หน้า: 1 ... 14 15 16 17 18 19 20 [21] 22
 
ผู้เขียน หัวข้อ: 40 ฟอนต์จากฟอนต์.คอม ณ หอศิลป์กรุงเทพ  (อ่าน 150471 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
งั้นก็ไม่ต้องดูงานเลยครับ มันจะออกมาเพียวริขุ มาก  หมีโหด~
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
งาน Type แนว Deconstruction อาจจะเป็นข้อสรุปของงานกราฟิกยุค '90
โดยมีดีไซน์เนอร์อย่าง David Carson หรือ Why not Associates เป็นตัวชูโรง

ช่วงต้นของสหัศวรรษใหม่ยุคครึ่งแรก 2000-2005 งานแนวสแกนดิเนเวียน กราฟิกที่คล้ายสถาปัตย์มี 3D มาผสม
เกือบเป็นข้อสรุปทั้งหมดของช่วงนี้ งานกราฟิกเริ่มพาตัวเองมาเข้าใกล้งาน Fine Arts มากขึ้น
เป็นยุคที่คนทำงานกราฟิก เริ่มมาปล่อยของทาง internet กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
งานของ Mike young, Joshua Davis และอีกหลายๆคนเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนหลายต่อหลายคนที่ตามงานทางเว็บไซต์
งาน vector และคาแรคเตอร์เริ่มแทรกๆตัวเข้ามา แต่ยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก แต่เริ่มเห็นๆจุดเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จกันแล้ว
ของเล่นแบร์บริกที่มีลวดลายกราฟิก, งานคาแรคเตอร์ Tofu ของ Devil Robots, กระเป๋าหรูที่เอาลาย Tokidoki ไปทำแล้ววางขาย

งาน vector มันนำพาตัวเองต่อเนื่องมายังครึ่งหลัง 2005-2010 ซึ่งอาจจะเรียกว่าเข้าสู่งานแนวแม็กซิมั่ม งานถึกๆ รายละเอียดยุ่บยั่บ
งาน vector เริ่มกลับมาผสมโดยใช้งาน Rastor (จำพวกงาน Retouch) บางงานมีกลิ่นอายของการใช้งานมือ อย่างตัดแปะ คอลลาจ ดรออิ้ง
รวมไปความรู้สึกของงานแนวภาพพิมพ์อิชชิ่งก็ยังมีคนทำออกมาให้เห็น
ว่าไปไอ้แนวๆแม็กซิมั่มนี่มันก็เป็นข้อสรุปของงานกราฟิกยุคครึ่งหลังของ 2000-2010 เลยนะ

พวกนี้คือเทรนด์ที่มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่คนที่เขาทำงานจนมีสไตล์เป็นของตัวเอง มันก็ยังมีชื่อ-มีงานอยู่ได้ถึงปัจจุบัน
อันนี้เอาตามที่ผมศึกษาและดูมาอย่างมั่วๆของผมนะพี่โอ๋ เอากันตามความรู้ที่พอจะเล่าได้โดยไม่เปิดตำราอะไรมาก
จริงๆผมว่างานมันมีหลายแบบหลายแนว แต่ช่วงนี้มันแห่แหนไปทางฝั่งที่บอกเอาซะเยอะมากแค่นั้น
นึถึงเพลงอัลเทอร์ หนังสือทำมือ หนังสั้น ที่มันเป็นกระแสเหมือนเรื่องกราฟิกแนวนี้เช่นกัน
พวกตัวจริงๆมันทำก่อนที่จะบูม แม้หายบูมแล้วมันก็ยังทำอยู่แบบนั้น คือมันทำของมันอยู่ก่อนแล้ว
แต่พวกที่มาทีหลังอาจจะกลายเป็นคลื่นลูกใหม่หรือเข้ามาตามกระแสแล้วจากไปก็มี

แล้วก็มาสะดุดที่อันนี้.....


ก็อย่างที่ว่าละครับ กราฟิกกลุ่มดังๆของไทย
ผมก็ยังแอบเห็นว่า เค้าก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองนอกเค้าเหมือนกันนะ
แต่อยู่ที่ว่า ใครจะทำได้ดี ใครทำก่อนก็ดังไป


บอกสั้นๆว่า "ก็ใช่แหล่ะ" โดยมากเป็นแบบนั้น บางคนบางกลุ่มงานเขาโดนดั๊นดันโดยคนรู้จัก สื่อ หรืออะไรก็ตาม
ดังนี่ดังจริง แต่ก็ดังแค่ในประเทศนะ เพราะออกไปข้างนอกในระดับนานาชาติมีคนทำงานแนวนั้นๆไปมากแล้ว มีเป็นร้อยมีเป็นพัน
และทำเจ๋งกว่ามากมาย มันไม่ใช่แรงบันดาลใจ แต่เป็นการลอกแบบดัดแปลงอย่างชาญฉลาด
ทำให้งานออกมาสวย เท่ห์ หล่อ โดยเอาจริตต่างชาติมายัด
ของจริงไม่ต้องกลัวน้ำร้อนครับ ออกไปไหนก็สู้เขาได้ แต่ถ้าออกไปแล้วเขาเมินเขาไม่เอา
ไม่ยอมรับงานคุณแถมด่าเหน็บกลับมานี่ มันก็ไร้ประโยชน์
พอข้างนอกเขาไม่สน ก็กลับมาแอ๊คมาโชว์คนไทยด้วยกันก็ได้ฟร่ะ ไอ้แบบนี้นี่เยอะมากนะ

ให้สังเกตุการรวมเป็นกลุ่มกราฟิกบ้านเรา จะค่อนข้างต่างจากต่างชาติ ไม่ได้รวมกันเพื่อทำงานเป็น unity เดียวกัน
unity คืออะไร? มันก็คือลักษณะเด่นของงานที่ออกมาว่าเป็นยังไง คนที่ตามๆงานต่างประเทศมาบ้าง
จะรู้ว่า Devil Robots, Phunk, เขาก็มีกัน 3-4 คนในกลุ่ม
เวลาเอางานไปแปะที่ไหนหรือทำให้ใคร อยู่บนงานอะไร มันไม่ต้องบอกหรอกว่าใครทำ เห็นก็รู้เลย ทั้งหมดในกลุ่มเขาทำงานเป็น unity ได้
ผิดกับงานบ้านเรานะ โดยเฉพาะที่เป็นกลุ่ม จะมาแบบคนละทิศทาง คนละแบบ อาจจะเป็นทั้งข้อดีข้อเสีย แต่คุม unity ให้เป็นหนึ่งไม่ได้
เวลาไปแปะตัวงานโต้งให้เห็นๆรวมกันหลายๆคน หลายๆกลุ่ม แล้วไม่รู้เลยว่าที่ไหนทำ รู้แค่ว่าสวย เท่ห์ แต่ใครทำฟร่ะเนี่ย
บางครั้งรู้สึกว่ามารวมกันเพื่ออะไร เพื่อต่อรองธุรกิจ เพื่อหาลูกค้า เพื่อพัฒนางาน หรือเพื่อฆ่ากันเองในวงการ...
หลายกลุ่มมาแบบไปเร็ว มาเร็ว แตกดับไปตามกาลเวลา คุณอยากดังแบบประเดี่ยวประด๋าว ขึ้นมาแล้วก็จากไป
หลายกลุ่มหลายคนหายไปแบบไม่มีตัวงานให้เล่าขาน มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้ารักษาระยะและสร้างอะไรใหม่ๆไม่ได้เลย

วิธีคิดงาน คิด visual มันมีวิธีของมัน แรกๆอาจจะ Copy>>inspire ก็ว่ากันไป
แต่อยากจะบอกว่าพอถึงจุดๆหนึ่ง ลองไปคิดที่รากแบบง่ายๆ้้เลย อาจจะเจอคำตอบว่าอะไรหรือสิ่งไหนที่เราควรจะนำมาใช้
บางอย่างเราคิดไม่ถึง มองข้าม มันอาจจะนำมาใช้ได้ แม้สิ่งที่มันดูทุเรศก็ตาม เอามาทำใหม่ให้ดีมันก็ได้นี่นา
สิ่งที่เราเรียนรู้จากตำราตะวันตก มันเป็นจริตเป็นเปลือก ซึ่งบางอย่างทำตามเขาไปหมด ก็ใช่ว่าจะโอเค
ตัวอย่างคือ งานแนว Type บ้านเราทำสู้ฝรั่งมันไม่ได้ เพราะรากจริงๆเราพึ่งมีหลักศิลาจารึกช่วงสมัยพ่อขุนรามฯนี่เองก็ประมาณ 600-700 ปี
แต่ทางยุโรปน่ะโฮเมอร์มันเขียนโอดิสซี่มาตั้งแต่ 1,000-2,000 ปีที่แล้ว เขาผูกพันกับตัวอักษรมากกว่าเรามาก
ลองอะไรมาเยอะกว่า นานกว่า อันนี้คือข้อแตกต่างระหว่างเรากับเขา
บางทีไม่ต้องเชื่อตรูหมดก็ได้นะ แค่อ่านๆแล้วก็เอาไปคิดผสมๆกับความรู้ของตัวเอง แต่อาจจะงงยิ่งกว่าเดิม  กร๊าก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ส.ค. 2009, 05:20 น. โดย 8e88 » บันทึกการเข้า
จากมุมมองของคนที่มีความรู้ด้านกราฟฟิคแค่หางอึ่งนะครับ  ไหว้

ผมว่า เมืองไทยมีการแสดงงานอะไรแบบนี้น้อยไปหน่อย
ดังนั้นศิลปินหรือคนทำงานด้านนี้
จึงมีที่ีทางสำหรับเปิดโลกทรรศน์น้อยไปนิดในเมืองไทย
ไม่ได้หมายความว่าคนไทยหรือศิลปินไทยไม่มีฝีมือ

อย่างที่พี่โอ๋บอกว่า มันดูเหมือนๆ กันไปหมดนั้น
มันก็เป็นผลพวงจากเรื่องนี้แหละครับ
และอาจจะมาจากการศึกษาส่วนนึงด้วย

เท่าที่ผมได้ดูงานจากแถวๆ นี้มาบ่อยๆ
ทั้งจากงานแสดงของนักศึกษาตามสถาบันต่างๆ
หรือจากมืออาชีพระดับโลกที่มาแสดงในเทท โมเดิร์น หรือ ดีไซน์ มิวเซียม
สิ่งที่ผมสังเกตได้อย่างนึงคือ
เรื่องของการต่อยอดทางความคิดในเรื่องการออกแบบ
เขาคิดออกไปได้กว้างไกลไร้ขอบเขตมากๆ
ส่วนนึงก็คือ เขามีงานแสดงให้ดูกันบ่อยๆ
มันก็ทำให้โลกทรรศน์เปิดกว้างในการทำงาน
มากกว่าการทำงานตามแฟชั่น

ไม่ใช่ว่างานแถวนี้จะดีทุกชิ้นเสมอไปนะครับ
มันก็มีทั้งห่วยและดี คละๆ กันไป
(ในสายตาของผมนะ  ไหว้)

แต่ส่วนใหญ่งานที่จัดในเทท โมเดิร์นหรือ ดีไซน์ มิวเซียมนี่ มักจะดี
และมีแนวทางที่ชัดเจน ในการจัดงานมากกว่างานตามสถาบันการศึกษา
(แน่นอนล่ะ ความเป็นมืออาชีพมันต่างกัน)

งานแบบนี้หลายๆ ปีถึงจะมีทีนึงในเมืองไทย
แต่แถวนี้มีให้ดูทุกเดือน ยิ่งช่วงจบการศึกษา
ก็มีให้ดูแทบทุกสัปดาห์

ก็ขอให้กำลังใจแก่คนจัดงานแบบนี้ในเมืองไทยนะครับ  เจ๋ง
คนด่าก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อย่าเก็บมันมาเป็นเรื่องส่วนตัว
แต่จงเอามันมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข
สำหรับงานครั้งต่อๆ ไป อย่าเพิ่งล้มเลิกไปเสียก่อนนะครับ  ไหว้

................................

ป.ล. อยากได้ยินความเห็นจากบักเก้อมากๆ   กรี๊ดดดดด
ไม่เห็นในจู๋นี้เลยแฮะ
บันทึกการเข้า
 ไหว้ โอ้ว ขอบคุณมาก ที่เอามาให้ดู แปะจ้ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ามาดูใหม่
บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้
การปลูกป่านั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นสีเขียว

ในตัวสีเขียวเองนั้นก็แบ่งแยกออกได้เป็นหลายประเภทไม่ว่าจะ เขียวขี้ม้า เขียวอมเหลือง หรือเขียวแก่

แต่ในตัวจุดประสงค์ของสีเขียวนั้นแล้วเหมือนกัน ต่างกันในเพียงวิธีการนำเสนอ เราก็ไม่สามารถตอบได้ว่า สีเขียวแบบไหนดีกว่ากัน

ขอให้มีเป็น "สีเขียว" ก็เพียงพอแล้ว

ขอให้แค่ "สีเขียว" นั้นไม่ถูกเอาไปใช้ในเป็นหัวข้อดึงดูดทางการตลาด ในการขาย-จำหน่ายสินค้าก็พอแแล้ว

ปล. ผมเมา
บันทึกการเข้า
แอบอ้าง
ป.ล.
เรื่องสไตล์งานแบบที่คุยๆ กันนี่ เห็นด้วยครับ
แต่ทำไมล่ะ - ในเมื่อมันเป็นกระแสและยุคสมัยของสไตล์นี้
ก็ให้มันรู้ไปเลยว่า ปี 2009 นี้นักออกแบบไทยเราเล่นกันแบบนี้
ให้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ไป แล้วอีก 10 ปีมาคุยกัน

(หรือถ้าจะมีใครที่แหวกหรือสร้างกระแสใหม่เฉียบขาดออกมา ก็จงชื่นชมเขาอย่างบ้าคลั่งไปเลย)

สองปี พวก ก็ลืมครับ
บันทึกการเข้า

เมื่อก่อน ตอนสมัยยังเรียนมหาลัยอยู่ เมื่อเกือบๆ 10 ปีที่แล้ว
ผมเคยนั่งดู คลังกับกบ 2 ใน กลุ่ม B.O.R.E.D มันนั่งทำงานกราฟิกของมันส่งลูกค้า
จำได้ว่า รู้สึกทึ่ง และ เจ๋งมาก ตอนนั่งดูมันออกแบบ + เขียนงานเวกเตอร์
เพราะช่วงนั้น งาน Motion Graphic บ้านเราใช้น้อยมาก มันเลยดูใหม่ และ เจ๋งสุดๆ
ซึ่ง มันเองก็สนุกกับการได้เขียนได้ออกแบบอะไรแบบนั้น เหมือนไ้ด้ลองอะไรใหม่ๆ
เพราะมันเบื่อ ที่ต้องทำตามกรอบเดิมๆ เหมือนเค้าวางไว้ ใครทำก็ได้

ผมคิดว่า พองานที่คนทำแล้วมันรัก มันใส่ใจ มันเลยมีพลังอยากให้คนเอาอย่าง
เพราะใครๆ ก็อยากเจ๋งแบบนั้นบ้าง มันเลยกลายเป็นเหมือนบรรทัดฐานในเวลาต่อมา
จนตอนนี้ แม้แต่ โฆษณาขนมเด็ก ยังใช้ Motion กันเกลื่อนแบบไม่นำพาเลย

เมื่อกลางปีที่แล้ว ได้เจอคลังอีกรอบ ตอนมันมาแสดงงานที่เชียงใหม่
มันบอกมันคงจะไปทำอย่างอื่นต่อแล้ว มันรู้สึกไม่สนุกกับงานแบบที่เป็นมาอีกแล้ว
เดี๋ยวนี้ คนทำงานในลักษณะเดียวกันหมด มาตรฐานของงานลูกค้า ก็เลยยิ่งต่ำลงๆ
เพราะบางคนทำไม่ได้รัก ทำตามเค้าไปเฉยๆ งานมันเลยดูแย่ๆ

ผมก็รอดูมันต่อไปอีกเหมือนกันครับ ว่ามันจะไปทำอะไรต่อ
แล้วคนจะแห่ไปสู่ทางไหนอีก อาจกลับไปงาน Type เหมือนสมัยก่อนก็ได้

ผมพอเข้าใจความรู้สึกเหมือนกันนะ เมื่อก่อน งาน 3D Presentation เป็นอะไรที่ใหม่มาก
ผมหัดใช้งานเป็นเวลาหลายๆปี พร้อมเพื่อนๆกลุ่มเดียวกัน จนใช้งานได้ในระดับนึง
จนมาถึงปัจจุบันที่งาน 3D เป็นสิ่งที่คนจบใหม่เกินครึ่ง ทำเป็นหมดแล้ว อาจด้วยเพราะเทคโนโลยีที่ง่ายขึ้น
คนเลยมักง่ายตามขึ้น บางคนทำโดยอาศัยของสำเร็จรูปทั้งหมดมาจัดๆ อัดไฟตามติวเตอร์ ก็หากินได้แล้ว
ตัดราคา ตัดมาตรฐาน คนรุ่นก่อนๆที่เป็นคนสอนมา อะไรๆก็ 3D 3D จนความศรัทธาลูกค้า ก็หมดตาม
จนปัจจุบัน มันก็เลยย้อนกลับไปสู่การเขียนพรีเซนท์ด้วยมืออีกครั้งแล้ว เพราะรู้สึก เอียน 3D กันไปหมดแล้ว
บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
เฮ้ยอาร์ตครับ
ไอ้ที่เราคุยๆ กันอยู่นี่
จงรู้ไว้เลยนะครับว่ามันเป็นการผลิดอกออกผลจากงาน BCG+ นี่แหละ
เห็นไหม โคตรเจ๋งเลย
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
อ่านแล้วได้ความรู้มากครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
เฮ้ยอาร์ตครับ
ไอ้ที่เราคุยๆ กันอยู่นี่
จงรู้ไว้เลยนะครับว่ามันเป็นการผลิดอกออกผลจากงาน BCG+ นี่แหละ
เห็นไหม โคตรเจ๋งเลย

ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ  เจ๋ง
บันทึกการเข้า
เฮ้ยอาร์ตครับ
ไอ้ที่เราคุยๆ กันอยู่นี่
จงรู้ไว้เลยนะครับว่ามันเป็นการผลิดอกออกผลจากงาน BCG+ นี่แหละ
เห็นไหม โคตรเจ๋งเลย

อุตส่าห์ไปซื้อหม้อต้มลูกชิ้น / ลวกก๋วยเตี๋ยว
ตอนเเรกนึกว่าถ้างานเจ๊งกะจะไปขายก๋วยเตี๋ยวหน้าหอศิลป์เเทนล่ะคับ   อ๊าง~

เเต่จริงๆตอนนี้เริ่มเเพลนงานปีหน้ากันเเล้วครับ สู้ๆครับ  เจ๋ง
บันทึกการเข้า
งั้นขอซื้อต่อหม้อก๋วยเตี๋ยว ถูกๆนะครับ
บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
อา มาตอนตลาดวายแล้ว ได้ไรเยอะแยะเลยค่ะ  ไหว้

ปล.เรื่องเปเป้อทอยนี่ตอนแรกที่พี่แอนบอกว่าไม่เจอนี่แอบเสียใจนิดๆแหละ เพราะอวดแม่ไปแล้ว  กร๊าก
แต่เห็นที่ผนังในรูปอีกทีแล้วก็รู้สึกดี....   อวดแม่ใหม่อีกรอบ  กร๊ากกกกก!!!
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
อา มาตอนตลาดวายแล้ว ได้ไรเยอะแยะเลยค่ะ  ไหว้

ปล.เรื่องเปเป้อทอยนี่ตอนแรกที่พี่แอนบอกว่าไม่เจอนี่แอบเสียใจนิดๆแหละ เพราะอวดแม่ไปแล้ว  กร๊าก
แต่เห็นที่ผนังในรูปอีกทีแล้วก็รู้สึกดี....   อวดแม่ใหม่อีกรอบ  กร๊ากกกกก!!!

สิ้นปีนี้ นานาจะเริ่มมีชื่อเสียง
ปีหน้า นานา จะมีแฟนคลับ
และ อนาคต นานาจะดัง

อวดแม่ได้อีกนานเลย
บันทึกการเข้า

อาจจะช้าไปหน่อย (ไม่หน่อยล่ะ ฮือๆ~)

งานทีซิสผมก็ได้ไปแสดงในงานนี้เหมือนกันครับ

ในห้องของม.กรุงเทพ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 14 15 16 17 18 19 20 [21] 22
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!