- Metric คือ ช่องไฟระหว่างตัวอักษรตัวหน้าและหลัง
Metric คือ ข้อมูลในส่วนของการเว้นบรรทัด
เช่น ความสูงของตัวพิมพ์เล็ก ความสูงของตัวพิมพ์ใหญ่ ตำแหน่งของเส้นล่างสุด ตำแหน่งเส้นบนสุด
ส่วน Letter-spacing คือ การจัดช่องไฟครับ
อันนี้หาดูได้ตาม
วิกิฯ- Ligature (อันนี้อะไรไม่รู้)
Ligature คือ การรวมกันของตัวอักษร
เช่น f และ i ซึ่งเป็นสองตัวอักษร
พอพิมพ์ติดกันก็กลายเป็น fi ตัวใหม่ ที่ขีดของ f กับขีดของ i เชื่อมกัน
นั่นคือ
f + i --> fiใช้ 1 Glyph แสดงตัวอักษร 2 ตัว
อันนี้ก็หาดูได้ตาม
วิกิฯ เช่นกันครับ
1 Post Script
2 True Type: ทุกโปรแกรมอาจจะไม่ได้ลองรับการพิมพ์แบบนี้ เช่น เมื่อก่อนเราใช้ฟอนต์ตัวนึงได้ใน MS
word แต่ใช้ไม่ได้ใน Photoshop ฟอนต์ลักษณะนี้จะมีนามสกุล ttf
3 Open Type: ปัจจุบันฟอนต์เป็นแบบนี้หมดแล้วแต่อาจจะยังใช้นามสกุล ttf อยู่เพื่อให้ compatible กับ
ระบบ เดิม ส่วน Open type แท้ๆจะมีนามสกุลเป็น otf มาตรฐานนี้มีการแก้ปัญหาต่างๆไว้แล้ว เช่น เมื่อ ป ปลา เจอกับ ไม้เอก จะต้องไปเรียกไม้เอกอีกชุดมาใช้งานเพื่อที่จะไม่ตีกับหาง ป ปลา
จาก
TrueType, PostScript Type 1, and OpenType: What's the Difference1. PostScript - พัฒนาครั้งแรกโดย Adobe
- เป็นมาตรฐานที่เกิดขึ้นมาอันแรกสุด
- ใช้ Cubic Bézier curve ในการเก็บข้อมูล Outline
- ในระบบปฏิบัติการเก่าๆ (โดยเฉพาะ Windows ME ลงไป) ต้องอาศัยโปรแกรมเสริมเพื่อให้ใช้ได้
- การ Hinting ทำได้ไม่มากเท่า TrueType
ทำให้ตัวแสดงผลต้องเป็นผู้ "คิด" ว่าจะแสดงผลแบบไหน
Outline ของฟอนต์ที่ใช้ Curve แบบ PostScript
2. TrueType- พัฒนาครั้งแรกโดย Adobe เหมือนกัน
- เกิดขึ้นมาหลัง PostScript
- ใช้ Quadratic Bézier curve ในการเก็บข้อมูล Outline (ซึ่งทำให้ในทางคณิตศาสตร์ง่ายกว่า แต่จุดที่ใช้จะมากกว่า)
- ใช้ได้ทั่วไปมากๆ
- การ Hinting ทำได้ดีกว่า PostScript ตัวฟอนต์จึงเป็นผู้ "คิด" ว่าจะแสดงผลอย่างไร สลับกัน PostScript
Outline ของฟอนต์ที่ใช้ Curve แบบ TrueType
3. OpenType- พัฒนาโดย Adobe และ Microsoft
- เกิดขึ้นหลัง PostScript และ TrueType นานมาก
- สามารถเก็บข้อมูล Outline ได้ทั้งแบบ PostScript และ TrueType
- ซึ่งจริงๆ แล้วก็อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นการรวมกันระหว่าง PostScript และ TrueType
- นอกจากนั้น มันยังมี OpenType Table เอาไว้สั่งให้ตัวอักษรรวมกันอะไรทำนองนี้ได้อีกด้วย
ส่วนที่พิมพ์ในนู้นนี้ได้รึเปล่านั้น
อยู่ที่ Encoding ของฟอนต์
ตอนแรกเลย Encoding เดิม ช่องใส่ตัวอักษรมันมีแค่ 256 ตัว
ต่อมามี Encoding แบบ Unicode เกิดขึ้น
Unicode เพิ่มช่องใส่ตัวอักษรให้มากขึ้น เพื่อรองรับภาษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
ความรู้เรื่อง Font family กับ Type face
Font family เป็นชื่อชุดของตัวอักษร
ส่วน Type face เป็นรูปแบบ เช่น regular, bold, italic
ตัวอย่าง
Browallia เป็นชื่อ Font Family ซึ่งมีหลาย type face คือ
Browallia แบบปกติ แบบหนา แบบเอียง
Typeface ใหญ่สุดนะครับ
Typeface/Font Family จะมี หลายฟอนต์
ซึ่งแต่ละฟอนต์จะมี Style เป็นของตัวเอง
เช่น
Browallia เป็นชื่อ Font Family/Typeface
ประกอบด้วย 4 Fonts คือ
1. Browallia Regular ซึ่งมี Style เป็น Regular
2. Browallia Bold ซึ่งมี Style เป็น Bold
3. Browallia Italic ซึ่งมี Style เป็น Italic
4. Browallia Bold Italic ซึ่งมี Style เปน Bold Italic