กร๊าก ตอบช้าไป ..โดนตัดหน้าซะแล้วต๋อย ออกตัวไว้ก่อนว่าภาษาอังกฤษอรไม่ได้ดีมาก อยู่กลางๆ
แต่อรเรียนมาหลายภาษา แล้วก็พอจับจุดอะไรได้นิดๆว่า
เรื่องภาษาจะได้ไม่ได้อรว่าหลักๆมันมาจากการใช้งานล่ะ
ตอนไปแลกเปลี่ยนที่เบลเยี่ยมโดยไม่มีพื้นฐานภาษาดัชท์
อรใช้เวลา 3 เดือนก็ ฟัง พูดได้แล้ว อ่านกับเขียนมาช้ากว่า
ในขณะที่ฝรั่งเศสเรียนใช้เวลาเกือบปีถึงจะได้เท่าภาษาดัชท์
เหตุผลคือโอกาสใช้ภาษาฝรั่งเศส (ณ ขณะนั้น) มันน้อยกว่า
มาตอนนี้ได้แต่ภาษาอังกฤษ เพราะไอสองภาษาข้างบนนั้น
มันเป็นภาษาที่ไม่ได้มีโอกาสใช้ เก่งแค่ไหนไม่ซ้อมก็ลืม..
อันนี้คือเล่าเกริ่นๆ
ประเด็นคือ.. ปรับสกิลให้เข้ากับชีวิตประจำวันได้ก็เป็นดี อย่างที่หลายคนว่า
อยากฟังเก่งก็ฟังให้เยอะ ...ดูหนังไ่ม่มีซับ ฟังเพลงแล้วพยายามฟังเนื้อ
อยากพูดเก่งพูดให้เยอะ ...พูดกับตัวเองหน้ากระจก คุยเยอะๆ แปลอังกฤษเป็นอังกฤษ
อยากอ่านเก่งอ่านให้เยอะ ...อ่านนิยาย อ่านการ์ตูน ชอบแนงไหนก็หาอ่าน
อยากเขียนเก่งเขียนต้องให้ชิน ...เขียนไดอารี่ เข้ากระทู้เมืองนอก
บางครั้งอรไม่มีคนคุยอังกฤษด้วย ก็พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษ
ตอนไหนพูดได้ก็พูด ลองพูดๆบ่นๆเป็นภาษาอังฤษ จะทำให้คุ้นปาก
เวลาคุยก็กระดากน้อยลง ..ถ้าต้องพรีเซ้นท์ลูกค้า ก็ลองซ้อมๆก่อน
(ซ้อมด่าหรืออธิิบายลูกค้า เวลาลูกค้างี่เง่าก็เป็นอีกวิธีที่ดีนะคะ
)
สำคัญคืออย่าอายที่จะผิด.. จะทำให้กล้าพูดได้เยอะขึ้นเลยค่ะ
แล้วอย่าไปกังวลเรื่องสำเนียงมาก เอาที่เราพูดแล้วสบายปากค่ะ
เพราะอังกฤษแต่ล่ะที่ก็มีสำเนียงของมัน ไม่ใช่ว่าต้องบริติชถึงจะดีส่วนเรื่องการเรียนศัพท์เฉพาะทางก็มีวิธีตามที่พี่โอดำบอก
คือมีดิกชันนารีเฉพาะทาง ...แต่วิธีที่อรใช้เวลาต้องเรียนเร่งมากๆ
คือการหาหนังสือวิชาที่เกี่ยวข้องกับด้านนั้นที่เป็นภาษาอังกฤษมาอ่าน
อ่านแล้วออกเสียงก็ช่วยเรื่องพูดได้ ไม่รู้คำไหนก็เปิดดิกชันนารี
คำไหนลืมบ่อยก็จด เขียนอธิบายเป็นภาษาอังกฤษง่้ายๆให้จำได้
ฟังดูเหมือนยุ่งยาก.. แต่พอทำไปเรื่อยๆ เราจะอ่านเร็วขึ้น จำมากขึ้น
เปิดดิกน้อยลง แล้วก็ชินกับระบบคำของมันค่ะ
แต่อันนี้ก็วิธีแบบอรๆนะคะ
ง่ายไปยากไปก็แล้วแค่ถนัด
หวังว่าคงช่วยอะไรได้บ้างนะคะ