หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 ... 29
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ไข้หวัดใหญ่ 2009 (แตกหน่อ)  (อ่าน 120105 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เอ่อ คือเพื่อนที่ออฟฟิสป่วยเป็นไข้หวัด ตัวร้อน ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล มีไข้แต่ไม่แน่ใจว่าสูงรึเปล่า เป็นมาเกือบ 10 วันแล้ว

แล้วตอนนี้เราก็ติดเค้ามาเรียบร้อยแล้ว เป็นไข้เล็กน้อย ตัวรุมๆ มา 4-5 วันละ เจ็บคอนิดหน่อย


แสดงว่าตอนนี้เราควรอยุ่บ้านไม่ไปไหน เพื่อเป็นการไม่แพร่เชื้อสินะ

 เราว่าเราแค่เป็นหวัดธรรมดานะ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่ใครๆก็ไล่ให้ไปหาหมอ



ปล. ถ้าจนถึงวันที่ 27 นี้ ตัวยังไม่หายรุมๆแบบนี้ คงไม่ไปงานที่บ้านพี่แอนแล้วนะ เกรงใจคนรับเชื้อ
บันทึกการเข้า
ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเผื่อแผ่กัน อ๊าง~











เอาให้ป่วยกันหมดน่ะครับ ของกินจะได้เหลือ :หิว:
บันทึกการเข้า

แต่ถ้ามีไข้ก็ควรไปหาหมอสักหน่อยก็ดีครับ
ถ้าเป็นโรคอื่นที่มียาช่วย จะได้หายเร็วขึ้น
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
ขอแตกหน่อเลยนะจ๊ะ

พอดีวันนี้ไปเยี่ยมมหาลัยมา (เจออีบวบแว้บๆ แต่ไม่ได้คุยกัน)
เพื่อนที่มันจบมาจาก ร.ร.เซ็นฯ โดนถากถางใหญ่เลย กร๊าก


แต่ก็นั่งตากฝนมาหน่อยนึงเหมือนกัน เลยตอนนี้เริ่มคัดจมูกละ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ


กี่จบครับ
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
 ฮือๆ~ เพิ่งกดตอบไปที่ตกข่าว โดนแตกหน่อไปหลังจากกดโพสต์เสร็จ โหดร้ายมาก
ก๊อปมาใหม่


 กรี๊ดดดดด ขอบคุณครับหมอแมว ค่อยยังชั่ว บวกให้แล้วนะครับ

ส่วนนุ้ก เอ็งระวังที่เอ็งพิมพ์หน่อยก็ดี
บันทึกการเข้า

 ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

แปะไว้ติดตามข่าว  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

 หมีโหด~ ตูนี่เสี่ยงมากถึงมากที่สุด

ตั้งแต่มันเพิ่งเริ่มแพร่ มีแค่แอลเอ ซานฟราน ฮ่องกง

ตูกวาดเรียบ ไปมาแล้วทุกที่  ง่ะ

น่าแปลกว่าที่เมกาเนี่ย ผู้คนเค้าดูชิลกันยังไงไม่รู้ ขึ้นเครื่องมาก็ไม่ปิดปาก

อีพวกเกาหลีนี่แหละ ปิดกันพรึ่บพรั่บ ฝรั่งพากันตกใจ

"นี่เค้าเป็นรึปล่าวถึงได้ปิดปากกัน?" กร๊าก

เออเว้ย คิดต่างกันแท้ๆ อีซีกโลกเราคิดว่าปิดปากเพื่อป้องกัน

ส่วนอีกฟากกระโน้น คิดว่าปิดเพื่อไม่ให้แพร่เชื้อ

ว่าแล้วขอเล่าเรื่องการวัดอุณภูมิของแต่ละที่

ที่เมืองไทยขาเข้าไม่เจออะไรเลย นอกจากโต๊ะที่มีพยาบาลนั่งอยู่

(รึเป็นเพราะว่าพวกตูแยกจากผู้โดยสารก็ไม่รู้ หารู้ไม่พวกตูเนี่ยตัวเสี่ยงติดเชื้อกว่าผู้โดยซะอีก)

ที่เกาหมี เมื่อก่อนเป็นแค่ไอ้เครื่องสแกนอุณหภูมิ (ที่เมืองไทยเพิ่งจะมี)

ตอนนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาดักรอหน้าเครื่องเพื่อวัดอุณภูมิกันเลย

เครื่องก็มีสองแบบคือ แหย่หู กับ แปะตรงคอ

บางวันพี่แกคงนึกครึ้มใจ อารมณ์ว่าชีวิตตูน่าเบื่อเหลือแสน

ใครยื่นหูให้พี่แกจิ้ม แกก็เอาแปะคอ ใครยื่นคอ พี่แกก็เอาทะลวงหู

โว้ววว  ตูตกใจว้อย ดีไม่แยงแก้วหูตูบรรลัยหมด โวย

ประเทศที่ประทับใจต่อมาคือสิงคโปร์ เป็นปรอทเลย

เรียลปรอท แต่แค่ปั๊ดตะนาเป็นระบบดิจิตอล แต่กลไกยังเหมือนเดิม

คือหนีบตรงจั๊กกุแร้ แล้วสิงคโปร์ร้อนไตแหกเหมือนบ้านเรา

ยูนิฟอร์มตูก็หนาเยี่ยงผ้าห่มเอสกิโม เต่าแตกจั๊กแร้จุ๊บกันทุกนาง

แล้วตูดันเป็นคนสุดท้าย  ฮือๆ~ ปรอทเปียกมาเชียว

แต่ที่ชอบที่สุดคือฮ่องกง ไม่ต้องมาประชิดตัว ไม่ต้องมาจิ้มมาแปะ

ไม่ต้องมาหนีบที่จั๊กให้เหงื่อจุ๊บ

ฮ่องกงมีระบบ "ปืนเลเซอร์วัดอุณภูมิ"

ไอ้ม๋าแตกกกก  โวย ตกใจแทบสิ้นชีวิต

เพราะโรงแรมที่ฮ่องกงเป็นโรงแรมในแอร์พอร์ต กำลังเดินเม้าๆไป

จู่ๆก็มีอาหมวยยืนดักหน้าทางเข้าพร้อมพูดว่า "เอ๊กจึ๊คิ้วซึมี"

แล้วเอาปืนเลเซอร์เล็งหน้าผากตู

แม่จ้าววววว มีไฟจุดแดงๆบนกะโหลกตูด้วยนะ

เกิดอาหมวยอีหยิบมาผิดอัน อั๊วมีซี้แหง๋แก๋กันแน่ๆ

ส่วนเพื่อนตูคนนึง โดนกักตัวที่เกาหลี 10 วันเต็ม

เพราะว่าในไฟลท์มีคนเป็นโรคนี้ 3 คน

คือไม่ใช่ว่าแค่เฝ้าระวัง หรือเข้าข่ายว่าเป็น

แต่ตรวจแล้วเป็นเลยจริงจังไม่ใช่สลิงและตะลิงปลิงแต่อย่างใด

JFK-ICN บิน 14 ชั่วโมงได้

ครอบครัวนี้มีห้าคน คือพ่อแม่ ลูกตัวน้อย ลูกสี่ขวบ ลูกหกขวบ

ผู้บริการโซนครอบครัวนี้คือเพื่อนตูเอง

ตอนขึ้นเครื่องมา ตัวแม่น่ะไม่สบายอยู่แล้ว

พอกลางไฟลท์ ลูกคนเล็กก็เริ่มมีไข้สูง 41 องศาแบบเฉียบพลัน

แล้วก็ลามมาลูกคนกลาง ลูกคนโต พอถึงอินชอนปุ๊บ

เพื่อนตูบอกว่า

"ตั้งแต่เกิดมาตูไม่เคยรู้สึกยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

เพราะทุกคนกั้นผู้โดยสารคนอื่นออกหมด แหวกทางให้อี 7 คนนี้เดินออกไปก่อน"

คือครอบครัวนั้นห้าคน เพื่อนตู แล้วก็เจ๊ที่อยู่อีกฝั่งก็โดนหางเลขไปด้วย

ออกไปก็ตรวจกันยุบยั่บ ส่องหูส่องคอ เก็บชิ้นเนื้อ แล้วก็กลับไปนอนตุ๊มๆต่อมๆที่โรงแรม

ผลคือเพื่อนตูไม่ติดเชื้อ แต่เด็กสามคนนั้น

เป็นไข้หวัดใหญ่ H1N1 ชัวร์ป้าบ

โดนกักตัวไปซะสิบวัน มีแต่คนห่วงใย กลัวเอาเชื้อมาแพร่ในโรงแรม  ลันล้า
บันทึกการเข้า

ห๊ะ! อะไรนะ!!!
อู้ย.. แล้วเพื่อนคนนั้นก็มาเที่ยวพัทยาไทยแลนด์ใช่ไหม
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ปล่าว มันเพิ่งไปกินข้าวกะตูเมื่อวานที่เกาหมี

วันนี้ตูก็มาบิน

แล้วเดี๋ยวตูกลับไปแพร่ต่อแถวลาดพร้าว โชคชัยสี่อะไรเทือกนี้  น้องดำ
บันทึกการเข้า

ห๊ะ! อะไรนะ!!!
พี่ตาลเล่าเรื่องสนุกดีอะ +1  กร๊าก
บันทึกการเข้า

ที่บ้านนอกผมเป็นไข้หวัดกันยกบ้านเลยครับ
อยู่ตั้งโคราช  คงไม่น่ามีจะแผร่ได้เร้วขนาดนั้นมั้งเนอะ (ปลอบใจตัวเองสุดๆ)
















ว่าแต่ใครอย่ามาเล่นมุก ป่วยยกบ้าน นะ ตูเคือง เพราะจองไว้เล่น เวลาอื่น

บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
งั้นตูเล่นอันนี้ก็ได้


ดีนะที่ตาลจะเอาเชื่อไปแพร่
เพราะตูอยู่ลาดพร้าว ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ตาล เอาไปแพร่เลยนะ



ถ้าตาลเชื่อเรา จะสามารถเอาไข้หวัดใหญ่ไปได้สองจังหวัด



บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 ... 29
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!