หน้า: [1] 2 3 4
 
ผู้เขียน หัวข้อ: คิดเท่าที่รู้  (อ่าน 11329 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
ผมเป็นคนชอบ คิดจากประโยคหรือคำพูดของคนอื่น
ไม่ว่า sms ทวิสเตอร์ หรือหนังสือที่อ่านพบ
อาจจะเป็นประโยคสั้นๆทางหนังสือพิมพ์

จะเอาไปพิมพ์ไว้ที่ระบายใจ ก็อาจจะไม่เข้ากัน(ในความคิดของผม)
ลองเอามาตั้งดู ใครอยากจะร่วมสนุกมั่งก็ยินดี
..........................................................

เมื่อวานผมอ่านเจอทวิสเตอร์
(คนที่ไม่รู้จักทวิสเตอร์ อธิบาย คือ เหมือน sms สั้นๆ ที่ขึ้นตามหน้าจอทีวี
ว่า ลำปางหนาวมาก หรือ เด็กผีเก่งสุดหงส์นะกาก)

ในทวิสเตอร์นั้น (ใครก็ไม่รู้ เดาว่าเขาอาจจะเป็น วมต ของบล็อกเอ๊กซ์ทีน)
เขาพิมพ์มาว่า(เอาที่จำได้โดยประมาณ)

เป็นห่วงเด็กไทยที่จะเติบโตมาท่ามกลางสังคมแบบนี้ เช่นเหลืองแดง
ผมอ่านแล้วคิดว่า เออนะน่าคิด
ผมเลยถามเขากลับไปว่า
แล้วผู้ใหญ่เฮงซวย นักการเมืองเฮงซวย
ที่ปกครองบ้านเมืองตอนนี้ละเขาโตมาแบบไหน
เขา(ผู้ทวิสต์) คงไม่ได้รับข้อความผม
และมันก็หายไปแต่ผมยังคิดต่อ
ว่าคนโตๆเหล่านั้นเขาผ่านอะไรมาบ้าง
ทำไมโตมาแล้วเลวกันได้ขนาดนี้
แล้วคนรุ่นผมละ ผ่านอะไรมาบ้าง
ถ้าโตไปได้ปกครองบ้านเมืองบ้าง
จะเลวได้อย่างเขาไหม หรือดีมากกว่าเขา
ผมพยายามคิดต่อ
แต่ก็คิดไม่จบว่า เด็กเยาวชนที่จะโตต่อไป
ในระหว่างทางที่บรรยากาศเป็นแบบนี้
เขาทั้งหมดจะเป็นแบบไหน
คิดได้เท่านี้แต่ก็เป็นเรื่องที่ค้างๆ ในใจอยู่
(ไหนจะ โอเน็ตอีก)



บันทึกการเข้า

ต่ออีกเรื่อง

เจ้าของทวิตเตอร์คนเดิม
ทวิสต่อว่า
ฝากบอกงานหนังสือคราวนี้ขออย่าตะโกนขายกันอีก(เท่าที่จำได้นะครับ)
ผมก็ตอบเขาไปว่า ที่ฝากนะฝากใคร

ผมสงสัยเช่นนั้นจริงๆ
เขาฝากใครหรือ
แล้วคนที่จะรับฝากเขาจะเชื่อไหม
เขาอาจจะฝากไปถึง สนพ ทั้งหลาย
หรือคนขายหนังสือทั้งหลาย

แต่ เมื่อหนังสือเป็นสินค้า ที่มีทุน
เมื่อลงทุนก็ต้องทำให้ได้เยอะกว่าทุน
นั่นหมายถึงกำไร เมื่ออยากได้กำไร
ก็ต้อง ขาย เมื่อจะขายก็ต้องหาวิธีประชาสัมพันธ์
การตะโกนแข่งกัน มันก็เป็นการตลาดแบบหนึ่งในหลายๆแบบ
ใครชอบไม่ชอบนี่อีกเรื่อง คนทวิสก็คงไม่ชอบ
ถามผม ผมก็ไม่ชอบแต่เข้าใจได้
ทำไมเข้าใจได้ ก็เพราะผมคลุกคลีตีโมงอยู่ในแวดวงนี้เกือบยี่สิบปี
แต่ถ้าเลือกได้ ก็คิดว่า ไม่ตะโกนแข่งกันก็ดี สงบดี
แต่ตะโกนก็คึกครื่นดีอีกแบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ก.พ. 2010, 12:24 น. โดย ภาณุพันธุ์ » บันทึกการเข้า

โอ้ว ประเด็นน่าสนใจครับ

งั้นผมฝากพี่โอ๋ไปคิดสักประโยค


"ถ้าจะบิน จงบินให้ได้อย่างปลาทอง"


อ้าว อ้าว อ้าว
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
โอ้ว ประเด็นน่าสนใจครับ

งั้นผมฝากพี่โอ๋ไปคิดสักประโยค


"ถ้าจะบิน จงบินให้ได้อย่างปลาทอง"


อ้าว อ้าว อ้าว

ปลาทอง
บ้าเร๊อะ ปลาที่ไหนบินได้
(อ๊ะ โยนประเด็นกลับให้แอนคิด)

ทำไมไม่บินแบบนกหรือเครื่องบินละ
ปลาทองความจำสั้น หรือว่าอดีตเลยเป็นได้
พอมันความจำสั้นว่ามันเคยบินได้
มันก็จำไม่ได้ว่ามันเคยบินได้
วันนึงเผลอลองว่ายน้ำดู มันว่ายได้
กลายเป็นว่าลืมไปว่าเคยบินได้
ฉะนั้น ประโยคนี้อาจจะจริงนะ
"ถ้าจะบิน จงบินให้ได้อย่างปลาทอง"
บันทึกการเข้า

กรี๊ดดดดด กรี๊ด จ้อบ จ้อบ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ผมยังติดค้างประโยคนึงอีก พยายามคิดมาหลายรอบ
และทุกรอบที่ได้ยินเพลงนี้ด้วย
เป็นประโยคในเพลง "อีกนาน" ของ พงษ์พัฒน์
ประโยคที่ผมติดใจคือ
หากเธอมีหัวใจเป็นอื่น
เท่านี้เองนะครับ

ผมคิดว่า ถ้าหัวใจเธอเป็นอื่น
แสดงว่า หัวใจของเธอเคยเป็นอีกแบบนึง
แล้วเจ้าของหัวใจละ คิดว่าหัวใจเธอเป็นแบบไหน
ไอ้ที่เขาว่า เป็นอื่นนี่ เจ้าของหัวใจจะคิดไหม
ว่าหัวใจตัวเองเป็นอื่นไปแล้ว หรือหัวใจฉัน
มันก็เป็นปกติ แต่ระหว่างที่ไปอยู่กับเธอต่างหาก
หัวใจฉันเป็นอื่น
ผมก็คิดวนไปวนมาแบบนี้ ว่า หัวใจเป็นอื่น นี่เป็นแบบไหน

บันทึกการเข้า

 กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดด

เจ๋งๆ อ่านเพลิน พี่โอ๋เมื่อไหร่เขียนหนังสืออีกพี่
บันทึกการเข้า
กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดด

เจ๋งๆ อ่านเพลิน พี่โอ๋เมื่อไหร่เขียนหนังสืออีกพี่

นั้นสิ อันนี้ผมพิมพ์(จิ้ม) อยู่  (อิอิ)
บันทึกการเข้า

พี่โอ๋ มีอะไรให้เล่นอีกแล้ว  อ๊าง~

เคยเป็นเหมือนกัน ว่าได้ยินหรือได้อ่านประโยคอะไรบางอย่างแล้วก็เก็บมาคิดต่อ
มันเหมือนไม่จบ จนบางครั้ง ลืมเรื่องอื่นๆไปซะหมด เพราะมัวแต่นั่งคิดอะไรพวกนี้
จนบางทีเหมือนเพ้อเจ้อ  แหยะ

ล่าสุด ผมติดใจกับคำประมาณนี้ครับ "รักแท้ คือรักที่ไม่เปลี่ยนแปลง"
จะเป็นไปได้เหรอ ที่รักของคนเราจะไม่เปลี่ยนแปลง มันจะไม่มากขึ้น น้อยลง หรือกลายสภาพบ้างหรือ
รักแรกของคนเราเวลาพูดคำนี้ขึ้นมา กับรักที่ผ่านการอยู่กินร่วมสุขทุกข์มาสิบยี่สิบปี
มันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแตกต่างกันเลยหรือ

ผมว่า รักเรา มันเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวันนะ ...
เพียงแต่ว่า เราและเราจะรู้ตัวกันเองหรือเปล่า
ว่าวันนี้ เรารักคนรักของเรา แบบไหน

เคยเห็นใครหลายๆคู่ ที่เลิกรากันไป ด้วยเหตุผลว่า มันเบื่อ
เบื่อเพราะ รู้สึกมันจำเจ และเดิมๆกับความรัก...
อ้าว ... เป็นงั้นไป

โดนส่วนตัว ผมเองไม่อยากให้คนอื่นรักผม โดยไม่เปลี่ยนแปลง
ผมเมื่อห้าปีก่อน กับผมเมื่อตอนนี้ มันก็คงต่างกัน
ถ้าคุณยังรักผมแบบที่ผมเป็นเมื่อห้าปีก่อน ในปีนี้เราออาจจะอยู่ด้วยกันยากไปก็ได้
ผมอยากใ้ห้รักของคุณ อัพเดททุกวัน แม้ว่าวันนี้ รักที่ให้ จะไม่ใช่รักแบบคนรักแล้วก็ตาม
และผมเองก็ตอบคุณได้เลยว่า ผมไม่ได้รักคุณเหมือนเมื่อห้าปีก่อนแล้วเช่นกัน
ผมรักคุณต่างจากเมื่อวาน ด้วยซ้ำไป..
แต่สุดท้ายแล้ว ผมรักคุณ...

เอ๊ะ หรือนี่แหละ คือความหมายของคำว่า รักแท้ คือรักที่ไม่เปลี่ยนแปลง
รัก ยังไงก็คือ รัก...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ก.พ. 2010, 13:15 น. โดย O.D.M. » บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
ผมคิดและสรุปของผมเอาเองว่า
รักแท้ มีอยู่จริง
แต่
จริงเฉพาะกับบางคน
เท่านั้นนะ เพราะมีอีกหลายคนไม่เคยเจอ
ถ้าเจอคงเชื่อ แต่ไม่เจออาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อ
แต่คิดว่า มันต้องมีอยู่จริงแหละ
บันทึกการเข้า

 กรี๊ดดดดด อ่านเพลินมากเลย
บันทึกการเข้า

กรี๊ดดดดด อ่านเพลินมากเลย

หาเรื่องเตะบอลกันเหอะ
บันทึกการเข้า

คนที่พร้อมจะเตะกันจริง ๆ มันมีกี่คนละครับ  น้องดำ
บันทึกการเข้า

คนที่พร้อมจะเตะกันจริง ๆ มันมีกี่คนละครับ  น้องดำ

ไม่มีเลย
บันทึกการเข้า

เห็นกระจู๋แล้วนึกถึงเพลงน้าทิวา
ที่ร้องว่า
รู้เท่าที่คิด คิดเท่าที่เห็น ร้าาากเท่าที่เป็น ไม่มากมาย อะไรประมาณนี้ 555
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
หน้า: [1] 2 3 4
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!