ชูชันบุรี :
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151194154319758&set=a.390279389757.166042.612574757&type=1กรณีศึกษาของสิ่งแปลกปลอมในชุมชน :
---การแสวงหาทุนนิยมในชุมชนอนุรักษณ์เป็นสิ่งขัดตาขัดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของข้าพเจ้า ปากบอกว่าอยากอนุรักษณ์แต่ก็ยังหากินหาเงินจนเสียสภาพกันอยู่ดี
---ไม่นานมานี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงกับชุมชนอนุรักษณ์หนึ่ง คือการที่จะมีอาคารซึ่งไม่เป็นไปในทางเดียวกับชุมชนกำเนิดขึ้น ไม่ทราบแน่ชัดว่าไปข่มขืนกันตอนใหน แต่ปัจจุบันข้าพเจ้าก็เห็นมันเป็นรูปเป็นร่างไปแล้ว
---ยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น เพราะขณะที่เขียนนายทุนได้ถอดใจไม่ก่อสร้างต่อเสียแล้ว อุบ๊ะ! ไฉนใจตุ๊ดเช่นนั้นเล่า แล้วจะปล่อยให้ซากค้างเติ่งเป็นลึงค์โด่เด่อุจาดตาอยู่อย่างนั้นหรือ? ข้าพเจ้าแนะนำให้เปลี่ยนสภาพเป็นอาคารอะไรก็ได้ที่เกิดประโยชน์ต่อชุมชน เค้าจะได้ไม่โกรธเกลียดเอา ดั่งเขาว่า "เงินเค้ากระเป๋าเราเขาเกลียด เงินเข้ากระเป๋าเขาร่วมกันไม่เดียดฉันท์" ก็ว่ากันไป
สรุป --- เรื่องนี้ใครผิด
1.ผู้ออกแบบ - ที่ไม่ยอมใช้วิชาชีพและจรรยาบรรณแนะนำนายทุน
2.นายทุน - ที่หลับหูหลับตาให้ทุนนิยมนำชีวิต
3.ชาวบ้าน - ที่ไม่สนใจใครจะสร้างจะทำอะไร
4.พวกเราเอง - ที่ไม่โวยวายตั้งแต่เขายังไม่สร้าง
5.อำเภอ - ที่อนุญาติมาได้ยังไง?
ฯลฯ
สุดท้ายนี้ชูชันบุรีคงเป็นกรณีศึกษาให้แก่การอนุรักษณ์ชุมชนอื่นๆได้อย่างดี
อย่าปล่อยให้อะไรสายเกินแก้ มันจะเจ็บกันทุกฝ่าย
"รักวัวให้ผูก...รักลูกให้จิ้มตา...รักอัมพวาอย่าโวยทีหลัง...เงิน 100 กว่าล้าน ทำอะไรได้อีกเยอะ...มากกว่าจะเอามาสร้างๆทุบๆ"
โบซ ซึ 2012.09.05