ปล. อย่าคิดจะเรียนถาปัด เพราะคิดว่าเด็กถาปัดเท่นะครับ มันถูกแค่ครึ่งเดียว
จริงๆคำนี้ของเอ็งใช้ได้กับการเรียนทุกๆสายเลยนะบวบ
ขอตอบเจ้าของกระทู้รวมๆไปเลยล่ะกัน ก่อนอื่นที่คิดจะมาเรียนด้านที่เกี่ยวเนื่องกับศิลปะ (วิจิตรศิลป์, สถาปัตย์, ออกแบบต่างๆ) ความชอบอย่างเดียวของเจ้าตัวคงไม่ช่วยอะไรได้มากครับ เพราะบอกตรงๆว่าชีวิตนี้ผมเห็นมาเยอะมากที่บอกว่า รักด้านนี้ ชอบด้านนี้ แต่พอไปเจอไอ้สิ่งพวกนี้เข้าจริงๆมันไม่ได้สนุกไม่ได้สบายหรอกครับ บางคนเรียนไปแล้วจากที่รู้สึกว่าชอบ ดันกลายเป็นรู้สึกไม่ใช่ขึ้นมา เพราะเหตุหลายๆอย่าง เช่น ไม่สู้ ไม่ฝึกฝน มองเพื่อนๆว่ามันมีพรสวรรค์แต่เราคงไม่มี ...ก่อนอื่นที่คิดจะมาเรียนด้านนี้ให้ลองฝึกพื้นฐานตัวเองดูก่อน ทั้ง Drawing, ลงสีประเภทต่างๆ ทิ้งการฝึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปเลยนะครับ ลองเริ่มสิ่งที่บอกจากศูนย์ แล้วจะรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบมัน ฝึกแล้วรู้สึกยังไงกับมัน ถ้าฝึกมากๆแล้วท้อ-เหนื่อย พยายามเท่าไหร่งานก็ไม่พัฒนาขึ้น บางทีเราอาจจะคิดว่าที่ฝึกแล้วไม่เก่งเพราะไม่มีพรสวรรค์ อันนี้ไม่ควรมาเรียนด้านศิลปะ ...เรื่องเหนื่อยมันมีอยู่แล้วในกรณีที่เราทำงานหนักหรือฝึกหนัก แต่คนที่จะเรียนหรือทำงานด้านนี้ได้ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คละเคล้าไปกับความสนุกในการลงมือทำ ยิ่งทำแล้วผลงานดีขึ้นๆ ก็ยิ่งมีกำลังใจทำให้มันดีกว่าเดิมขึ้นไปอีก คุณสมบัตินี้มันจะเกิดขึ้นเฉพาะกับเวลาที่เราทำสิ่งที่ชอบจริงๆ
จริงๆถ้าจะเน้นสาขาวิชาทีละสาขา มันจะเสียเวลาอธิบายกว่านี้ครับ เข้าใจว่า จขกท. คงจะยังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับการเรียนสายนี้ เลยอยากให้ไปค้นหาตัวเองดูก่อนว่าตกลงชอบเรียนในสายวิชาไหน .....ถ้าชอบสายวิชาศิลปะจริง ก็ลองไปหาข้อมูล หาตัวเอง ฝึกอะไรสักระยะ อย่างน้อยก็ 6 เดือน - 1 ปีขึ้นไปกว่าจะรู้ว่าเราน่าจะเรียนสาขาไหนที่เหมาะสมลงตัวกับ
ความถนัดและความชอบ ของเรา สิ่งที่ชอบบางครั้งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดเลย บางทีอาจจะทำไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ .....แต่สำหรับสิ่งที่ถนัดอย่างน้อยเราก็น่าจะมีความชอบอยู่บ้างจึงหัดให้ตัวเองถนัดได้ (งงไหม) .....สิ่งสำคัญคือเราจะเลือกยังไงที่ทำให้มันลงตัวทั้ง ความถนัดและความชอบ สองสิ่งนี้ถ้าสมดุลกันมันก็จะไปได้รอด
สาขาวิจิตรศิลป์มีทั้ง จิตรกรรม, ประติมากรรม, ภาพพิมพ์ .....สาขาสถาปัตย์ก็มีทั้ง ออกแบบอาคาร, ออกแบบสภาพแวดล้อม, ออกแบบภายใน .....สาขาออกแบบมีทั้ง นิเทศศิลป์, ออกแบบผลิตภัณฑ์, ออกแบบภายใน (คล้ายของสถาปัตย์) หรืออีกสาขาที่ใกล้เคียงกันก็มี วิชาภาพยนตร์ และ วิชาศิลปะการถ่ายภาพ ......แยกย่อยไปแบบนี้ก็บานตะไทแล้ว นอกจากสาขาสถาปัตย์แล้ว สาขาอื่นๆเวลาสอบเข้าหรือ entrance จะต้องเลือกเอกในการสอบแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งถ้ายังไม่รู้ตัวเองว่าเราถนัดด้านไหนกันแน่ คงจะไปสู้ชาวบ้านที่เขาพร้อมกว่าได้ยากมาก
จบแ้ล้วต่อโทข้ามสาขาได้ไหม?? ตอบว่าได้แน่นอน แต่โดยมากคนที่จบสาขาวิจิตรศิลป์ หรือสาขาออกแบบ จะมีน้อยหรือแทบไม่มีเลยที่จะไปต่อโทด้านสถาปัตย์ แต่เด็กสถาปัตย์จะข้ามสายมาเรียนฝั่งสาขาออกแบบกันซะเยอะ ดูเหมือนการเรียนสถาปัตย์จะกำไรกว่าการเรียนอีก 2 สาขาที่เหลือนะครับ แต่โดยมากเด็กสถาปัตย์ที่ข้ามสายมาเรียนต่อออกแบบมันก็ฝึกเพิ่มเองแทบทั้งนั้น เพราะพื้นฐานการเรียนศิลปะมันปูพื้นมาเหมือนๆกันนั่นแหล่ะ แต่โดยมากพวกที่ไปเรียนวิจิตรศิลป์และออกแบบ มันจะรู้ตัวเองล่วงหน้าแล้วว่าคงไปทำงานเรื่องโครงสร้างหรือลักษณะงานแบบสถาปัตย์ไม่ได้หรือทำได้แต่ไม่ชอบ มันเลยไม่ค่อยมีใครข้ามไปเรียนสถาปัตย์กันต่อ
ถ้าอธิบายมันก็เหมือน วิจิตรศิลป์อยู่ริมสุดทางขวา ....สถาปัตย์อยู่ริมสุดทางซ้าย ....ส่วนออกแบบอยู่ตรงกลาง
ในด้านริมสุดเราก็ต้องมีอะไรที่เป็นพิเศษของอีกด้านถึงจะไปอยู่ฝั่งนั้นได้ ....สาขาออกแบบที่อยู่ตรงกลาง เลยมีคนจากทั้ง 2 ฝั่งคือ สถาปัตย์ และ วิจิตรศิลป์ ข้ามสายมาทำง่ายกว่า .....แต่กลับกันพวกวิจิตรศิลป์จะไปทำงานด้านสถาปัตย์ที่อยู่อีกฝากก็ไม่ค่อยจะมี และพวกสถาปัตย์ที่ไปทำงานเนี๊ยบๆโชว์วิชวล เพนท์ ปั้น คราฟท์ ละเมียดละไมแนววิจิตรศิลป์ก็มีอยู่น้อย ถ้าคนสถาปัตย์ทำงานศิลปะก็จะออกมาในรูปแบบงานออกแบบในอีกมิตินึงซะมากกว่า ....พวกคนที่เรียนออกแบบก็เหมือนจะซวยสุดที่ออกแนวครึ่งๆกลางๆ เพราะไปทำงานเนี๊ยบๆก็สู้พวกวิจิตรศิลป์ไม่ได้ ส่วนถ้าจะไปคิดเรื่องโครงสร้าง รูปแบบการใช้งานก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้รอบคอบครอบคลุมกว่าคนที่เรียนสถาปัตย์มา แต่พวกเรียนออกแบบที่ทำงานเก่งๆมักจะรู้จักการประยุกต์ใช้ การประสานหน้าที่ออกมาเป็นชิ้นงานได้ดีกว่า ทุกสาขามาจุดดีของตัวเองทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราถนัดและชอบอะไรมากกว่ากัน