หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: บังเอิญ  (อ่าน 22979 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
บังเอิญว่า ตัวผมนั้นไม่ได้เกิดมาอายุ 30 สูง 175 หนัก 88 ในทันที ทุกคนก็เช่นกัน...






เล่นตัวเองเป็นเพื่อนไอซ์  ฮือๆ~ ฮือๆ~
ประโยคฮิตเลยนะเนี่ย กรี๊ดดดดด





กร๊ากกกก
บันทึกการเข้า

บังเอิญผมเคยเห็นประโยคนี้ในโชว์อะดูด กร๊าก
บันทึกการเข้า

지금은 소녀시대 , 앞으로도 소녀시대 , 영원히 소녀시대
เคยเล่าเรื่องความบังเอิญเรื่องหนึ่งเอาไว้
เรื่องที่เจอลูกค้าเก่า ที่คิดปุ๊ปเจอปั๊ป


เมื่อเร็วๆ นี้ผม ก็เจอเรื่องคล้ายๆ แบบนี้อีกแล้วละ


วันเวลาผ่านไปน้านนาน เลยนึกถึงความหลังซะเลย

เมื่อครั้งยังทำงานอยู่ที่ห้างฟิวส์เจอร์ปาร์ค โอ้ย เกือบ จะ 6 ปีแล้วเหรอเนี่ย
พอเลิกงาน ก็ใกล้จะ5 ทุ่มเข้าไปแล้วทุกๆ วัน
แต่ก่อนกลับไปห้อง ก็ต้องแวะเวียนไปกินไข่ปิ้งเจ้าประจำหน้าเมเจอร์ซะเกือบทุกคืน
พี่แบงก์ เป็นเพื่อนสนิทเพราะเราเป็นพนักงานพาร์ททามเหมือนกัน เราจะไปนั่งกินด้วยกันเป็นประจ้ำประจำ
จนสนิทกับลุง เจ้าของหาบไข่ปิ้งเป็นอย่างดี้อย่างดี ก็นั่งคุยกัน 3 คน ซะทุกครั้งที่ผ่านมา
บ่อยครั้งที่ลุงแกก็เล่าเรื่อง นุ่นนี่นั่น ให้ฟัง บางทีก็แอบกระซิบพวกเรา ว่า 
"นั่นดูนั่นสิ" พูดพรางยกมือชี้ไปทางหญิงสาวสุดเซ็กซ๊ที่เดินลงมาจากสะพานลอย
"ผู้หญิงคนนั้นนะ ควงผู้ชาย สามคนแล้ว ภายในเดือนเดียว"
ผมกับพี่แบงก์ได้แต่ ฮูววซ์ ทำหน้าตื่นเต้นกันใหญ่
"ลุงคอยดูซิ เดี๋ยวเดือนต่อไปลุงจะเห็นเขาควงผมเป็นคนที่ 5  ฮ่าๆ"
พี่แบงก์แกก็หัวเราะร่าหลังจากพูดตอบไป
ผมก็กลัวจะน้อยหน้าเขาก็เลยบอกไปว่า "คนที่ลุงเห็นคนแรกอะ คือผมเอง  ฮ่าๆๆๆ"

เราสามคนนี่เล่นกันบ่อย สนุกสนานมีเรื่องเยอะ ก็เป็นแบบนี้เกือบ 2 ปีนี่น่า
ตอนนั้นที่รังสิตคนไม่ได้เยอะอย่างปัจจุบัน  เมื่อก่อนเดินห้างฟิวส์เจอร์ทีผีแถบจะหลอกกันเองเลยเชียว
และที่ประจำของลุงแกก็ตีนสะพานลอยหน้าเมเจอร์ที่ติดกับฟิวเจอร์
บ่อยครั้งที่ เพื่อนที่มหาลัยมันก็เดินมาเจอผม ก็ชุดนักศึกษาสองคนกับคนขายไข่ปิ้ง
เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืนนี่ ก็มีแต่เราสามคนเท่านั้นเองดูหัวเราะกันเอิ๊กอาคซ์อยุ่เป็นประจำ
ช่วงปีหลังๆ เริ่มมีตลาดนัดทุกวันอังคารกับวันพฤหัส(ถ้าจำไม่ผิด) จะมีสาวประเภทสองมาตั้งร้านขายกางเกง
กระเป๋าอยุ่ด้านหลังพวกเรา วันไหนที่พี่แบงก์หยุดผมก็เลยไม่ไปกินไข่ปิ้ง ปล่อยให้ลุงแกเหงาอยุ่กับกระเทยเพียงลำพัง ฮ่าๆ
แต่ถ้าพร้อมรบครบสามเมื่อไรแล้วละก็ กระเทยก็กระเทยเถอะ แซวมาเราก็แซวกลับ เป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่มันมาตั้งร้าน ก็สนุกดี
พอพิมพ์ถึงเรื่องคุณกระเทียมร้านขายกระเป๋า ก็เลยนึกขึ้นได้อีกเหตุการณ์หนึ่ง
เราก็ไปนั่งกินกันตามปกติ ก็คุยเรื่อง นู่นนี่นั่นกันเรื่อยเปื่อย มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐาน เดินลงมาจากสะพานลอย
พอดีสายตาผมไปสบมองเขาพอดี เพราะปกติเราก็เป็นคนช่วยเรียกลูกค้าให้กับลุงแกอยุ่แล้ว
ผมก็เลยยิ้มให้พี่แกที่เพิ่งเดินลงมาจากสะพานลอย พอเขาเห็นผมยิ้มให้เขาก็เดินเขามายิ้มตอบก่อนที่จะนั่งคุยกับพวกเรา
พอมาถึงก็บอกว่าตัวเองเป็นนักเขียนแหละ ชื่ออะไรจำไม่ได้ ให้เบอร์ไว้ ผมก็เลยให้พี่แบงก์แกเก็บไว้
คุยกันอยู่ซักพักเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พี่ผู้ชายคนนี้ ไม่ยอมซื้อไข่ปิ้งที่เราโพทนาขายไปเลย มันจะกินไข่เราอย่างเดียว
 มือไม้ สรรพสำเนียงเริ่มออก ผมกับพี่แบงก์เริ่มมองตากันปริปๆ เอาเป็นว่าเข้าใจกัน
ผมยังคิดขำอยู่ในใจ อะไรวะ ข้างหลังก็เจ๊กระเทยร้านกระเป๋า
ข้างหน้าก็พี่เกย์ใส่สูธ กว่าจะไปได้เล่นเอาเราคุยเหนื่อยเลยเหมือนกัน จะชวนไปบ้านซะให้ได้ พอพี่แกคล้อยหลัง
ผมกับพี่แบงก์ก็เถียงกันใหญ่เลย ว่าใครวะเป็นคนยิ้มให้มัน ..ฮ่าๆๆ

เกือบสองปี ที่ชีวิตประจำคืนของผมเป็นแบบนั้น ถึงจะไม่ทุกคืนแต่ก็ตกอาทิตย์ละ3-4 คืนที่ได้ไปกินไข่ปิ้งร้านแก
เวลาเหนื่อยๆ เศร้าๆ ท้อๆ โกรธกันทะเลาะกัน พอได้ไปนั่งตรงนั้นก็สนุกขึ้นมาทันที บางทีนั่งไม่นานก็ขึ้นไปดูหนัง
หนังจบออกมาก็มานั่งต่อ เรียกได้ว่ามีทั้งสุขทั้งเศร้าเลยทีเดียว  พอถึงเวลาที่ผมออกจากงาน
พี่แบงก์แกก็ออกจากงาน ผมไม่ได้ใช้โทรศัพท์ แต่เวลามีข่าวอะไรก็ไปฝากบอกไว้ที่หาบไข่ปิ้งของลุงแกประจำ
นัดเจอกันก็ที่เก่าเวลาเดินอยู่บ่อยๆ  ด้วยภาระหน้าที่ทำให้ผมห่างๆ ไปเป็นปีๆ ไม่ได้ติดต่อพี่แบงก์อีกเลย
ไข่ปิ้งก็ไม่ได้ไปกิน ไม่ค่อยได้ผ่านหน้าเมเจอร์บ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน ผู้คนก็เริ่มเยอะขึ้น
ในช่วงเวลานั้นก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมก็แวะไปถามข่าวพี่แบงก์จากลุงแกแต่แกก็บอกว่าไม่ได้เจอนานแล้วเหมือนกัน
ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยกับแก แล้วก็ผ่านไป3-4 ปีแล้วมั้ง และช่วง ปีสองปีนี้ ผู้คนไม่รุ้หลั่งไหลมาจากไหน
ตึกเอย อพาทเม้นเอย  ผุดขึ้นยังกะดอกเห็ด รถโรงงานเกือบร้อยคันรับและขนคนมาเทไว้ทุกเช้า กลางวัน เย็น
ทั้งที่เมื่อก่อนแทบนับคันได้  ร้านค้าก็เยอะขึ้น สะพานลอย ถนน ก็ทำใหม่หมด
และตอนนี้เจ้าสะพานลอยตรงหน้าเมเจอร์อันนั้นก็ไม่มีแล้วเหมือนกัน และสิ่งที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยังมี พวกแม่ค้าหาบเร่แผงลอย
ไม่เว้นแม้แต่ คนขายไข่ปิ้ง  ผมเห็นคนขายไข่ปิ้งเยอะขึ้น และนั่งขายไม่ได้ห่างกันไกลเลยจากที่เห็นน่าจะเป็น 10 เจ้าได้
 แต่เจ้าหนึ่งที่ผมไม่เห็นตลอดปีกว่าๆ  ก็คือเจ้าที่ขายไข่ปิ้งเมืองเพรชบูรณ์ที่มีอดีตร่วมกับผมมานั่นเอง ผมเดาเอาว่าลุงแกคง
กลับบ้านนอกไปทำไร่ไถนาแล้วละมั้ง ผมก็ม่ติดใจอะไรมากนัก  และแล้ว.....




อยู่มาวันหนึ่ง  ก็เมื่อสองอาทิตย์กว่าเห็นจะได้ ผมกลับมาจากทำงาน
ก็จะ 3 ทุ่มแล้วละมั้งตอนนั้น พอดีเอารถไปจอดที่เมเจอร์
ว่าจะดูหนังซักเรื่องค่อยกลับ แต่เดินไปเดินมา มีแต่รอบ 4 ทุ่ม
 ผมก็เลยขึ้นไปซื้อตั๋วเอาไว้รอบ 4 ทุ่ม 10 นาที ช่วงเวลานั้นผมหิว
ก็เลยเดินออกมาซื้อของที่เซเว่น กะจะเอาเข้าไปกินในโรงหนัง
เพราะซื้อข้างใน แม่งโคตรแพง แต่พอเดินมาถึงก็เห็นลุงคนหนึ่งใส่หมวกนั่งขายไข่ปิ้งอยู่
ภาพเก่าๆ มันก็แล่นเข้าหัวแว๊ปๆ ก็คิดถึงอดีตขึ้นมา
เลยตัดสินใจไปนั่งกินไข่ปิ้ง  ผมนั่งกินไข่ปิ้งได้ซักพัก ก็ถามข่าว

"ลุงครับ ลุงรู้มั้ยว่าคนขายไข่ปิ้งที่ชอบนั่งอยู่ตรงนั้น แกหายไปไหน" พูดพรางชี้นิ้ว
 ลุงใส่หมวก นั่งทำท่าคิดอยุ่ซักครู่ ก่อนจะถามผมกลับว่า
"คนที่หน้าตาคล้ายๆ ลุงใช่มั้ย" แกพูดไปด้วย เอานิ้วชี้ที่หน้าตัวเองไปด้วย
ผมขมวดคิ้วนิดนึง แล้วก็นึกในใจ ว่า "มีส่วนคล้ายแหะ" ก็เลยตอบแกไปว่า
 "คล้ายๆ ครับลุง"
 "อ๋อ... แกตายไปเมื่อสองเดือนก่อน"
 แกพูดพรางเอามือล้วงเข้าไปหยิบถ้วยน้ำจิ้มส่งให้ผม แล้วเอาช้อนตักน้ำจิ้มใส่ถ้วยในมือผม
ในขณะที่ผมกำลังอึ้งอยู่
 "ทำไมลุงแกถึงได้ตาย ครับ" ผมถาม
 "เป็นมะเร็ง" ลุงแกตอบ
ผมยังไม่หายสงสัย แต่ก็ไม่รุ้จะถามอะไร
ลุงแกก็พูดต่อว่า เมื่อก่อนแกก็หาบไข่ขายมาด้วยกัน คือเป็นพี่น้องกัน ลุงคนที่ตายนั่นอะเป็นพี่
แล้วแกก็เล่าประวัติให้ฟัง ว่า อยุ่ที่เพรชบูรณ์ มาขายนานแล้วอยุ่แถวนี้แหละ แยกกันขาย เมื่อก่อนขายคนละฝั่ง
แล้วแกก็ร่ายยาวถึง เรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตอนนั้นผมไม่ได้ฟังที่แกพูดเท่าไรนัก แต่ ผมก็เชื่อว่าแกพูดจริง

ผมไปดู แองเจิ้ล&เดมอน ด้วยอารมณ์เศร้านิดๆ .....

พอกลับบ้านมาผมฝันถึงแกด้วย  สงสัยจะคิดมาก....







วันต่อมา....

ประมาณ 2 ทุ่ม

ผมมีธุระต้องไปฟิวเจอร์ในเวลานั้นพอดี แต่ผมจอดรถไว้ที่เมเจอร์
ขากลับจึงเดินข้ามจากฝั่งฟิวเจอร์ เพื่อมาเมเจอร์
ระหว่างเดินมา รอดใต้ทางด่วน ผมก็เจอคนขายไข่ปิ้ง
นั่งกันตั้งแต่ยังไม่ข้ามฝั่ง พอมาอีกฝั่งก็เจออีกแล้ว
ผมยังคิดอยุ๋ในใจว่า ทำไมเดี๋ยวนี้คนขายไข่ปิ้งถึงได้เยอะอย่างนี้นะ
ถ้าลุงแกยังอยุ่ คงมีเพื่อนเยอะแยเลยเนอะ
ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ไม่ค่อยมีเพื่อนร่วมอาชีพเท่าไรนักผมคิดไปพร้อมเดินไปด้วย
ในขณะที่ผมกำลังจะเดินข้ามไปฝั่งเมเจอร์ยืนรอให้รถมันขับผ่านไป
ผมก็แหงะไปด้านหลัง ไปเห็นลุงคนหนึ่งนั่งขายไข่ปิ้งอยู่
ใบหน้าของลุงแก ผมยังจำได้ดีเลยทีเดียว ผมเห็นแว๊บแรกผมใจหายว๊าบ..
รีบหันกลับมาคิดในใจ ว่าคงไม่ใช่หรอก ผมหันไปอีกที ครั้งนี้ไม่ทันได้ดู
 คนที่เดินตามมาข้างหลังเขารอข้ามถนนอยุ่ ผมก็เลยหลีกทางให้เขา
หันหน้าไปประจัญกับคนขายไข่ปิ้งคนนั้น แกก็หันมาหาผมพอดี
แกยื่นขึ้นแล้วยิ้มให้ผม ผมยิ้มให้แกแบบแสยะๆ ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร
ผมเดินเข้าไปดูแกใกล้ๆ ก่อนที่จะร้องเฮ้ย!! ออกมาโคตรดัง คนเดินไปเดินมา หยุดมองเลย
ลุงแกก็เอ่ยทักผมทันที ผมก็รีบตรงไปจับตัวแกดู  "เฮ้ยตัวจริงนี่หว่า ฮ่าๆ"
เรานั่งคุยกันเหมือนเพื่อนเก่าที่พลัดพรากกันมาหลายปี ผมถามลุงแกว่า สบายดีมั้ย แล้วทำไมถึงจำผมได้
แกบอกแกจำได้  แกก็บอกอีกว่า "ขานั่น เจอกันเมื่อ 2 ปีก่อน บอกว่าจะไปสมัครเป็น
ทหารรักษาพระองค์ แล้วก็ไม่เจอกันอีกเลย" แกหมายถึงพี่แบงก์
แล้วแกก็ถามสารทุกข์สุขดิบผม ผมก็ถามสารดิบสุขทุกข์แก  แกบอกว่าแกกลับบ้านนอก ไปหลายเดือน เกือบปี
ผมเล่าให้แกฟังว่า ผมถามลุงคนนึงเมื่อวานถึงแก เขาบอกว่าลุงตายแล้ว ผมเลยถามว่า ลุงมีน้องชายด้วยเหรอ
ลุงแกก็เลย อ๋อ เล่าให้ผมฟังว่า มีอีกคนที่ขายไข่ปิ้งมาด้วยกัน เป็นพี่น้องกัน เป็นคนจากหมุ่บ้านเดียวกัน
ก็มาขายพร้อมกันนี่แหละ สรุปคือคนตายอะคนละคนกับแก  วันนั้นผมดีใจมาก
พอกลับมาผมอยากจะเล่า ให้หลายๆ คนฟัง แต่กลัวจะไม่มีใครอินไปกับผม
ก่อนกลับ ผมก็ กินไข่ปิ้งไป 2 ฟอง กับน้ำจิ้มสูตรเก่าที่คุ้นเคย
สิ่งนี้แหละที่ทำให้ผมคิดถึงเมื่อวานที่นั่งกินน้ำจิ้มของอีกลุงนึง
ผมยังแปลกใจอยุ่นิดๆ ว่า ไม่ใช่สูตรเดียวกับที่เราเคยกิน
แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคิดไปว่า เป็นพี่น้องกันอาจจะไม่จำเป็นต้องทำน้ำจิ้มสูตรเดียวกันก็ได้ นี่นา

เรานั่งคุยกันถึงความหลังอยู่นาน ท้องฟ้าสีดำก็ไม่เป็นใจ เริ่มทิ้งสายฝนให้หล่นลงมา จากบางเบาเป็นหนักหน่วง
ผมลาลุงกลับ....แยกย้ายกันไปโดยที่ลุงแกก็ไปหาที่หลบฝนผมก็วิ่งเข้าเมเจอร์ไปเอารถกลับบ้าน....



บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย


คิดถึงลุงแกเนอะ
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
So Sad but happy.
บันทึกการเข้า

★ .・。゜ïzY ™ ﺕ ❤ Loveable ☂
 ` Mode : รักเธอ *
T&I
 อ๊าง~ บังเอิญแบบแฮปปี้ๆ
บันทึกการเข้า

จริงๆ คนที่ตายคือคนที่จักรีนั่งคุยด้วยวันแรกสินะ  อู้ย..
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
ตอนแรกก็คิดงั้นแหละ แต่ตูอ่านตอนเวลาขนาดนั้น ไม่อยากจะนึกและคิดเล้ย จริงๆ  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

★ .・。゜ïzY ™ ﺕ ❤ Loveable ☂
 ` Mode : รักเธอ *
T&I
Happy Ending  ปลื้ม
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7]
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!