จะมีการอบรมเพิ่ม
ทีนี้ก็รอดูงานรอบชิงดีกว่า ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง

เหมือนที่เก้อเคยบอกเรื่องงานของผมเอาไว้ว่าตอนนี้ผมยังเป็นแค่ช่างเทคนิค ไม่ใช่ศิลปิน
มันยังมีช่องว่างระหว่างสองคำนี้อยู่

ผมผิดเองที่ไปบิ้วน้องๆตอนแรกว่ามันผิดทั้งๆที่ยังไม่ได้ฟังความคิดเห็นอีกฝ่าย

 
ชอบที่เก้อบอกว่ะ ไอ้ที่เราไปว่าน้าๆสุดท้ายเราก็ไม่ต่างอะไรจากเขาเลย
มันจริงนะเคยคิดเหมือนกัน กร๊าก
บันทึกการเข้า

ติดตามตอนต่อไป  กร๊าก
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!