หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8
 
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากเก่งภาษา..ทำไงดี -*-  (อ่าน 35107 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
http://update.softarchive.net/vocabulary_in_context_books.7819.html

เรื่องคำศัพท์ ลองดูอันนี้ เค้าแบ่งเป็นหมดๆ ให้ค่ะ

คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ ไหว้
บันทึกการเข้า
+หลิง  หนังสือน่าหามาอ่านมากโดยเฉพาะหมวดศิลปะและวรรณกรรม กรี๊ดดดดด

+ พี่ส้มคืน และช่วย +คนอื่นๆด้วยค่ะ  เกย์ออก


บันทึกการเข้า

อันบัน ♥
เวลาเราทำงานกับคนต่างชาติ
เราจะคิดว่า ฝรั่งหรือคุณยุ่นเหล่านั้น
ไม่ใช่อาจารย์สอนภาษา
ความเข้าใจ สำคัญกว่าแกรมมาร์เยอะ
บันทึกการเข้า
มีมาฝากอีกแล้วค่ะ
ฝึกมากๆ จะได้เก่ง
http://baleablog.softarchive.net/test_your_english_promotional.18463.html
บันทึกการเข้า

บวก บวก บวก !!!! โอ๊ววว อะไรกันนี่ ช่างสรรหา ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆ  โวย
บันทึกการเข้า

หนังเย็บมือ Homemade www.facebook.com/oxhour
เท่าที่ฟังมา ส้มพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าตูร้อยเท่าได้มั้ง กร๊าก


ขอเบิ้ล
เมื่อคืนดูรายการตาสว่าง
มีเด็กคนนึงน่าจะประมาณ ๒ขวบ
คุณพ่อคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษ คุณแม่คุยภาษาไทย
(แต่ทั้งคู่เป็นคนไทยนะ)
ได้ผลอะ
แบบเวลาลูกไปคุยกับพ่อ ก็คุยเป็นภาษาอังกฤษ
คุยกับแม่เป็นภาษาไทย

คุณพ่อบอกว่าตอนนี้กำลังหัดภาษาจีน  ไอ้มืดหมี

คนนี้รู้จักกัน กรี๊ดดดดด
(หนังสือที่เขาโฆษณาในรายการนั่นตูวาดภาพประกอบให้เองแหละ กร๊าก)

http://go2pasa.ning.com/video/video/listTagged?tag=peipei
ที่สำคัญคือน้องเพ่ยเพ่ยน่ารักมากๆ โวย
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ผมรู้สึกว่า เราต้องลำบากยังงั้นเพื่ออะไรเหรอครับเนี่ย
พูดตั้งแต่เด็กเลย จำเป็นต้องรีบเรียนรู้อะไรขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
จนถึง ม.ต้น ผมยังวิ่งเล่นไล่จับจั๊กจั่นอยู่เลย ง่ะ
ไม่เห็นว่าทุกวันนี้จะมีปัญหาอะไร

เรื่องการเขียนผมก็ออกจะมีปัญหาอยู่เหมือนกัน
แต่ด้วยความที่สันดานพื้นฐาน ไม่ค่อยมีความกลัว กังวลอะไร
และไม่คิดอะไรมาก ใช้ๆไป ถูกผิดไม่รู้เหมือนกัน

จนกระทั่งมีครั้งนึง ไม่นานมานี้ ผมต้องเขียนบทให้บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
เป็นภาษาฝรั่งนี่แหละ คราวนี้ล่ะ ความเกร็งเกิดขึ้นของจริง
เพราะว่ามันคืองาน ไม่ใช่ว่าเขียนให้เข้าใจสื่อสารได้ก็พอ ต้องเขียนให้ถูกต้อง ตรงเป๊ะ
ประกอบด้วยวรรณศิลป์และขายของได้ เหมาะแก่การเอาไปพากย์อีกต่างหาก
ซึ่งไม่มั่นใจเลยสักนิด (นึกออกใช่ไหมครับ อย่างเราๆที่ใช้ภาษาไทยได้เป็นปกติ
ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเขียนบทโฆษณาได้ จึงนำมาซึ่งความเกร็งมากของผม)
แต่เวลาน้อย ก็จำต้องเขียนไปด้วยความเกร็งๆนั่นล่ะ

ก็เอาบทนั้นไปให้คนลงเสียงบรรยาย คือคุณฮาร์ท ซึ่งเป็นผู้ใช้ภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษา
ผมก็คิดในใจว่า ตายห่า โดนด่าตายแน่ เขียนมั่วซั่ว แต่สุดท้าย
แกเติม S ให้ 2-3 ตัว ที่ผมลืม ที่แก้ก็มีแค่ 4-5 คำ แก้เพื่อให้เข้ากับปาก
เข้ากับวิธีพูดของแกเฉยๆ เอาเป็นว่ารอดไปได้ยังไงไม่รู้

ผมเลยลงเอยกับความคิดที่ว่า ใช้ๆมันไปเถอะ ธรรมชาติของภาษาจะบอกเราเอง
ว่าไหนถูก ไหนผิด ผมไม่รู้จักแกรมมาร์อะไรทั้งนั้น ผมรู้แต่ว่าฟังแล้วมันแปร่งหู
ใช้วิธีเท่านี้จริงๆในการตัดสิน นอกนั้นก็เป็นเรื่องของศิลปะภาษาแล้ว
ซึ่งข้อนี้มันก็เหมือนกับภาษาไทยนั่นแหละ ในภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ทุกวันเนี่ย
ถ้าหากเราอ่านเยอะ เราก็มีคลังคำ คลังประโยคมาเขียนได้เยอะ ลองบอกให้ผมไปเขียน
จดหมายราชการเป็นภาษาไทยอะไรยังงี้ดูสิ ผมก็เขียนไม่เป็น เพราะคลังคำ คลังประโยค
ในหัวผมไม่มี เพราะผมไม่เคยอ่าน ไม่เคยพบเห็นว่าเขียนคิดเขาเขียนกันยังไง

วิธีนี้ผมว่าไม่ต่างกันเลย แค่เปลี่ยนภาษา แต่เราไม่เคยอ่าน ไม่เคยพบเห็น
การเขียนแบบนั้นเป็นภาษาอังกฤษ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเขียนไม่ได้ ไปไม่ถูก

เช่นเดียวกัน ผมก็ไม่เคยคิดว่าใช้ภาษาอะไร
แล้วมันจะต่างกัน มันก็คือการสื่อสารเหมือนกัน
มันคือการทำความเข้าใจ ในสิ่งที่มนุษย์อีกคนกำลังจะสื่อเหมือนกัน
เพราะงั้น ใช้ๆมันไปเถอะ ถ้ารู้เรื่อง มันก็พยักหน้าเอง กร๊าก

บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
ออกตัวก่อนว่า ภาษาตูก็ยังห่วย
ถ้าไม่ได้เป็นเรื่องที่เรารู้และเข้าใจ
พูดบางเรื่องบางทีก็ยังเป็น Broken English
ทั้งๆ ที่อยู่เมืองนอกมาตั้งหลายปี   ฮือๆ~

ตูจะบอกว่า ถ้ามาเรียนภาษา
ก็เจอแต่คนต่างชาติที่ภาษามันก็ห่วยเหมือนกับเรา
เรียนในห้องมันก็แบบนึง ดูเหมือนว่าเออ เหมือนภาษาจะดีขึ้น
เวลาดูบีบีซี ก็เข้าใจดิบดี

แต่พอมาเจอคนอังกฤษท้องถิ่นจริงๆ พูด
เราก็จะไม่เข้าใจ เพราะสำเนียงไม่ชิน
และคนอังกฤษส่วนใหญ่ไม่ได้พูดสำเนียงแบบ บีบีซี
เคยมีเพื่อนอเมริกันบอกว่า พูดภาษาอังกฤษกับคนอังกฤษเนี่ย
แม่งยากที่สุดในโลกแล้ว  กร๊าก

ส่วนในมหาลัย คณะที่ตูเรียนก็มีแต่เพื่อนแขก
ดังนั้นสำเนียงที่ตูคุ้นชินมากคือสำเนียงแขก
แถมการพูดก็ติดสำเนียงแขกไปโดยไม่รู้ตัว
ดีที่ตูยังไม่พูดไปส่ายหัวไปด้วย   ฮือๆ~
ที่ทำงานตูก็มีแต่คนไทย กับแขก(อีกล่ะ)

แต่ไม่ได้หมายความว่า
การมาเรียนเมืองนอก
จะไม่ได้ภาษากลับไป
เพราะสิ่งที่ได้ นั่นคือการเปิดหู
ให้คุ้นชินกับสำเนียงนานาชาติ
นั่นคือเราก็จะฟังคนทั่วโลกพูดภาษาอังกฤษออก

เรื่องต่อมาคือเรื่องของการออกเสียง
เราจะออกเสียงได้ถูกต้องมากขึ้น
ยกตัวอย่างคำว่า Road
คนไทยจะออกเสียงว่า โร๊ด (เสียงสูงๆ)
แต่ในความเข้าใจของฝรั่ง
ถ้าออกเสียงอย่างนั้นจะเป็นคำว่า Wrote
คำว่า Road จริงๆ ต้องออกเสียงว่า โร่ด (เสียงต่ำๆ)
อะไรทำนองนี้เป็นต้น

สิ่งต่อมาคือเรื่องความเข้าใจในภาษา
ในรูปประโยค หรือในคำศัพท์ที่ใช้  มากขึ้น
เหมือนกับฟังเพลงตอนอยู่เมืองไทย
ก็แปลมาแบบเหมือนว่าจะใช่แต่แอบงงๆ
พอมาอยู่นี่ เลยเข้าใจว่าบริบทนั้นที่เขาใช้
จริงๆ แล้วมันหมายความว่ายังไง
เหมือนกับที่เก้อพูดนั่นแหละ
ว่าเราจะรู้ว่า ถ้าพูดหรือเขียนแบบนี้มันจะแปร่งหู

ในเรื่องของการสื่อสาร ตอนอยู่เมืองไทย
ฝรั่งคนนึงเคยบอกตูว่า เวลาฝรั่งมาเมืองไทย
มันจะพยายามทำความเข้าใจ
ภาษาอังกฤษที่คนไทยพยายามพูดอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าอยู่เมืองไทย ไม่ต้องกลัว
พูดถูกพูดผิด ก็พูดไป ขอให้สื่อสารได้เป็นพอ

ดังนั้นคำแนะนำว่า ถ้าอยากเก่งภาษาใด
ก็จงหาแฟนเป็นเจ้าของภาษานั้นๆ ครับ
(จบอะไรแบบนี้วะเนี่ย  กร๊าก )

ป.ล. อย่างที่เก้อบอกว่า ถ้ามันเข้าใจมันก็พยักหน้าเองนี่
ใช้กับแขกไม่ได้เด้อ เพราะเวลาเข้าใจมันจะส่ายหน้า
ถามมันว่า เข้าใจไหม มันส่ายหน้า แล้วบอกว่า เยส  กร๊าก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 เม.ย. 2009, 02:20 น. โดย iamnot » บันทึกการเข้า
มีแฟน มันจะได้ภาษากายแทนน่ะสิครับ หมีโหด~
บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
ต้องไปหาถึงถิ่นสิคะเนี่ย  กร๊าก
บันทึกการเข้า

Las Noches Rubicundior
ชอบๆ กร๊าก พูดไปส่ายหัวไป
เดี๋ยวจะหัดมั่ง


// ลองดูแล้ว กร๊าก มันยักคิ้วเองโดยอัตโนมัติด้วยนะ
บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
ชอบๆ กร๊าก พูดไปส่ายหัวไป
เดี๋ยวจะหัดมั่ง


// ลองดูแล้ว กร๊าก มันยักคิ้วเองโดยอัตโนมัติด้วยนะ




ไม่ได้เป็นกล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กันเลย ไปกันได้ไงคะเนี่ย กร๊าก
บันทึกการเข้า

อันบัน ♥
ทุกวันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นใจในการสื่อสารนะครับ (จริงๆ เพิ่งมั่นใจขึ้นหลังจากเรียนคณะนี้มาสองปี)
แต่แกรมม่งแกรมม่าก็ไม่รู้เลยเหมือนกัน ใช้ความเคยชินเหมือนเก้อ เวลาต้องเขียนเอสเสก็แค่ไม่ให้มันขึ้นยึกๆ แดงๆ ในเวิร์ด หมีโหด~

ทุกวันนี้กังวลแค่ว่า เมื่อไหร่ตูจะสอบผ่านเนี่ย ถามเพื่อนที่รับปริญญาไปแล้วมันบอกว่าก็รับได้นะ แต่ไม่ได้ทรานสคริปต์
ซึ่งพอหางานได้แล้วเนี่ย ดูทรานสคริปต์จะไม่จำเป็นเอาเสียเลย ทำให้ขาดความกระตือรือร้นที่จะไปสอบอีก ฮ่าๆ ฮือๆ

ปล. มีที่ไหนสอบง่ายๆ มั่งครับ แค่เอาให้ผ่านเกณฑ์ (เอาไปเทียบกะโทเฟล ได้ 500) ก็ำพอ ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
เสริม
การพูดให้ฝรั่งเข้าใจโดยไม่พึ่ง Tense

1. Present
    I go to the beach ง่ายๆ
2. Past
    I go to the beach yesterday อย่างนี้ไม่ถูก แต่ฝรั่งเข้าใจครับ
3. Future
    I will go to the beach tomorrow อย่างนี้คือถูกครับ

อันนี้นี่แหละครับ ที่จะเป็นประโยชน์ ถ้าขี้เกียจจำลืม Irregular verbs
ซึ่งปกติ เราก็ต้องมานั่งท่อง Irregular Verb อีก
ซึ่งภาษาอังกฤษ ไมี่ได้เน้นแกรมมาร์
แต่เน้นที่ Flurency หรือความลื่นไหล

แล้วก็เวลาคุยกับฝรั่ง ผมว่ามันเหมือนการตีปิงปอง การถามคำถามเขา มันเป็นการตีลูก
ในกีฬาปิงปอง ถ้าเราไม่ีลูกกลับ ก็เท่ากับเขาได้คะแนน
ในภาษาอังกฤษ ถ้าเขาถาม และเราตอบ โดยที่เราไม่ถามเขาเลย ฝรั่งก็จะไม่สนใจครับ
อย่างน้อย แค่ And you? ก็ยังดี
บันทึกการเข้า
คุ้นๆ เอามาจากหนังสือของคริส หรือปล่าวครับ งง (ไม่ได้อ่านนาน เริ่มลืมแล้วนะเนี่ย)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!