หน้า: 1 ... 4 5 6 7 8 9 10 [11] 12 13 14 15 16 17 18 ... 49
 
ผู้เขียน หัวข้อ: วันสิ้นโลก  (อ่าน 226752 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 กม. ใช่มั๊ยครับ

ดูเหมือนจะไม่ใหญ่นะครับ
แต่อิมแพคเยอะมาก

มารอดูกัน เจ๋ง
บันทึกการเข้า

DiggityDaw aka วัวโหดด
ช่วงนี้เราอาจจะได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์
เกี่ยวกับกับวันสิ้นโลก ด้วยภัยพิบัติต่างๆ นาๆ
แต่ข้อมูลส่วนใหญ่มักจะไม่ถูกต้อง

ข้างล่างเป็นการแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง จากอาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์จุฬา
ใครสนใจก็อ่านกันดูนะครับ

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072865
แอบอ้าง
ข่าวลือเกี่ยวกับ “วันโลกหายนะ” เป็นอีกหนึ่งสีสันของจดหมายลูกโซ่ ที่วนเวียนอยู่บนโลกออนไลน์ วันดีคืนดีข่าวลือดังกล่าวมาปรากฏบนสื่อทีวีในช่วงเวลา “ไพรม์ไทม์” ย่อมสร้างความตื่นตระหนกได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนในวงการวิทยาศาสตร์เอง คือผู้อ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์อย่างเป็นตุเป็นตะ
       
       ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับอีเมลลูกโซ่ เกี่ยวกับวันโลกหายนะเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง 2012 อย่างต่อเนื่อง และมีการอ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์ เดิมเขาเชื่อว่ากระแสนี้จะซาไปแต่กลายเป็นว่ากระแสยังคงมีอยู่ จึงตัดสินใจจัดเสวนาและแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังเหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลาย ในเวที “ตอบทุกคำถามสังคมไทยที่กังวลต่อการล่มสลายของโลก” เมื่อวันที่ 25 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
       
       - สนามแม่เหล็กกลับขั้ว-โลกพลิก
       
       หนึ่งในประเด็นการล่มสลายของโลกคือการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกในวันที่ 22 ธ.ค.55 จากเหนือไปใต้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ดวงอาทิตย์กลับขั้ว เกิดสนามแม่เหล็กและความร้อนบนโลก ทำให้น้ำแข็งละลาย น้ำท่วมโลก เกิดสึนามิ โลกจะเอียงจาก 23.5 องศาไปเป็น 26 องศา แล้วพลิกกลับจากเหนือไปใต้
       
       คำถามคือจริงหรือไม่ที่แม่เหล็กโลกจะกลับขั้ว?
       
       ดร.สธนกล่าวว่า ปรากฏการณ์แม่เหล็กโลกกลับขั้ว เคยเกิดขึ้นบนโลกมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเว้นช่วงประมาณ 1 ล้านปี ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 700,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเริ่มมีมนุษย์กำเนิดขึ้นบนโลกแล้ว และระหว่างการกลับขั้วช่วง 1 ล้านปีนั้น อาจมีการกลับขั้วในช่วงสั้นประมาณ 4-5 พันปี
       
       การกลับขั้วแม่เหล็กโลกนี้ ไม่ได้หมายถึงโลกพลิกกลับจากเหนือไปใต้ แต่หมายถึงสนามแม่เหล็กอ่อนกำลังลง แล้วเกิดสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิงขึ้น ก่อนกลับสู่สภาพปกติ ซึ่งระหว่างที่แม่เหล็กอ่อนลงนั้น จะมีรังสีคอสมิคเข้ามาแต่ไม่มากมายนัก
       
       “ส่งผลกระทบไหม มีผลกระทบบ้างถ้าเรายังใช้เข็มทิศอยู่ แต่เดี๋ยวนี้เราใช้จีพีเอส (GPS) กันเยอะ ผลกระทบอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และช่วงเวลาระหว่างการพลิกขั้วเกิดขึ้นช้า เป็นระยะเวลาพันปี แสนปีขึ้นไป"
       
       "ปัจจุบันความแรงสนามแม่เหล็กขึ้นๆ ลงๆ เมื่อ 700,000 ปีก่อน สนามแม่เหล็กโลกเคยอ่อนกว่านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการกลับขั้วแม่เหล็กโลกไม่ใช่ประเด็นที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยหลักฐานการกลับขั้วคือหินแข็งที่มีสภาพแม่เหล็กตามแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดจากหินร้อนๆ ในโลกออกมาเจอสภาพแม่เหล็กภายนอกแล้วแข็งตัว” ดร.สธนกล่าว
       
       ขั้วแม่เหล็กโลกนั้น เกิดจากการไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลก ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กเหมือนไดนาโมที่ใช้ขดลวดพันรอบแกนแม่เหล็ก โดยสนามแม่เหล็กจะพุ่งจากขั้วใต้ไปขั้วเหนือ ดังนั้นขั้วโลกเหนือจึงเป็นขั้วแม่เหล็กใต้ และขั้วโลกใต้จึงเป็นขั้วแม่เหล็กเหนือ
       
       แต่การไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลกไม่สม่ำเสมอ ตำแหน่งขั้วแม่เหล็กจึงไม่คงที่ และเป็นบริเวณกว้าง เช่น ปี 1904 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่เป็นบริเวณหนึ่ง และปี 1996 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่อีกบริเวณ เป็นต้น
       
       - ดาวเคราะห์เรียงตัวทำแผ่นดินไหวบนโลก
       
       การเรียงตัวของดาวเคราะห์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกโยงว่าทำให้เกิดแผ่นดินไหวบนโลก เนื่องจากมีแรงไทด์ (tide) กระทำต่อโลก
       
       หากแต่ ดร.สธนอธิบายว่าแรงไทด์คือ "แรงน้ำขึ้นน้ำลง" (tidal force) นั่นเอง เป็นแรงเสมือนว่าดึงโลกให้ยืดออก และดวงจันทร์มีบทบาทให้เกิดแรงนี้กระทำต่อโลกมากที่สุด และด้านที่อยู่ใกล้ดวงจันทร์มากที่สุดจะถูกดึงมากกว่า โดยแรงนี้มีอธิบายด้วยสมการที่มีตัวแปรเพียง 2 ตัวคือ ระยะห่างระหว่างวัตถุที่ดึง และมวลของวัตถุที่ดึง
       
       “แรงน้ำขึ้นน้ำลง น้อยกว่าแรงดึงดูดของโลกถึง 10 ล้านเท่า แรงที่สุดของแรงนี้คือ ทำให้ของเหลวบนโลกเคลื่อนที่ หรือเกิดน้ำขึ้นน้ำลง แต่ยังน้อยเกินกว่าจะมีผลต่อโครงสร้างหรือแผ่นทวีป 10 ล้านเท่า"
       
       "ดวงอาทิตย์ซึ่งใหญ่กว่าดวงจันทร์มากแต่อยู่ห่างโลกมากกว่า จึงมีแรงนี้น้อยกว่าดวงจันทร์ประมาณครึ่งหนึ่ง หากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์มาซ้อนกัน ผลคือทำให้เกิดน้ำขึ้นสูงในวันขึ้น 15 ค่ำและแรม 15 ค่ำเท่านั้นเอง” ดร.สธนกล่าว
       
       นอกจากนี้ ผลการเปรียบเทียบตำแหน่งการเรียงตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะกับการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 10 อันดับ ซึ่งเกิดที่เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.47 เป็นแผ่นดินไหวใหญ่อันดับ 3 และครั้งรุนแรงสุดเกิดขึ้นที่ชิลี เมื่อ 22 พ.ค.03 นั้น ไม่มีครั้งใดเลยที่ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน โดยพิจารณาเฉพาะดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์และโลก ส่วนดาวเคราะห์วงนอกนั้น ดร.สธนกล่าวว่าตัดออกได้ เพราะอยู่ไกลมาก
       
       “เรียงหรือไม่เรียงไม่สำคัญ เพราะแรงไม่ถึงอยู่แล้ว คำอ้างในข่าวในฟอร์เวิร์ดเมล เป็นคำอ้างที่ไม่มีหลักฐาน การอ้างงานวิจัยก็มีความเข้าใจที่ไม่ตรง บทความยังไม่มีชื่อผู้เขียนและเป็นการคาดเดาไว้ก่อน” ดร.สธนวิจารณ์คำทำนายเรื่องโลกล่มสลาย ที่อ้างถึงผลการศึกษาของทีมนักวิจัยอิตาลี
       
       ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวมีอยู่จริง แต่รายละเอียดระบุว่า มีความแปรปรวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก่อนเกิดแผ่นดินไหวเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกเอง ไม่ใช่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ จนสามารถจุดฉนวนแผ่นดินไหวอย่างที่กล่าวอ้าง
       
       -Solar Maximum คำที่ถูกอ้างวันโลกสลาย
       
       ความวิตกว่า โลกถึงคราวหายนะนั้น มักเชื่อมโยงการเข้าสู่ช่วง "โซลาร์ แม็กซิมัม" (Solar Maximum) ของดวงอาทิตย์ ซึ่ง ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งร่วมเวทีเสวนาอธิบายว่า ช่วงดังกล่าว ดวงอาทิตย์มีกิจกรรม*เกิดขึ้นมาก และมีการกลับขั้วสนามแม่เหล็ก เกิดขึ้นสลับกับ "โซลาร์ มินิมัม" (Solar Minimum) ที่ดวงอาทิตย์มีกิจกรรมน้อย โดยมีระยะเวลาสลับกันประมาณ 11 ปี
       
       “กิจกรรมต่างๆ บนดวงอาทิตย์นั้น เกิดจากสนามแม่เหล็กเนื่องจากการไหลวนของก๊าซร้อนบนดวงอาทิตย์ ครั้งล่าสุดที่เกิด Solar Maximum คือเมื่อปี 2544  ส่วนตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วง Solar Minimum"
       
       "ครั้งแรกที่เราเริ่มนับจุดมืดบนดวงอาทิตย์คือเมื่อปี 2323 ซึ่งพบว่าการเกิดจุดมืดมากสลับกับไม่มีเลยนั้นเป็นช่วงๆ ชัดเจน ตอนนี้เราอยู่วัฏจักรสุริยะรอบที่ 23 และกำลังสู่รอบที่ 24 ในปี 2555 (หรือ 2012) ซึ่งจะเริ่มช่วง Solar Maximum รอบใหม่ แต่เราก็ตรวจดูสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ทุกวันว่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง” ผศ.พงษ์กล่าว
       
       เมื่อเข้าสู่ Solar Maximum สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ มีกิจกรรมบนดวงอาทิตย์มากขึ้น สนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เพราะดวงอาทิตย์ส่งอนุภาคมีประจุมาเยอะขึ้น มีการพ่นมวลมีประจุมายังโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เราสังเกตได้ เช่น ปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ ซึ่งเห็นได้ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ แต่ปี 2501 มีรายงานพบแสงเหนือ-แสงใต้ที่เม็กซิโก ซึ่งอยู่ต่ำจากขั้วโลกเหนือลงมาอยู่ที่ละติจูด 30 องศาเหนือ
       
       เมื่อปี 2532 กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ ได้ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในระบบส่งไฟฟ้าของแคนาดา จนหม้อแปลงไหม้และเกิดไฟดับ แต่ในปี 2544 ไม่เกิดเหตุไฟดับเนื่องจากทราบว่าจะเกิดขึ้นและได้เตรียมการรับมือไว้
       
       - ซากดาวส่องตรงรังสีแกมมาเผาโลกเป็นจุณ
       
       การระเบิดของรังสีแกมมา (Gamma Ray Burst: GRB) เป็นปรากฏการณ์ส่งรังสีแกมมาจากซากของดวงดาวที่กำลังดับสูญ และเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับดวงดาว ซึ่งมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 10 เท่าขึ้นไป โดยปกติดาวฤกษ์มีปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งจะหลอมรวมธาตุเล็กให้กลายเป็นธาตุใหญ่ และให้พลังงานออกมา เสมือนมีแรงระเบิดนิวเคลียร์อยู่ภายในดวงดาว
       
       ขณะเดียวกันดาวฤกษ์ยังมีแรงโน้มถ่วงดึงมวลกลับมาอยู่รวมกัน จึงเปรียบได้กับการชักเย่อระหว่างแรงระเบิดกับแรงโน้มถ่วง เมื่อธาตุตั้งต้นหมดลงการระเบิดก็น้อยลง ทำให้แรงโน้มถ่วงชนะและเริ่มดึงให้ดาวยุบลง
       
       อย่างไรก็ดี การยุบตัวของดาวนั้น มีปลายทางที่แตกต่างกัน ดาวบางดวงยุบตัวอย่างเงียบสงบและหมดพลังงานไป บางดวงเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ขึ้นอีกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงทำให้เกิดการหลอมรวมของธาตุครั้งใหม่
       
       บางดวงเกิดระเบิดอย่างรุนแรงเรียกว่า “โนวา” (nova) หรือ “ซูเปอร์โนวา” (supernova) กลายเป็นเนบิวลาและเกิดการรวมตัวของก๊าซกลายเป็นดาวอีกรอบ บางดวงยุบตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหลุมดำ แต่บางครั้งเกิดการยุบตัวและเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่รุนแรงพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดรังสีแกมมาความเข้มสูงส่งออกมาในทิศทางที่แน่นอนและเป็นลำแคบๆ หรือเรียกว่าการระเบิดของรังสีแกมมานั่นเอง
       
       “ถ้าส่องมายังโลก ก็ตายหมดทั้งโลก การระเบิดของรังสีแกมมาการระเบิดของรังสีแกมมานี้ น่ากลัวมาก แต่ต้องกลัวไหม ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าเกิดขึ้นก็รวดเร็วมากจนเราไม่ทันได้รู้สึก เนื่องจากรังสีเดินทางด้วยความเร็วแสง" ผศ.พงษ์กล่าว
       
       อย่างไรก็ดี ผศ.พงษ์กล่าวเผยว่า โอกาสดังกล่าว เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะอย่างแรกต้องเกิดใกล้ๆ เรา ประมาณกาแลกซีถัดไป และต้องหันมาทางเราพอดี ซึ่งดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เราที่สุดคือดาวพรอกซิมา (Proxima) อยู่ไกลออกไป 4.2 ปีแสง แต่มีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของดวงอาทิตย์ เมื่อดาวดวงนี้ดับ จะไม่เกิดระเบิดรังสีแกมมาแน่นอน แต่ถ้าถึงวันหนึ่งเราจะต้องไป เราก็ต้องไป.


บันทึกการเข้า
ปีนี้แล้งมาก สังเกตว่า ฝนตกน้อยมากๆ แถมยังอากาศยังร้อนต่อเนื่อง

ดูช่าวเมื่อเช้า เขื่อนป่าสักน้ำแห้งขอด ถึงขนาดเปิดประตูระบายน้ำ แล้วน้ำไม่ไหลแล้ว เกิดเนินดินขึ้นเป็นหย่อมๆ

ซึ่งนักข่าวบอกว่า คงต้องภาวะนา ให้กลางเดือนมิถุนานี้ฝนตก


--------


วิเคราะห์ :
ผมไม่รอการภาวะนาล่ะครับ ดังนั้น เมื่อเช้าจึงเดินไปเซเว่น ซื้อข้าแบบ 5 กิโลมาสามถุง ปกติซื้อเดือนละถุง
ปีทีแล้วแล้งไม่จัดขนาดนี้ ยังทำให้เกิดวิกฤติข้าวแพง จากข้าวเปล่าถุงละ 5 บาท กลายเป็น 10 บาท (ตอนนี้เหลือ 7)

ที่ผมกังวลกว่านั้น มันอาจไม่ใช่แค่ ข้าวแพง อาจถึงข้นขาดแคลนข้าวกันเลย เพราะ คราวก่อนดูข่าว ว่าในจีนสภาวะขาดน้ำก็ไม่ต่างกัน
ถึงขนาดประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง ออกมาเรียกร้อง

และเมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา  ชาวนา ได้มาประท้วงที่กรุงเทพกันมาอาจทำให้แรงงานในการปลูกข้าวลดลง
อีกทั้งรัฐเปลี่ยนนโยบายจากจำนำข้าว มาเป็น ประกันราคาข้าว ซึงทำให้สต๊อกข้าวน้อยลงกว่าเดิมอีก
(อันนี้เกี่ยวหรือเปล่าไม่รู้ก็วิเคราะห์ตามเรื่องไป แหะๆ)

ดังนั้น คุณพ่อบ้านแม่บ้าน น่าจะซื้อ ข้าวมาตุนไว้ในปริมาณที่มากกว่าเดิมนะครับ
มันอาจจะดูเวอร์ไปบ้าง แต่ก็ ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่เหรอครับ

และผมก็หวังว่า ผมอยากให้ผมคาดการณ์ผิด ปัญหาขาดแคลนข้าวไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยจริงๆ ไหว้
 
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
กรี๊ดด ฟังได้กว่า ดร.สมิทธิ์ เยอะเลย  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
มาช่วยกันปลูกต้นไม้คนละร้อยต้นดีกว่าคับ อีก สิบปี ก็ยังทัน  แป๊ะยิ้ม

ปล. เมื่อไหร่ผมจะพ้นตำแหน่งเหาสักทีน้อ
บันทึกการเข้า
http://76.nationchannel.com/playvideo.php?id=99290

ศรีสะเกษ เห็นดวงอาทิตย์ 4 ดวง ตื่นเมืองเกิดอาเพต

ดวงเดียวก็แย่แล้ว!!!   โวย
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
มาอยู่เชียงรายสามเดือน
โดนแผ่นดินไหวสามรอบ
รอบที่สองพี่ยามบอกก้อนหินไหลลงมาจากภูเขาข้างหลังโรงงานด้วย

http://www.seismology.tmd.go.th/announce/file/06072010232736.pdf
บันทึกการเข้า

ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
4.5 ริกเตอร์ไม่ธรรมดาแล้วนาาา   โห


วันก่อนคุยกะน้องที่เรียนธรณีวิทยา ม.บูรพา
เค้าบอกว่า รอยเลื่อน ต่างๆ  ในประเทศเริ่มเคลื่อนไหวรุนแรง

แต่เค้าปิดข่าวเพราะไม่อยากให้ประชาชนตกใจหนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ก.ค. 2010, 00:11 น. โดย daylight » บันทึกการเข้า

กินรอบวง
 เหวอ
บันทึกการเข้า

จริงๆ แล้ว พี่แม้วก็ใกล้จะกลับมาแล้วนะ
แต่เค้าปิดข่าวเพราะไม่อยากให้ประชาชนตกใจหนะ  น้องดำ
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
นั่นแหละๆ สาเหตุ ทำให้แผ่นดินเคลื่อนต่ำลง
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
แร๊วง..
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์
แตกตัวออกมาจากธารน้ำแข็งกรีนแลนด์  โวย

http://www.bbc.co.uk/news/science-environment-10900235

ในข่าวยังไม่บอกว่าจะมีผลกระทบอะไร
เพียงแต่ถ้ามันเคลื่อนลงใต้ ก็จะกระทบกับการเดินเรือ

แต่ที่แน่ๆ ถ้ามันละลายหมด
ตูว่านั่นน่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ของกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นในมหาสมุทรได้

บันทึกการเข้า
ก็บินไปยกมันไว้ที่เดิมเลยสิแฮนค๊อก  โวย โวย
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
ถ้าโลกสิ้นแล้วทุกชีวิต ไม่ต้องดิ้นรนอีกมันก็คงจะดีไม่น้อย

ตอนนี้ (ยิ่งด้วยสภาวะแบบนี้) รู้สึกพวกเราเกิดมาเพื่อดิ้นรนอะไรกันนักหนา
ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ฟังแล้วหดหู่ใจมากกับการเอาความคิดบางอย่างมาบีบรัดสภาพความเป็นมนุษย์

เราเกิดมาอยู่กันอย่างพอดีๆ ไม่ได้แล้วเหรอ เพราะทุกคนเกิดมาชดใช้อะไรบางอย่างเหรอ
เราเบียดเบียนทุกอย่างรอบตัว ไม่เว้นแต่ความคิด ความเป็นมนุษย์

การต่อสู้ ดิ้นรน ค้นหา เพื่อให้ได้บางสิ่งบางอย่างมา มันสร้างความเสียหายแค่ไหน

ทำไมเราต้องสู้ ต้องไขว่คว้า ทะเยอะทะยาน
หยุดอยู่เพื่อที่จะสุขได้ไหม

ถ้าโลกสิ้นไปแล้ว พวกเรายังต้องดิ้นรนต่อไปอีกไหม
ถ้าโลกสิ้นไปแล้ว เราไม่ต้องดิ้นรนอะไร หยุดทุกอย่างลง จะยินดีที่สุดที่จะสิ้นโลก

บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 4 5 6 7 8 9 10 [11] 12 13 14 15 16 17 18 ... 49
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!